แชร์ก๋วยเตี๋ยว

เหยื่อ! แชร์ลูกโซ่โผล่อีกแล้ว คราวนี้เป็น สมาชิกแฟรนไชส์บริษัท สยามฟูดซ์ แฟรนไชส์ หรือ ก๋วยเตี๋ยวบางกอก กว่า 100 คน เข้าร้อง “ดีเอสไอ” ไม่ได้รับเงินปันผลจากการขายก๋วยเตี๋ยว ผู้บริหาร และบริษัท เปิดตูดหนี ก่อนรวมตัวเข้าร้องเรียน เหยื่อแชร์ก๋วยเตี๋ยว เผย ออกโฆษณาชวนเชื่อจะได้กำไรเดือนละ 10,000 บาท ก่อนชักชวนเพื่อนให้มาลงทุน หลงเชื่อหมดไปกว่า 19 ล้านบาท

วันที่ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สมาชิกแฟรนไชส์บริษัท สยามฟูดซ์ เฟรนไชส์ จำกัด ประมาณ 100 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีดีเอสไอ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีกับบริษัท สยามฟูดซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 1463 ทาวน์อินทาวน์ ซอยลาดพร้าว 94 ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.ฐานฉ้อโกงประชาชน ภายหลังสมาชิกแฟรนไชส์ขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็น ติดต่อขอรับเงินปันผลจากการขายก๋วยเตี๋ยวกับบริษัท แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถติดต่อผู้บริหารได้ และบริษัทปิดตัว จึงเชื่อว่า ถูกหลอก ก่อนรวมตัวกันเข้าแจ้งความ ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ส่งตัวแทนประมาณ 5 คน ไปเจรจากับทางดีเอสไอนานกว่า 1 ชั่วโมง

จากนั้น นายภิญโญ ทองชัย จึงมาชี้แจงกับผู้เสียหายว่าถ้าเป็นการดำเนินการธุรกิจขายตรงปกติ ก็จะมีบริษัทผู้ผลิตสินค้า ผู้บริโภค และผู้ขายอิสระ กลไกก็จะผ่านผู้ขายไปสู่ผู้บริโภค มีการแบ่งกำไรกัน 2-3 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นลักษณะของการระดมทุนและให้กำไรเกิน 200-300 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางที่จะทำธุรกิจอะไรแล้วได้เงินมากขนาดนี้ ถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ถ้ามีผู้เสียหายมาแจ้งความเร็วก็จะมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถ้ามาแจ้งความช้า มีการหอบเงินหนีไปแล้ว โอกาสที่ได้เงินคืนก็จะยากขึ้น ตามขั้นตอนก็จะให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายลงชื่อไว้ทั้งหมด ทางดีเอสไอก็จะเชิญมาสอบปากคำต่อไป และทราบว่ามีผู้เสียหายบางส่วนแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง แล้ว

ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า กรณีบริษัท ฟู๊ดแฟรนไชส์ หรือ ก๋วยเตี๋ยวบางกอก นั้นมีประชาชนจำนวนมากไปแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง ซึ่งตนได้รับการประสานจาก ผกก.สน.วังทองหลาง ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำเบื้องต้นแล้วประมาณ 50 ปาก ขณะเดียวกัน ในช่วงบ่ายจึงได้นำสำนวนมาให้ดีเอสไอดำเนินการ โดยมีผู้เสียหายตามมาร้องทุกข์ด้วย และประสงค์จะให้ทางดีเอสไอเรียกเงินที่ได้ลงทุนคืนมา ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายที่จะเป็นความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนแล้ว เพียงแต่อาจจะต้องประสานกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการเงินนอกระบบอีกครั้ง ถ้ายืนยันแล้วก็จะสอบสวนในฐานะผู้กล่าวหา และยื่นต่อศาลเพื่อออกหมายจับ ในส่วนของเงินที่ผู้เสียหายลงทุนไปนั้นก็จะได้ประสานและทำหนังสือไปยังธนาคารเพื่อให้อายัด รวมทั้งให้ ปปง.เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการโยกย้ายถ่ายโอนของเงินดังกล่าวด้วย ส่วนการดำเนินคดีก็คงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการเชิญผู้เสียหายมาสอบปากคำ สำหรับผู้เสียหายที่ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไว้แล้ว ก็รอเจ้าหน้าที่ประสานติดต่อกลับไปอีกครั้ง

“คงจะขอทราบรายละเอียดเบื้องต้นก่อน สำหรับท่านมีหลักฐานก็ขอรับหลักฐานไว้เลย หรือถ้าพร้อมจะให้ปากคำในวันนี้ก็พร้อมจะดำเนินการให้ แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ ก็จะดำเนินต่อในวันพรุ่งนี้ มูลค่าความเสียหายโดยลักษณะการลงทุนประมาณ 3.5-4.5 หมื่นบาทต่อหุ้น และจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดประมาณเจ็ดหมื่นบาท ส่วนความเสียหายต่อประชาชนคิดเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท และมีประชาชนเสียหายประมาณ 100-200 คนแต่คิดว่ามีมากกว่านั้น” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว

สำหรับลักษณะของการดำเนินธุรกิจนั้น ทราบว่า มีการเชิญชวนในหลายรูปแบบ มีการรับสมัครสมาชิกหลายประเภท เช่น มีการเชิญชวนเชิญชวนทางโปสเตอร์ เว็บไซต์ และสถานีวิทยุ มีทั้งรูปแบบเอื้ออาทร คือ ใครไม่มีเงินลงทุนก้อนเดียวก็จะผ่อนชำระได้ และอีกประเภทหนึ่งคือ หากไม่มีเวลาประกอบธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยวเอง ก็สามารถนำเงินมาลงทุนเพียงอย่างเดียว เมื่อถึงเวลาก็จะได้รับผลตอบแทนให้ด้วย

นอกจากนั้น พ.อ.ปิยะวัฒก์ ยังได้กล่าวเตือนประชาชนว่า ขณะนี้มีการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ กันจึงอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ หากมีผู้ใดมาเชิญชวนให้นำเงินไปลงทุนไม่ว่าจำนวนเงินมากหรือน้อย ให้ดูว่าธุรกิจที่เขาเชิญชวนนั้นให้ผลตอบแทนหรือผลกำไรมากเกินความเป็นจริงหรือไม่ หากพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายว่าจะถูกฉ้อโกงก็สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือสำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภคหรือกระทรวงการคลัง

เบื้องต้นได้สอบถามสมาชิกรายหนึ่งให้การว่า บริษัทดังกล่าวจะโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต วิทยุ ออกบูธตามห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเคยออกช่อง 11 รายการแนะนำการประกอบอาชีพรายการหนึ่ง เพื่อชักจูงให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ชายของบริษัท แลกกับผลตอบแทนในอัตราสูง สมาชิกไม่ต้องรับรถเข็นก๋วยเตี๋ยวไปเปิดขายเอง ทางบริษัทเป็นผู้ดำเนินการขายก๋วยเตี๋ยว ก่อนนำกำไรจากการขายทุกที่มาเฉลี่ยแบ่งให้สมาชิก จึงตรวจสอบพบว่าบริษัทได้เปิดขายก๋วยเตี๋ยวจริง รสชาติอร่อยดีด้วย ธุรกิจน่าเป็นด้วยดีจึงตัดสินใจร่วมลงทุน

ผู้เสียหายแชร์ก๋วยเตี๋ยว กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการตลาดสมาชิกต้องจ่ายเงิน 45,000 บาท ซื้อหุ้นรถเข็นหนึ่งคัน โดยจะได้รับผลตอบแทน 1 หมื่นบาทต่อเดือน เป็นเวลา 10 เดือน รวม 100,000 บาท เท่ากับว่า ลงทุน 45,000 บาท จะได้กำไร 55,000 บาท มีเพื่อนเพิ่งได้สามีฝรั่ง ได้เงินมา 19 ล้านบาท ตัดสินใจนำมาซื้อหุ้นก๋วยเตี๋ยวจนหมด เครียดมาก ส่วนสาเหตุที่เข้าแจ้งความเนื่องจากครบกำหนดรับเงินปันผล เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด อ้างว่ามีปัญหาระบบภาษี เริ่มเอะใจสมาชิกบางคนถึงไปนอนเฝ้าออฟฟิศ เมื่อรู้ว่าถูกหลอกแน่จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งตำรวจ สน.วังทองหลาง ก่อนตำรวจประสานให้เข้าแจ้งต่อดีเอสไอ เพื่อให้ติดตามเงินหลายร้อยล้านบาทที่ลงทุนทั้งหมดคืน

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับแชร์ข้าวสารพันล้านบาท หลังดีเอสไอ ประสาน ปปง.ตรวจเส้นทางการเงินเพื่ออายัดเงินคืนผู้เสียหาย พร้อมสอบสวนข้อมูลแชร์ข้าวสารคดีดังกล่าวอาจเป็นนอมินีพรรคการเมืองนั้น ความคืบหน้าวันเดียวกัน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า มีผู้เสียหายติดต่อเข้าแจ้งความตลอดทั้งวันการสอบสวนจึงต้องใช้เวลา เพราะต้องสอบทุกประเด็น ทั้งลักษณะการหาสมาชิก วิธีการเชิญชวน ขั้นตอนการสมัคร หลักฐานที่ต้องยื่น ผลตอบแทนได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งให้ผู้เสียหายบันทึกความเสียหายเพื่อใช้ประกอบสำนวนยื่นต่ออัยการยื่นฟ้องต่อศาล ฟ้องขอเฉลี่ยทรัพย์สินที่อายัดไว้คืน จึงต้องขอสนับสนุนกำลังพนักงานสอบสวนจากสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเร่งการสอบสวนให้เร็วขึ้น ส่วนการสอบสวนหาข้อมูลผู้ที่อยู่เบื้องหลังกำลังดำเนินการอยู่