หรือว่ามันจะจริง?
20 December 2007
ปีก่อนหน้าการรัฐประหารมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์ ผมไม่กล้าจะชี้ชัดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน น้ำหนักหางเสียงของบางฝ่ายน่าเชื่อถือก็จริงอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานชี้ชัด นอกเหนือไปจากท่วงทำนองการพูดจาพล่อยๆ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงอย่างคำว่า "กระซิบ" หรือ "ผีที่ไหน" แม้นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญวงเมามักตีความว่าคำพูดที่หลุดนั่นแหละคือคำที่เกิดจากความนึกคิดจริง กระนั้นผมยังไม่ใคร่จะปักใจเชื่อ
จนเมื่อประดาบออกมางับหางอดีตพวกเดียวกันอย่าง "สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" ตราหน้าว่า "หักหลัง" ผมพิเคราะห์คำนี้อยู่นานแต่ไม่ได้คำตอบชัดว่าหมายถึงการตีจากเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า จนเมื่อสุรเกียรติ์ออกมาโต้ว่าไม่ได้หักหลัง และพูดถึง "อุดมการณ์" การบางอย่างที่ไม่ตรงกันและถึงขึ้นรับกันไม่ได้ ไปด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป
ผมไม่เคยหักหลังพรรคไทยรักไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมา มันตอกย้ำสิ่งที่ผมได้ยินมากับหู จากคนในพรรคไทยรักไทย หรือได้ยินจากแหล่งอื่น สิ่งที่ได้ยินเป็นอุดมการณ์ที่ผมไม่เห็นด้วย และเป็นแนวทางที่ผมรับไม่ได้ ถ้าผมไม่ออกมาก็เท่ากับผมหักหลัง ทรยศ อกตัญญู ต่อแผ่นดิน
ผมไม่เคยให้ราคาอะไรกับคนชื่อสุรเกียรติ์เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนพินอบพิเทากระดิกหางยกขาหน้าดีคับๆ ให้กับเหลี่ยม แต่คำพูดเขาทำให้ผมต้องหยุดคิด แต่ก็ยังหาคำตอบอะไรไม่ได้และทิ้งไว้เป็นคำถามแค่นั้น กระทั่งวันนี้ที่ นงนุช สิงหเดชะ ทวงถามผ่านมติชนรายวันให้ออกมาเปิดเผยว่าที่พูดถึงนั้นหมายถึงอะไร และเป็นโอกาสสุดท้ายของการแก้ตัว ทั้งต้องทำก่อนการเลือกตั้ง
คุณสุรเกียรติ์ในฐานะที่อาจจะเรียกได้ว่า "ผู้ใกล้ชิดราชวงศ์" จะต้องมีความกล้าหาญในการเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า "คำพูด" ที่ "อดีตคนใหญ่โตในรัฐบาล" พูดภายหลังจากทราบว่าถูกรัฐประหารนั้นคืออะไร เพราะว่ากันว่าคำพูดประโยคนั้นเองของ "อดีตคนใหญ่โตในรัฐบาล" ที่ทำให้คุณสุรเกียรติ์ตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลว่าต้องถอนตัวออกมาจากการสนับสนุนคนคนนั้น
"อดีตคนใหญ่โตในรัฐบาล" กล่าวประโยคนั้นขณะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และคุณสุรเกียรติ์ซึ่งติดตาม "อดีตคนใหญ่โต" ไปสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว "ได้ยิน" ประโยคนั้นของ "อดีตคนใหญ่โต" ทางคุณสุรเกียรติ์จึงได้โทรศัพท์ในสิ่งที่ได้ยินข้ามประเทศไปยังฝรั่งเศส เพื่อแจ้งแก่ผู้ตามเสด็จฯที่ร่วมโต๊ะเสวยที่กรุงปารีสในขณะนั้น ซึ่งนอกจากผู้ตามเสด็จฯจะรับทราบ "เนื้อหา" คำพูดที่ว่านั้นของ "อดีตคนใหญ่โต" แล้ว ทูตไทยที่ร่วมโต๊ะเสวยก็รับทราบเช่นกัน
มันอะไรหรือครับ? ทางหนึ่งอาจคาดเดาไปได้ว่าอาจจะปากพล่อยกล่าวคำที่ไม่ควรพูดในที่สาธารณะถึงเบื้องสูงอีกครั้ง และหยาบจนไม่น่ารับฟัง อีกทางก็อาจวิเคราะห์ไปได้อีกว่าเมื่อพูดในระดับ "อุดมการณ์" แสดงว่ามีอะไรมากกว่าแค่คำพูด แต่เป็นเรื่องแนวทาง แนวทางที่คนเคยร่ำลือเรื่อง "ปฏิญญาฟินแลนด์" หรืออาจจะทั้งสองทางประกอบกัน?
คุณสุรเกียรติ์ยอมผละจาก "อดีตคนใหญ่โต" ก็ต่อเมื่อหลังเกิดรัฐประหาร และเชื่อว่าเป็นเพราะคำพูดประโยคนั้นของ "อดีตคนใหญ่โต" ที่คุณสุรเกียรติ์ "ได้ยินมากับหู" ที่ทำให้คุณสุรเกียรติ์ "ตาสว่าง" ในสิ่งที่เขาร่ำลือกันเกี่ยวกับ "เป้าหมาย" ของ "อดีตคนใหญ่โต" และบรรดากุนซือซ้าย-ขวาที่อยู่วงในใกล้ชิดนายใหญ่
ประโยคด้านบนจากบทความของนงนุช สิงหเดชะ ชวนให้คิดและคลับคล้ายคลับคราว่าเป็น "คำตอบอยู่ในตัว"
เหลี่ยมไม่ใคร่จะถูกอกถูกใจ พล.อ.เปรม นั้นเป็นเรื่องที่รับรู้ดีอยู่ทั่วไป การเอาหมัก ป.ม. ออกมาชนก็เข้าใจได้ แต่การพยายาหยิบ "ขวาจัด" มาเป็นสัญลักษณ์ในความจงรักภักดีหรือกระทั่งคำขวัญใหม่ของพรรคพลังนอมินีอย่าง "เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ซ่อนนัยยะบางอย่างเหนือจากนั้น คำสัมภาษณ์ล่าสุดที่ "อยากขอเข้าเฝ้าฯ" นอกจากเป็นการทิ่มแทงแล้ว มีความหมายอย่างอื่นหรือเปล่า
ถ้าสุรเกียรติ์ไม่ยอมปริปาก วันหน้าสิ่งนี้จะเป็นตราบาปและความจริงนั้นจะเป็นที่ประจักษ์ในวันใดวันหนึ่งอันใกล้นี้ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนตีความเอาว่า..ท่าจะเป็นจริง
