ม็อบพารากอน...ฉีกตำราโพลล์
อาจเรียกได้ว่า "ฉีกตำราโพลล์" อย่างสิ้นเชิง หลังจากเห็นพลังมวลชนล้นหลามที่หน้าห้าง "สยามพารากอน" นับตั้งแต่ช่วงเย็นย่ำเมื่อวันวาน
ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว "เอแบคโพลล์" เพิ่งแจ้งผลสำรวจความเห็นคนกทม.และปริมณฑลต่อการชุมนุมของม็อบ จนห้างสรรพสินค้าต้องประกาศปิดวันทำการว่าคนส่วนใหญ่ "ไม่เห็นด้วย"
"ร้อยละ 71.1 ระบุไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมไปตามจุดต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าบนถนนสีลมและถนนสุขุมวิท...
...และผลสำรวจยังพบอีกว่าประชาชนเกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 56.3 ไม่สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มเรียกร้องให้รักษาการนายกรัฐมนตรีลาออก"
เป็นที่มาของการวิเคราะห์ว่าสาธารณชนมีแนวโน้มสนับสนุนม็อบพันธมิตร "น้อยลง"
เพราะการใช้ยุทธศาสตร์ "ดาวกระจาย" อย่างที่ทำอยู่มันส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคน กทม.และปริมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปัญหาการจราจร
เป็นที่มาของการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า อารมณ์และความคิดเห็นของคนกรุง จึง "ถดถอย" ไปจากฐานการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตร
"เพราะการเคลื่อนย้ายที่ไปกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขาจึงทำให้เกิดความเครียดและไม่พอใจต่อกลุ่มพันธมิตรมากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน"
แต่พลันที่ได้เห็นฝูงชนล้นหลาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ฝูงชนคุณภาพจากรั้ว "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" มาสมทบ
ผลสำรวจจากโพลล์ที่ว่ามา จึงแทบไม่มีความหมาย !!!
เพราะฝูงชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ
ถ้าประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น...
ประเด็นหนึ่งที่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจมาร่วมสมทบของคน กทม.กันหนาตาอย่างนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้รับอานิสงส์มาจากกรณี "ซือเจ๊" ซอยละลายทรัพย์
เพราะถือเป็น "ครั้งแรก" ที่คนชั้นกลางในย่านเมืองหลวง แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อ "ผู้นำ" โดยตรงชนิดไม่หวั่นเกรง
ผลจากความกล้าหาญเมื่อไม่กี่วันนั่นแหละ ที่เป็นตัวจุดประกายให้ "คนชั้นกลาง" ที่มักถูกปรามาสมาตลอดว่าเป็นพวกที่ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่รู้สึกรู้สากับความเป็นไปของบ้านเมือง ออกมาแสดงพลังกันมากขึ้นในครั้งนี้
เมื่อมี 1 คนที่กล้า ก็ย่อมต้องมีคนที่ 2-3-4 ตามมา !
ถึงนาทีนี้ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า นับแต่สถานการณ์ "ซือเจ๊" ออกโรง จนกระทั่งเห็นขยายมาเป็นภาพฝูงชนเมืองหลวงเรือนแสนอัดแน่นอยู่บนถนนพระรามที่ 1
ได้ส่งผลสะเทือนต่อบัลลังก์ของ "นายทักษิณ" ชนิดที่ประเมินเป็นตัวเลขแทบไม่ได้
ไม่เพียงแค่ปริมาณเท่านั้น หากแต่เมื่อบวก "คุณภาพ" ของฝูงชนเข้าไปด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องเอามือก่ายหน้าผาก
เพราะแม้ขนาดคนที่ได้รับมอบหมายให้คุมเกมอย่าง "พล.ต.อ.ชิดชัย" จะพูดอย่างเหลืออดว่าทนแทบไม่ได้ และถึงขั้นเตรียมการสลายม็อบเอาไว้แล้ว
แต่นาทีนี้มัน "ไม่ง่าย" ซะแล้ว !!!
ประชาชนที่ "พล.ต.อ.ชิดชัย" อ้างว่าเบื่อระอากับบรรดาม็อบพันธมิตรเต็มทีนั้น แทนที่มันจะลดน้อยลง แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ความคิดในการ "สลายม็อบ" จึงต้องพับใส่กระเป๋า
และประเมินได้ทันทีว่าสถานการณ์การชุมนุมในวันถัดมาก็จะอุ่นหนาฝาคั่งไม่แพ้วันแรกด้วยซ้ำ
ถามว่า...เมื่อสถานการณ์เดินมาสู่จุดที่ถูกปฏิเสธจากกลุ่มคนระดับที่มีการศึกษา ชนชั้นปัญญาชนในเมืองหลวงอย่างนี้
"นายทักษิณ" ยังคิดอยู่หรือไม่ว่าสถานการณ์จะจบลงด้วยดี ???
นาทีนี้ต่อให้เดินไปถึงการเลือกตั้งปัญหาก็ยังไม่จบแน่
สิ่งที่ "นายทักษิณ" ยังต้องเผชิญ ก็คือฝูงชนกลุ่มเดียวกันนี่แหละ ที่จะออกมาแสดงพลังอีกครั้งหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น
เพราะคาดการณ์กันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ปัญหาวุ่นๆ จากการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์จะตามมาอีกเพียบ
...ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ได้ไม่ครบ 500 ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้
...การทุจริตเลือกตั้งที่จะถูกตามไล่บี้กันไม่จบ
และโดยเฉพาะ ถ้า "นายทักษิณ" และพรรคไทยรักไทยดึงดันที่จะนั่งอยู่ต่อให้ได้ โดยอ้างความชอบธรรมจากตัวเลข ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา
"ม็อบพันธมิตร" กลุ่มนี้นี่แหละที่จะตามราวีไม่เลิก
เพราะปัญหาอยู่ที่ตัว "นายทักษิณ" เพียงคนเดียว
ถึงวันนั้นสถานการณ์การขับไล่จะ "รุนแรง" กว่าที่คิดหลายเท่า !!!
นักข่าวหมายเลข 19
http://www.darknews.net/2006/03/30/newsp2_585.php