จัดทัพชิงขั้วยึดทำเนียบ! http://www.innnews.co.th/politic.php?page=2&nid=81267
โดย 27 12 2550 12:04:01 น.
ในที่สุด "พรรคพลังประชาชน" เป็นฝ่ายได้ชัยชนะในการเลือกครั้ง 2550 ได้รับเลือกเป็นส.ส.มากถึง 233 คน และ "พรรคประชาธิปัตย์" ได้รับเลือกเป็นส.ส.จำนวน 165 คน (ยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะต้องรอใบเหลือง-ใบแดง จากกกต.อีก-ทำท่าจะยืดเยื้อ)
และชั่วโมงนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพปช.น่าจะเข้าวินในศึกชิงจัดตั้งรัฐบาล... "คนในพปช. " บอกแว่วๆว่า "รวบรวมเสียงได้เกิน 280 แล้ว" แปลว่าพปช.ไปดึงพรรคเล็กมาได้แล้วอย่างน้อย2-3พรรค แต่ด้วยความมั่นใจในเสถียรภาพสูงสุด ฟปช.หมายมุ่งจะรวบให้ได้เกิน300 แล้วท้ายสุดโดดเดี่ยวปชป.ให้ไปนั่งฝ่ายค้านอีกเป็นปีที่ 8 (ปชป.ไม่ได้เป็นรัฐบาลมาแล้ว 7 ปี)
ฟาก ปชป. แม้มีความประสงค์จะรวบรวมพรรคเล็กทั้งหมดมาอยู่ในสังกัดแล้วจัดตั้งรัฐบาล พร้อมถีบให้พปช.เป็นฝ่ายค้านที่จะ ระดมไปด้วยมืออภิปรายชั้นเซียน(สมัคร-เฉลิม) แต่คาดว่าความหวังของปชป.น่าจะริบหรี่ถ้าไม่มีปาฎิหาริย์จากกกต.
18.13 (25 ธ.ค.50)เอสเอ็มเอสของ "ไอ.เอ็น.เอ็น" ยิงว่า "หมอเลี๊ยบเผยพปช.ได้เแล้ว254 เสียง แถลงหลัง3 ม.ค."
18.43(25 ธ.ค.50)เอสเอ็มเอสของ "ไอ.เอ็น.เอ็น" ยิงว่า "สมัครเผย innพอใจ254 ตั้งรัฐบาลแต่อยากได้เพิ่ม-ปัดข่าวบินฮ่องกง "
นั่นแปลว่า พปช. สอดแหวนหมั้นกับรวมใจฯ+มัชฌิมา+ประชาราชไปเรียบร้อยแล้ว(233+5+7+9 เท่ากับ 254) ซึ่ง 254 เสียงไม่น่า ใช่เป้าหมายสุดท้าย 37 ของชาติไทย และ24 ของเพื่อแผ่นดิน ยังเป็นเป้าสูงสุดของคนไกลบ้านคนนั้น!!
และ26 ธ.ค. 50 "กุเทพ ใสกระจ่าง" โทรโข่งพรรคพปช. ฟันธง 4 ม.ค.51 "สมัคร" แถลงตั้งรัฐบาล
และในช่วงนี้ลากยาวถึงหลังปีใหม่ พปช.ก้เดินเกมต่อรองกับพรรคเล็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องของการต่อรองใน "เก้าอี้รัฐมนตรี".."พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ " อดีตผู้จัดการรัฐบาลหลายสมัย เคยกล่าวถึงการฟอร์มรัฐบาลว่า " เขาก็จะมีตัวแทน ว่าให้มาเจรจา จะกี่คน จะขอกระทรวง ไหนบ้าง แรกๆ ก็จะขอตำแหน่งก่อน รายชื่อค่อยมาทีหลัง "
นั่นคือการที่พรรคเล็กๆยังสงวนท่าที ไม่เปิดเผยอะไรมากนัก หรือบางพรรคก็ยังออกมาปฎิเสธอยู่นั้น คาดว่าจะเป็นเรื่องของการ จัดสรรตำแหน่งต่างๆที่ยังๆไม่ลงตัวนั้นเอง
ทั้งนี้ถ้าแต่ละพรรคส่องกล้องดูจะพบว่าอย่าง "ชาติไทย" ดูเหมือนจะปรองดองกับพปช.ลำบาก เพราะ "บรรหาร" เคยหลุดหลาย ครั้งว่าจะๆไม่ไปร่วมสังฆกรรม แต่อย่าลืมว่ามังกรเติ้งนั้นสุดพริ้ว
อีกทั้งความสัมพันธ์ส่วนตัวของ "ทักษิณ" กับ "เติ้ง" ก็ใช่ว่าจะเกลียดกันแบบไม่เผาผี!
ส่วน "พรรคเพื่อแผ่นดิน" นั้น ในเบื้องแรกเป็นที่รู้กันว่าก่อกำเนิดมาจาก "สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" ที่มีภาพลักษณ์ของความใกล้ชิด ชนชั้นสูง และเป็นที่รู้กันว่า "สุรเกียรติ์ " กับ "ทักษิณ" นั้นหมางเมินกันขนาดไหน จึงทำให้คาดว่าจะไม่มีทางที่ "เพื่อแผ่นดิน" จะมาซบหน้าตัก พปช.ได้ แต่ทว่าหลังเลือกตั้งแล้ว กลับเกิดสภาวะ "ความแตกแยก" ขึ้นใน "เพื่อแผ่นดิน" อันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนใจ
ดูได้จากการไปรวมตัวหารือกันที่บ้าน "วัฒนา คลองด่าน" และการออกมาประกาศร่วมมือกันระหว่างชาติไทย กับเพื่อแผ่นดิน นั้น น่าจะเป็นฝ่ายที่ไม่อยากไปเข้าร่วมกับพปช.
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง อย่าง "สุวิทย์ คุณกิตติ" หัวหน้าพรรคสอบตก ที่มีท่าทางเอียงไปในทิศที่จะเข้าร่วมกับพปช. ด้วยเหตุที่ว่าความ สัมพันธุ์ระหว่าง "สุวิทย์" กับ "ทักษิณ " นั้น อยู่ในระนาบที่ดีถึงดีมาก (หลายโครงการของไทยรักไทยเช่นกองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล ก็เป็น ผลงานของสุวิทย์ และข่าววงในบอกว่าทุกครั้งที่สุวิทย์พูดถึงทักษิณด้วยความชื่นชมเสมอ )
อีกทั้งยังมี "ข่าวลือ" ออกมาว่า ในฟากของ "สุวิทย์" นั้นได้รับการสนับสุนนด้านเงินในการหาเสียงครั้งนี้จาก "นายเก่า" บางคน ที่เดิน เกมโดย "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ " อีกทั้งยังมี โปรโมชั่นสุดคุ้มที่ประเคนให้ "วัชระ พรรณเชษฐ์ " เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน ไปกล้ามใหญ่ใน กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสานประโยชน์ของตระกูลต่อไป
ตลอดจนที่ผ่านมาไม่มีสักครั้งที่ "สุวิทย์" จะพูดรัดคอ ผูกมัดตัวเอง เขาแทงกั๊กออกกลางๆ นั้นก็จะเป็น "คำตอบ" ให้กับสังคมได้ว่า เขาไม่เคยบอกว่าจะร่วมกับใคร และถ้าจะรวมกับพปช.ก็เพื่อความสมานฉันท์
และล่าสุด "สุวิทย์" ก็อกมามาระบุว่า "จะเข้าร่วมเป็นรัฐบาลเท่านั้น" พร้อมกับแสดงท่าทีจะสลัดชาติไทยทิ้งเสีย ซึ่งถอดนัยยะของ "สุวิทย์" แล้วคาดว่าจะพาพรรคเข้าทำเนียบแน่นอน
ส่วน 3พรรคเล็กอย่างรวมใจฯ+มัชฌิมา+ประชาราช ก็ไม่เรื่องยากที่พปช.จะไปเจรจา
ทางด้าน "รวมใจไทยชาติพัฒนา" นั้น "พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร" หัวหน้าพรรคก็แทงกั๊กเช่นเดียวกับ "สุวิทย์" คล้ายๆกับพร้อมจะ สวิงไปได้ทั้ง 2 ขั้ว ซึ่งล่าสุดก็มี "ข่าวปล่อย" ออกมาว่า "สุวัจน์" แกนนำ "รวมใจไทยชาติพัฒนา" ได้มีการต่อสายไปยังเมืองนอกแล้ว
พร้อม "ข้อเสนอ" จากนอกประเทศที่ระบุว่าพร้อมจะดูแล "ค่าใช้จ่าย" ทั้งหมดที่ใช้ไปในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พร้อมกับมี "ของ แถม" เป็นเก้าอื้เสนาบดีกระทรวงใหญ่ให้อีกอย่างน้อย 2 ตำแหน่ง
หรือจะเป็น "มัชฌิมา " ที่มีตัวเดินอย่าง "สมศักดิ์ เทพ" ที่ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าถึง "วงใน" ของทักษิณเลยที่เดียว การประสาน ของ "สุริยะ" นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะเป็นที่รู้ว่า สุริยะ นั้น สนิทกับ สมศักดิ์ ปานใด
ด้าน "ประชาราช" นั้น "ป๋าเหนาะ" แม้จะหักกับ "ทักษิณ" แบบเข้มข้น แต่น่าจะเป็นเรื่องของการต่อรองอะไรบางอย่างที่ลงตัว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ มีสูตร พปช.+เพื่อแผ่นดิน+รวมใจฯ 233+24+9 เท่ากับ266 แล้ว ถ้าบวกชาติไทยอีก37 เป็น303 ทะลุเป้า ทิ้งให้ ปชป. หิ้วมัชณิมา-ประชาราช เป็นฝ่ายค้านที่ท่าจะเหนื่อยสุดขีด แต่ดูแล้วชาติไทยน่าจะไปรวมลำบาก เพราะจะตอบคำถามกับ "ผู้มีพระคุณ 30 ปี" ว่าอย่างไรนั้นอาจจะทำให้กลายเป็น พปช.+เพื่อแผ่นดิน+รวมใจฯ+มัชฌิมา+ประชาราช เป็นรัฐบาล ปชป.+ชท.กินแห้วไป
หรือจะพลิกเกมสุดโต่ง....เพื่อแผ่นดิน+ชาติไทย เดินเกม ไปจับมือรวมใจฯ+มัชฌิมา+ประชาราช แล้วนำเสนอปชป. ว่านายกฯ ต้อง เป็น "บรรหาร" เพื่อลดความขัดแย้ง แต่ "อภิสิทธิ์" จะยอมหรือ?
แต่ ณ คาบนี้ โอกาส พปช.รวบทุกพรรค โดดเดี่ยว ปชป. มีสูงยิ่ง หรืออย่างน้อยสุดปชป.อาจได้ชท.เป็นเป็นเพื่อน และถึงแม้คืนที่25 ธ.ค. 50 มีการหารือที่บ้านสนามบินน้ำของ "เสธ.หนั่น" อาจจะสร้าง "ความหวัง" ให้กับแฟนปชป.ได้ไม่น้อย แต่ไม่น่าจะไปไม่ถึงดวงดาว
แต่คาดว่าด้วยสิ่งที่เป็นอยู่ และ "พลังภายใน" ของพปช. ทำให้ปชป.ไม่น่าจะต้านทานพปช.ได้ ดังนั้น จึงมีการมองไกลไปถึง ตำแหน่งรมต.ต่างๆ มีการปล่อยชื่อแคนนิเดตออกมารายราย
อย่างในช่วงบ่ายของวันที่25 ธ.ค.ก็มีข่าวว่ามีคนของพปช.บินไปฮ่องกงกันแล้ว ทำให้มี "ข่าวปล่อย" รายชื่อของเหล่าเสนาบดีออก มาหลายราย อย่าง เช่นรมว.กลาโหม เป็นของ " พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ " ผู้สู้เพื่อทักษิณจนหยดสุดท้าย "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ถ้าไม่ได้ เสียบตำแหน่งนายก ก็มีรมว.ยุติธรรมรองรับ ฯลฯ
ถ้าออกมาตามสูตรที่ ปชป.เป็นฝ่ายค้าน ทหาร-คมช. น่าจะเสียวสันหลังไม่น้อย จึงทำให้ความเคลื่อนไหวแปลกๆออกมาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่มีการนัดพบของขุนทหารคมช. ที่โรงแรมดิเอเมอรัลด์ ย่านรัชดาฯ ซึ่งโรงแรมนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นที่ชุมนุนพบกับของเหล่าขุนศึกปชป.มา อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการเคลื่อนกำลังพล( ที่ทหารบอกว่าเป็นการเคลื่อนสับเปลี่ยนปกติ)
จากข่าวนี้ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ บิ๊กกลาโหม และบิ๊กทหารหลายคนต้องออกมายืนยันว่าไม่มีปฏิวัติแน่นอน!!
26 ธ.ค.50 " ป๋าเปรม" ก็เคลื่อนไหวออกสู่สาธารณะอีกครั้ง โดย เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษ พร้อม บอกว่า " เชื่อว่าทำสิ่งเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง " ...
เงื่อนไข "ปฏิวัติ" น่าจะไม่เกิดในระยะใกล้ๆนี้ แต่ทว่า ถ้าเกิดกกต. โปรย ใบเหลือง-แดง แบบท่วนท้น(หนักไปทางแจกพปช.) รวมไปถึงกรณี วีซีดี จะนำไปสู่การเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณา "ยุบพรรค" หรือไม่ หรือกรณี ปลอมลายเซ็นนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะสามารถเอาผิด "ใคร" ได้แค่ใหน อีกทั้งเรื่องรถดับเพลิง ที่จะเป็นชนวนดับสมัครได้หรือไม่
เพราะถ้าออกมุม เล่นงานพปช.หนักๆ พลพรรคคนรักแม้ว คงไม่ยอม คงต้องมีการเคลื่อนพลออกสู่สาธารณะแน่ อีกทั้งข้อมูลเชิง ลึกของพปช.ก็พบว่ามี "อะไรที่ไม่ชอบมาพากล" ในเรื่องของคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ยิ่งเฉพาะในเขตกรุงเทพ ที่ "เฉลิม" เคยเปรยว่า "หลังตั้ง รัฐบาลเสร็จแล้วมีอะไรๆสนุกแน่" ซึ่งปมเหล่านี้ก็จะขยายเป็นประเด็นได้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการแตกแยกอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้น ทหารคง บอกว่ามีเหตุผลสมควร จึงเคลื่อนรถถังมาออกได้
ส่วนการจัดทัพตั้งรัฐบาล น่าจะเห็นรูปร่างชัดเจนในต้นปี 2551 แต่เกจิทุกสำนักฟันธงว่าเสถียรภาพของรัฐบาลหน้า ไม่ค่อยสู่ดีนัก เพราะผลพวงเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงใกล้ติดพื้น บวกกับปัญหาการเมืองที่วุ่นวาย ว่ากันว่ารัฐบาลใหม่อายุไม่เกินปีครึ่ง
แต่ถ้าสุดยอดดีล พปช.เก็บทุกพรรค ปชป.ฝ่ายค้าน. รัฐบาลก็น่าจะยืนยาวออกไปได้ แต่ "คำตอบ" ที่จะต้องให้กับสังคม ในเรื่องปม แหลมต่างๆ ไม่ว่าเรื่องคดีความทักษิณ เรื่องคตส. คมช. นิรโทษกรรม111คน จะมี "เหตุผล" ที่เพียงพอหรือไม่?
ภาพสงครามประชาชน จะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้า "ทักษิณ-พปช." เรียนรู้บทเรียนที่ผ่านมาและ "ยอมรับ" ในเสียงข้างน้อยบ้าง..มิฉะนั้น เรื่องราวเมื่อครั้งอดีตก็จะตามมาหลอกหลอน เป็นครั้งที่ 2อย่างแน่นอน !!
เรื่องประกอบ1
***************
"หมัก"พา < color=blue>"แม้ว"กลับมาชน"เปรม"
ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อค ภารกิจพาแม้วกลับบ้านของ"ออหมัก" คงจะได้เริ่มต้นขึ้นในเร็ววันนี้ และถ้าวันที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ "สมัคร" มีที่ประธานปรึกษาพรรคพลังประชาชนชื่อ "ทักษิณ" แล้ววันนั้น "ป๋าเปรม" จะยังอยู่สุขสบายในวัย 84ปีได้จริงหรือ?
และกว่าที่ "หมัก" จะเดินทางขึ้นสู่ความเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ คงต้องบันทึกถึงปมความสัมพันธ์ของ "เปรม-สมัคร-ทักษิณ" ไว้ เป็นเครื่องเตือนความจำและทำนาย "อนาคต" ของคนทั้ง 3 ไว้ด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว "หมัก" เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล "เปรม" ก็เริ่มก่อความไม่พอใจ จากการที่ "หมัก" ไม่ค่อย "กลัว-เกรง" เปรมเหมือนอย่างคนอื่นๆ ทำให้ความคิดไม่ค่อยลงรอยกัน ทำให้ ช่วงหลังที่ "เปรม" ครองอำนาจ ก็ดีด "หมัก" ไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ต่อมาเหมือนมี "ใครบางคน" เข้ามาห้ามทัพและทำสัญญาใจ "อะไรบางอย่าง" ทำให้คนคู่นี้แยกกันเดิน ไม่ร่วมเสวนากันอีก
แต่ต่อมาเมื่อสมัย "ทักษิณ" ครองอำนาจ "หมัก" คนนี้ก็ออกมาปกป้อง "ทักษิณ " โดยถล่ม "เปรม" อย่างไม่ยั้ง
การที่องคมนตรี 2 ท่านออกมาแสดงออกเช่นนี้ถือว่ากระทบนายกรัฐมนตรี ทำไมต้องไปเอากับเค้าด้วย บ้านเมืองกำลังหน้าสิ่ว หน้าขวาน ทำแบบนี้ทำไม เพราะทำให้ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมอยากถามว่าแบบนี้ถือว่าเป็นการเลือกข้างใช่มั้ย เพราะถ้าท่านไม่ทำอะไร อยู่ เฉยๆ ก็ได้
พลันเสียงของ "หมัก" ออกอากาศไป "ลูกป๋า" พาเหรดด่า "หมัก" ยับ จนต้องถอดรายการที่ "หมัก" ทำอยู่เสีย แต่คราวนั้นก็แค่เบรค " หมัก" ได้เพียงชั่วครู่ เพราะหลังจากได้เทียบเชิญจาก "ทักษิณ" ให้มาเป็นนอมินี "หมัก" ก็กลับมาวาดลวดลายอีก
ทั้งนี้เมื่อสมัยบ้านเมืองอยู่ในมือ "ทักษิณ" แบบเบ็ดเสร็จ ในครั้งแรก "ทักษิณ" ก็ยังให้ความเคารพ "เปรม" อยู่พอสมควร ละม้ายกับ "ผู้นำประเทศ" คนก่อนๆ แต่ระยะหลังๆความอหังการของ "ทักษิณ " ก็พอกพูนขึ้น จากความมั่นใจในตัวเอง บวกกับ "แรงยุ" ของบ่างข้างกาย ที่ ใส่ไฟ ว่า "เมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้วไม่มีอะไรที่ทักษิณจะสู้เปรมไม่ได้เลย"
ทำให้ "ทักษิณ " เหิมลำพอง และเริ่มออกนอกจารีตปฎิบัติ ไม่ซูฮก คารวะป๋าเหมือนเดิม และเป็นที่เปิดเผยโจ่งแจ้งก็คราวเอ่ยวาทะ "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ทำให้ "เปรม" เดือดดาล และ "วงใน" รายงานว่า นี้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ขุนทหารโค่นทักษิณในวันที่19 ก.ย.49
ความแค้นของ "ทักษิณ" กับ "เปรม" คงยากที่จะบรรเทา และการที่ "ทักษิณ" เลือก "หมัก" มาเป็นตัวแทนนั้นถือว่าชาญฉลาดอย่างยิ่งเพราะเหตุที่ว่า 1 ใน เหตุผลหลักที่ทำให้ "ทักษิณ" หลุดอำนาจนั้น มาจากความล่อแหลม และถูกตั้งคำถามในเรื่องของ "ความจงรักภักดี"
ซึ่งการที่ "หมัก" ที่ขึ้นชื่อว่า "ขวาตกขอบ" และไม่มีสงสัยในเรื่อง "ความจงรักภักดี" ทำให้อุด "จุดอ่อน" ไปได้อย่างดี และการที่ " หมัก" ไม่เกรงกลัวผู้ใด ไม่เว้นแม้แต่ "สื่อ" ทำให้ "ทักษิณ " เดินเกม ดุ กร้าว และจัดมาให้ชนกับ "เปรม" โดยเฉพาะ
และก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วันคำว่า "อีแอบผมขาว" จึงหลุดร่วงมาจากปาก "หมัก" อย่างตั้งใจ และหลังปิดหีบเลือกตั้ง 2 ชั่วโมง " จักรภพ เพ็ญแข" ก็ออกมาปูดว่า "บ้านสี่เสา" เรียกหัวหน้าพรรคต่างๆยกเว้นพปช.เข้าพบ แต่คนสนิทบ้านสี่เสาก็ออกมาปฎิเสธแล้ว
และ "หมัก" ก็ออกมาบอกว่า "ประธานองคมนตรีเกี่ยวอะไรกับนายกฯ " อันเป็นการส่งสัญญาณว่า "ไม่กลัว-พร้อมรบ" และการที่ " หมัก" ดูจะไม่แยแส "เปรม" นั้น อาจจะมาจากการประเมินแล้วว่า "เปรม" น่าจะเป็นช่วงขาลงของ "อำนาจ" แล้ว ขุมกำลังสาย "ลูกป๋า" ก็ดูอ่อนแรงลง ไปไม่ค่อยมี "องครักษ์พิทักษ์ป๋า" แบบเข้มข้นเหมือนเดิม อีกทั้งข่าวลือว่า "กระแสลมบน" เริ่มพัดตีกลับ
และถ้า "หมัก" ผงาดจริง การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ต้องถูกชำระแน่นอน และที่พลาดไม่ได้ก็คงเป็นมาตราที่เกี่ยวกับ องคมนตรีด้วย ที่อาจถูกชำระประวัติศาสตร์ อีกทั้งในเรื่องของการนิรโทษกรรม 111 คน เลิกคตส. ตามเช็คบิลคมช. คตส.
แต่ก่อนไปไปถึงขั้นนั้น "เปรม " จะนิ่ง ยอมจำนนต่อโชคชะตาหรือ ? ถึงแม้เรี่ยวแรงจะอ่อนล้าลงไปทุกวัน แต่เขี้ยวเล็บและความ ภักดีของบรรดา "ลูกป๋า" ก็ยังพอพึงพิงได้
ศึกสงครามระหว่าง "เปรม" กับ "ทักษิณ-หมัก" ... "ทุนศักดินา-ราชการ" กับ "ทุนใหม่" รอบ2 กำลังจะเริ่มต้นแล้ว
ว่ากันว่า กงล้อประวัติศาสตร์มักหมุนทับรอยเดิม.....ความแตกแยก พันธมิตรรอบ 2 ( ท๊ากสิน-หมักออกไป) และ 19 ก.ย. จะหวนกลับมาอีกหรือไม่? อีกไม่นานคงรู้กัน!!
