พรรณชมพู
|
|
« เมื่อ: 09-05-2006, 15:58 » |
|
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000060953คงเป็นข่าวดีของประเทศชาติในยามที่รัฐบาลถังแตกนะคะ เราจะได้รายได้จากสถานีโทรทัศ์ตามความเป็นธรรมแห่งหนึ่งแล้ว เทมาเสกคงปวดหัว เพราะทั้งรายจ่ายที่จะต้องเพิ่มมากขึ้น และต้องจ่ายย้อนหลังด้วย อีกทั้งผังรายการที่มุ่งหาประโยชน์ จะต้องปรับให้มีสาระมากขึ้น ไม่ทราบว่าจะมีการอุธรณ์อีกไหม ต่ถ้ามี ก็ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีผลคตัดสินเช่นนี้ค่ะ ภาวนานะคะ คนไทยอยากได้ความยุธรรมคืนมา ไม่อยากให้โจรปล้นชาติมันได้ผลประโยชน์ของเราไปอีกแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cha_srt
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 09-05-2006, 16:14 » |
|
ดีใจจังเยย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โกวเฮง
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 09-05-2006, 16:18 » |
|
คิดว่าคงอุทธรณ์แน่นอน เผื่อไม่ต่องจ่ายคืน พันกว่าล้านบาท เอาไปหมุนใช้ก่อน กว่าจะมีคำตัดสิน ก็อีกนาน หมุนได้หลายรอบ ฮึ ฮึ.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ยืนต้น
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 46
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 09-05-2006, 17:38 » |
|
เป็นข่าวดีมากครับ ถ้าจำไม่ผิดคำตัดสินของศาลปกครองถือเป็นสูงสุดไม่มีอุทธรณ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จูล่ง_j
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 09-05-2006, 17:49 » |
|
สมน้ำหน้า ไอทีวี เป็น ทีวีเสรี ดีๆไม่ชอบ ดันไปซุกใต้ปีกแม้ว หมดเวลาของคุณแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 09-05-2006, 17:57 » |
|
อาน จ่ายอาน ฮ่าๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 09-05-2006, 22:09 » |
|
เป็นข่าวดีมากครับ ถ้าจำไม่ผิดคำตัดสินของศาลปกครองถือเป็นสูงสุดไม่มีอุทธรณ์
อันนี้เป็นศาลปกครองกลางครับ ยังอุทธรณ์ไปที่ศาลปกครองสูงสุดได้อีกครั้งหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 09-05-2006, 22:13 » |
|
ไอทีวี ทีวีเสรี... คิดถึงอดีตแล้วเซง...
... เทมาเซก รับไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
dekdoodee
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 09-05-2006, 22:39 » |
|
ขอร้องเพลงทีนึงนะครับ ยังจำได้มั้ยครับ
"ไอ ที วี ที วี เส รี" "ITV TV sae ree"
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2006, 22:40 โดย dekdoodee »
|
บันทึกการเข้า
|
หยุดระบอบนายทุนข้ามชาติ ฟื้นฟูความพอเพียงตามแนวพระราชดำริเพื่อให้คนไทยลืมตาอ้าปากได้
|
|
|
Muikung
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 10-05-2006, 00:37 » |
|
กรณี ไอทีวี นี่ไม่ทราบใครเป็นคนฟ้องถอน คำสั่งของอนุยาโตตุลาการครับ อยากทราบจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
O_envi
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 10-05-2006, 18:33 » |
|
ถามอีกอย่างก่อนที่ชินจะฮุบ itv ตอนนั้นเขาเป็นของเอกชนหรือรัฐบาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The change musts come one by one.It has to start with you
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 10-05-2006, 20:23 » |
|
สมควรแล้ว สมควรอย่างยิ่ง สมควรที่สุด ขอบคุณ ศาลปกครอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
HILTON (ปาล์มาลี)
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 11-05-2006, 01:01 » |
|
มีประโยคหนึ่งในคำพิจารณาคดี ที่ว่า " การเสนอให้ลดค่าสัมปทานทั่งที่ผู้ร้องไม่ได้ร้องขอ อนุญาทำเกินหน้าที่ " บ้านเมืองนี้ จะติ๊กผิดกันทั่งชาติหรือไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป้าจอมป่วน
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 11-05-2006, 01:04 » |
|
เทมาเสก เขาจะยอมจ่ายเหรอ รู้ๆอยู่เป็นยังงัย
ไอฯ เขาอุทรณ์ นะ ออกมาพูดแล้ว ว่า เป็นไปตามช่องทาง ใครจะยอมจ่ายย้อนหลัง หุ้นตกติดเพดานแบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ป้าจอมป่วน
|
|
|
ยืนต้น
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 46
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 13-05-2006, 14:11 » |
|
ถามอีกอย่างก่อนที่ชินจะฮุบ itv ตอนนั้นเขาเป็นของเอกชนหรือรัฐบาล
เป็นของเครือเนชั่นครับ แต่ไปทำสัญญาว่าจะจ่ายผลตอบแทนเพิ่มปีละ100ล้าน ผ่านไป10ปีก็เลยต้องจ่ายทั้งหมด1000ล้าน ถ้าผ่านไป20ปีก็จะต้องจ่าย2000ล้าน เสนอเงื่อนไขอย่างนี้ก็เลยชนะประมูล แต่อยู่ๆไปไม่คุ้มเลยต้องขายให้ทักษิณ ทักษิณก็ซื้อเพราะต้องการสื่อไปโปรโมทพรรคไทยรักไทย และวางแผนไว้แล้วว่าพอได้เป็นรัฐบาลก็จะจัดการแก้ไขสัญญาซะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สเลเต
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 13-05-2006, 16:31 » |
|
ไอทีวีไม่ใช่สถานีโทรทัศน์ในเครือเนชั่นนะคะ เพียงแต่กลุ่มเนชั่นเป็นหนึ่งใน10ของผู้ถือหุ้น ที่เข้ามาบริหารไอทีวีค่ะ แต่เนื่องจากการบริหารงานข่าวของกลุ่มเนชั่น เข้าตากรรมการมากกว่ากลุ่มอื่นๆ อันประกอบไปด้วย กลุ่มกันตนา เดลินิวส์, ไจแอนท์ ฯลฯ กลุ่มเนชั่นจึงได้กุมบังเหียนการบริหารงานข่าว จนเป็นที่มาของสโลแกน "ไอทีวี สถานีข่าว 24 ช.ม."
ทีนี้เรามาดูความเป็นมาของไอทีวีกันก่อนค่ะว่า ก่อเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
"กว่าจะมาเป็น ไอทีวี ทีวีเสรี
ก่อนปี 2535 ประเทศไทยมีสถานีโทรทัศน์ 5 ช่อง ได้แก่ ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9 และช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ แต่เมื่อเหตุโศกนาฎกรรมทางการเมือง"พฤษภาทมิฬ"ขึ้น ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นองเลือด ทีวีทุกช่องซึ่งเป็นสื่อของรัฐถูกปิดกั้นไม่ให้นำเสนอข่าวสารที่เป็นจริงให้ประชาชนได้รับรู้ ทำให้รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งเข้ามาบริหารประเทศหลังเหตุร้ายผ่านพ้นมีแนวคิดจะเปิดสถานีโทรทัศน์เสรีระบบยูเอชเอฟอีก 10 ช่อง ให้ประชาชนมีโอกาสได้รับรู้ข่าวสารอย่างเต็มที่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าผู้ถือหุ้นจะต้องมี 10 รายและแต่ละรายมีสัดส่วนหุ้นที่เท่ากัน พร้อมกับแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการผูกขาด
ในปี พ.ศ. 2538 กลุ่มบริษัท สยามทีวีแอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ดำเนินงานโครงการโทรทัศน์ช่องใหม่ระบบยูเอชเอฟ จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ก่อตั้งบริษัท สยามอินโฟเทนเมนท์ จำกัด มาเป็นคู่สัญญากับปลัดสำนักนายกฯ ต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม 2539 สถานีโทรทัศน์ไอทีวี เริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ โดยวางจุดขายเป็นสถานีข่าว
เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก จนกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ทาบทามกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่นเข้ามาถือหุ้น ในเดือนพฤศจิกายน 2544 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ โดยชินคอร์ปตกลงซื้อหุ้นสามัญของไอทีวีจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 106,250,000 หุ้น รวมทั้งเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งมี กลุ่มเนชั่น,กันตนา,เดลินิวส์, ไจแอนท์ ฯลฯ เป็นผลให้ชินคอร์ปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด
หลังจากผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,200 ล้านบาท และเดือนมีนาคม ปี 2545 ได้เสนอขายหุ้นของบริษัทฯแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 300 ล้านหุ้น รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเดือนเดียวกัน
ในปี 2546 ไอทีวี ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยการปรับผังรายการใหม่เพิ่มรายการบันเทิงมากขึ้น ทำให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีกลายเป็นสถานีเพื่อการพาณิชย์แบบเดียวกับช่อง 3 และช่อง 7
ปี 2547 กลุ่มชินคอร์ปได้ทำเรื่องขอแก้ไขสัญญาสัมปทาน ขอลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐปีละ 800 ล้านบาท โดยอ้างว่าจ่ายสูงกว่าเอกชนรายอื่น ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดให้ไอทีวีจ่ายค่าสัมปทานปีละ 230 ล้านบาท และให้รัฐจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับไอทีวีประมาณ 1,000 ล้านบาทด้วย ทั้งที่ตามสัญญาสัมปทานเดิมไอทีวีจะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้รัฐทั้งหมด 25,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี
หลังจากคณะอนุโตตุลาการมีคำตัดสินออกมา บริษัทฯก็จ่ายผลตอบแทนให้รัฐบนพื้นฐานใหม่ 230 ล้านบาททันที ทำให้การดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไร ทั้งที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกฯได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองให้พิพากษากรณีนี้ และเรื่องก็ยังไม่ยุติก็ตาม
นอกจากนี้ไอทีวียังขอปรับเปลี่ยนสัดส่วนการนำเสนอรายการช่วงไพร์มไทม์ จากเดิมสัญญาสัมปทานระบุให้รายการข่าวและสาระ สัดส่วน 70% และบันเทิง 30% ทางบริษัทฯขอปรับมาเป็นเสนอรายการข่าว สารคดีและสารประโยชน์ไม่น้อยกว่า 50% จากนั้นก็มีการดังพันธมิตรสองรายคือ กันตนา และไตรภพ เข้ามาผลิตรายการบันเทิงในช่วงไพร์มไทม์ มาจนถึงถึงปัจจุบัน "
ที่มาของข้อมูลในเครื่องหมายคำพูด
ฐานเศรษฐกิจ 26 ม.ค. - 28 ม.ค. 2549
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|