เป็นปมปริศนามานานว่า ทำไม'สรยุทธ สุทัศนจินดา'พิธิกรชื่อดังซึ่งกำลังสร้างเรตติ้งให้แก่ช่อง 9อสมท ต้องมามีอันแตก
หักด้วยเงินโฆษณาปริศนา138ล้านบาท
ต่อไปนี้เป็นสำนวนการสอบสวนลับที่ไขปริศนาทุกอย่างว่า ใครมีพฤติการณ์อย่าง
ไรและมีการส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว(คลิกอ่าน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=7340&catid=8เปิดค่าตัวล่าสุด 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา' never rich alone 3 ปี 700 ล้าน )
(คลิกอ่าน
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=868ตร.ส่งคดี'ไร่ส้ม-สรยุทธ'ปมเงินโฆษณาอสมท138ล.ให้ป.ป.ช.-สอบวินัยกราวรูดพนักงาน)
หมายเหตุ...'มติชนออนไลน์' เป็นส่วนหนึ่งของรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี พล.ต.อ.ประทิน
สันติประภพ เป็นประธานซึ่งคณะกรรมการบริษัท อสมท มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 เพื่อสอบสวน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตหรือการบริหารงานบกพร่อง กรณีรายการ'คุยคุ้ยข่าว' รวมทั้งธุรกิจอื่น ตลอดจนการกระทำที่
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท อสมท
ส่วนที่นำมาเสนอเป็นการวินิจฉัยในส่วนพฤติการณ์ของนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและ
บริการลูกค้า และบริษัทไร่ส้ม จำกัด
-------------------------------------------------------
นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด-------------------------------------------------------
ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า มีหน้าที่จัดทำคิวโฆษณาในรายการโทรทัศน์ตามสัญญา
ร่วมดำเนินการรายการโทรทัศน ์ ซึ่งแบ่งเวลาให้แก่ผู้ดำเนินรายการตามจำนวนที่ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งรายการของบริษัทไร่ส้ม จำกัด ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว"
ซึ่งนางพิชชาภา มีหน้าที่จัดทำคิวโฆษณารวมของ บมจ. อสมท กับบริษัทไร่ส้ม จำกัด เพื่อส่งให้นางสาวอัญญา อู่ไทย ผู้
ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้าตรวจสอบและลงนามอนุมัติแล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่วัสดุโฆษณาเพื่อค้นหาวัสดุโฆษณาส่งแก่หน่วยงานต ัดต่อคิวโฆษณาในฝ่ายสนับสนุนและบริการ
ลูกค้าแล้วส่งแก่ฝ่ายโทรทัศน์เพื่อทำก ารแพร่ภาพออกอากาศในรายการดังกล่าว
ปรากฏว่า ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2549 นางพิชชาภาบังอาจกระทำ
การโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นต่างกรรมต่างวาระ โดยจัดทำคิว
โฆษณาส่วนเกินในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" และไม่จัดส่งข้อมูลการโฆษณาส่วนเกินให้ฝ่ายกฎหมายธุรกิจ เพื่อจัดทำสัญญา
โฆษณาส่วนเกิน อันเป็นประโยชน์แก่บริษัทไร่ส้ม จำกัด
นางพิชชาภา ได้รับเงินตอบแทนจากบริษัทไร่ส้ม เป็นรายเดือนตามจำนวนเวลาที่โฆษณาเกินและบริษัทไร่ส้มได้หัก
ค่าภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายของนางพิชชาภา ไว้ด้วย ทำให้ บมจ. อสมท. ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน
จากบริษัทไร่ส้ม จำนวน 138,790,000 บาทแม้ต่อมาบริษัทไร่ส้มจะยินยอมชำระเงินคืนแก่ บมจ. อสมท. แล้วก็ตาม แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณา
เกินของเจ้าหน้าที่ บมจ. อสมท. และมีการเรียกร้องให้บริษัทไร่ส้มชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว
ดังนั้น การกระทำความผิดของนางพิชชาภา ดังกล่าวได้สำเร็จและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ บมจ. อสมท. แล้ว
อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม 2548 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2548 และวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2549
นางพิชชาภาจัดทำคิวโฆษณารวมของ บมจ. อสมท. กับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ต่างกรรมต่างวาระ โดย
ระบุในใบคิวโฆษณาว่าเป็นคิวโฆษณาของ บมจ. อสมท.
แต่เมื่อตรวจสอบจากรายการโฆษณาของ บมจ. อสมท. และบริษัทไร่ส้ม จำกัดแล้ว ปรากฏว่า มิใช่คิวโฆษณาของ บมจ.
อสมท. และบริษัทไร่ส้ม จำกัด หรือที่เรียกว่า
"ค่าโฆษณาผี" อันเป็นสินค้าที่บริษัทเบนเฮอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด บริษัทยูนิค แพลนเนอร์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ฮิป ฮิป ฮูเรย์ ครี
เอชั่น จำกัด ซึ่งนางเบญจมาศ นนทวงษ์ ในขณะเกิดเหตุนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรกิจอาวุโส ฝ่ายกฎหมายธุรกิจ
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขายอาวุโส (Account Executive) ฝ่ายขายวิทยุ คลื่นวิทยุ เอฟ.เอ็ม. 95 MHz ได้ฝากให้
นางพิชชาภา นำไปลงโฆษณากับบริษัทไร่ส้ม ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" อันเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ บมจ. อสมท. นำโฆษณาดัง
กล่าวมาให้แก่นางพิชชาภา
แต่นางพิชชาภา บังอาจระบุในใบคิวโฆษณาว่าเป็นรายการโฆษณาของ บมจ. อสมท. ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่านางพิชชา
ภาได้นำสินค้าดังกล่าวไปโฆษณาในราย "คุยคุ้ยข่าว"
และเป็นผู้รับเงินค่าโฆษณารายการดังกล่าวเป็นของตนเอง ทำให้ บมจ. อสมท. เสียหายไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาดังกล่าว
คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 1,130,000 บาท อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2547 ถึงปี พ.ศ.2548 นางพิชชาภา ยังหาโฆษณาสินค้าเพื่อไปส่งมอบให้แก่บริษัทไร่ส้ม และได้รับ
เงินค่านำเข้ายอดขายโฆษณาจากบริษัทไร่ส้ม โดยไม่ยอมนำโฆษณาสินค้าดังกล่าวมาให้แก่ บมจ. อสมท. เ นื่องจากหาก
นำมามอบให้แก่ บมจ. อสมท. จะไม่ได้รับค่านำเข้า(ค่านายหน้า) หรือได้รับน้อยว่าที่จะได้รับจากบริษัทไร่ส้ม จำกัด อัน
เป็นการไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของ บมจ. อสมท
เมื่อ
นางบุณฑณิก บูลย์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1 และรักษาผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวย
การใหญ่ สำนักกลยุทธ์การตลาด สั่งการให้นางปิยะนาถ ไชยพิมลตรวจสอบการโฆษณาเกินของบริษัทไร่ส้ม
ปรากฏ นางพิชชาภาบังอาจใช้น้ำยาลบคำผิด ลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของ บมจ. อสมท และบริษัทไร่ส้ม
จำกัด เพื่อทำลายพยานหลักฐาน ไม่ให้มีการตรวจสอบการโฆษณาเกินของบริษัทไร่ส้ม จำกัด อันเป็นการปกปิดข้อความ
จริงและความผิดที่ตนเป็นผู้กระทำขึ้นการที่นางพิชชาภา ทำการลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของ บมจ. อสมท และบริษัทไร่ส้ม เพื่อทำลายพยานหลักฐาน
และเป็นการปกปิดข้อความจริงและความผิดของตน ไม่ให้มีการตรวจสอบการโฆษณาเกินของบริษัทไร่ส้ม อันเป็นการทำ
เอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรืแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนอันมีมูลเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 264
โดยที่ บมจ. อสมท ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลังในอัตราน้อยละ 65 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด ดังนั้น บมจ. อสมท
ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ตาม พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 จึงเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นองค์การของ
รัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์ การของรัฐบาลที่รัฐเป็นเจ้าของมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินร้อยละห้าสิบ บมจ. อสมท จึง
มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.ความผิดพนักงานองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502
ดังนั้น การที่นางพิชชาภจึงเป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐที่ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบและเป็นพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้
อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด
และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการ
ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
อันมีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 6มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือ
หน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502
----------------------------------
บริษัท ไร่ส้ม จำกัด----------------------------------
เป็นคู่สัญญากับ บมจ.อสมท ตามสัญญาร่วมดำเนินการรายการโทรทัศน์ ฉบับลงวันที่ 6 กันยายน 2547 ฉบับลงวันที่ 31
พฤษภาคม 2548 บันทึกข้อตกลง ฉบับลงวันที่ 22 ธันวาคม 2548 สัญญาร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์ ฉบับลงวันที่ 30
มกราคม 2549 รวมแปดฉบับ
ปรากฏว่า
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 บ ริษัทไร่ส้ม โดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา
นางสาวอังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ นางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่มกรรมการ บริษัท กับ นางสาวมณฑา ธีรเดช เจ้าหน้าที่บริษัท
ไร่ส้ม จำกัด ได้บังอาจร่วมกันกระทำการโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือ
ผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระโดยไม่ร่วมกับนางพิชชาภาจัดทำคิวโฆษณาส่วนเกินในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" และไม่แจ้งขอซื้อโฆษณาส่วนเกินต่อฝ่ายขาย
โทรทัศน์ สำนักการตลาดส่วนเกินในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" และไม่แจ้งขอซื้อโฆษณาส่วนเกินต่อฝ่ายขายโทรทัศน์ สำนัก
การตลาดของ บมจ.อสมท เพื่อจัดทำสัญญาโฆษณาส่วนเกิน อันเป็นประโยชน์แก่บริษัทไร่ส้ม
โ ดยบริษัทไร่ส้ม ได้มอบเงินตอบแทนเป็นรายเดือนตามจำนวนเวลาที่โฆษณาเกินให้แก่นางพิชชาภา และได้หักค่า
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
ของนางพิชชาภา ไว้ด้วย ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกินจากบริษัทไร่ส้ม จำกัด
จำนวน138,790,000 บาท แม้ต่อมาบริษัทไร่ส้ม จะยินยอมชำระเงินคืนแก่ บมจ.อสมท แล้วก็ตาม แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณา
เกินของเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท และมีการเรียกร้องให้บริษัทไร้ส้ม จำกัด ชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว
ดังนั้นการกระทำความผิดของบริษัทไร่ส้ม จำกัด และนางพิชชาภา ดังกล่าวได้สำเร็จและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่
บมจ.อสมท แล้วอันเป็นการกระทำโดยร่วมกันทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความ
จริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือ บุคคลที่สาม อันมีมูลเป็น
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบกับมาตร 86
นอกจากนี้ เมื่อ บมจ.อสมท ทำการตรวจสอบการโฆษณาส่วนเกินของบริษัทไร่ส้ม ปรากฏว่า
บริษัทไร่ส้ม สั่งการให้นางพิชชาภา ทำการลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของ บมจ.อสมท และบริษัทไร่ส้ม
เพื่อทำลายพยานหลักฐานและเป็นการปกปิดข้อความจริงและความผิดของตน ไม่ให้มีการตรวจสอบการโฆษณาเกินของบริษัทไร่ส้มอันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด ฯ
อันมีมูลเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264
นางพิชชาภา มีสถานะเป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ
เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานใน
องค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น บริษัทไร่ส้มจึงน่าจะเป็นผู้สนับสนุนให้นางพิชชาภา
กระทำความผิดตามมาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=12393&catid=25