ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
30-11-2024, 18:17
378,182
กระทู้ ใน
21,926
หัวข้อ โดย
9,412
สมาชิก
สมาชิกล่าสุด:
MAN4U
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)
|
ทั่วไป
|
สโมสรริมน้ำ
|
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า:
1
2
[
3
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน (อ่าน 23449 ครั้ง)
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,753
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #100 เมื่อ:
12-03-2007, 21:11 »
เมื่อวานหนูมาปูเสื่อจองที่ไว้ อ่านรวดเดียวจนจบ
แต่เพราะมันดึกเกินไป เบลอๆ จึงไม่ได้เขียนอะไรทิ้งไว้
...
ยิ่งอ่านไป จนถึงตอนนี้ หนูเริ่มรู้สึกว่า..
จิตร ภูมิศํกดิ์ ที่หนูเคยรู้จัก (และบังอาจคิดว่าในรุ่นราวคราวเดียวกันนี่เราก็รู้จักเยอะกว่าเพื่อนๆ ทีเดียว)
ถึงตอนนี้ มันเป็นการรู้จักที่ดูห่างชั้นออกไปเรื่อยๆ และผิวเผินเต็มที
เมื่ออ่านมาถึงตอนปัจจุบัน ยิ่งสรุปได้ว่า แทบจะไม่รู้อะไรเลย (ชักเขินที่เคยเข้าใจว่าตัวเองรู้)
หนูเข้าใจว่า กระทู้แบบนี้ กว่าจะเขียนให้เสร็จแต่ละตอน ใช้เวลา และความพยายามเยอะนะคะ
ขอบพระคุณจริงๆ ค่ะ ที่กรุณาทำให้หนู กำลังจะรู้จักกับ จิตร ภูมิศักดิ์ จริงๆ เสียที
หลังจากที่เข้าใจว่าตัวเองรู้จัก มาตั้งนาน
...
อ้อ 1.. ที่หนูชอบทวงตอนใหม่ๆ อย่าถือสาเลยนะคะ หนูรู้ว่ามันเขียนยากค่ะ แต่ความอยากอ่าน ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
...
อ้อ 2.. หนูสงสัยมานานแล้วค่ะ ทำไม..งานศิลปะ ดนตรี และหนังสือดีๆ มักจะเกี่ยวข้องกับประเทศที่เป็นสังคมนิยม ???
บันทึกการเข้า
Avada Kedavra!!!!!!!
paperjam
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 9
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #101 เมื่อ:
13-03-2007, 11:22 »
paperjam รายงานตัวครับ
ช่วงนี้เรียนหนักไปหน่อยครับ ไม่ได้เข้ามาแจมนานแล้ว
อ่านเรื่อง จิตร ภูมิศักดิ์ ของ คนในวงการแล้ว เกิดความรู้สึกสะท้อนสะท้านใจและเกิดความคิดที่ตามมาอีกหลายเรื่อง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมอ่านประวัติของจิตร ไปอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกัน ก็นึกภาพเหมือนกับกำลังนั่งดูหนังที่ถ่ายทำอย่างปราณีต ฉากและเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในมโนภาพ
ดูตรึงตา น่าติดตามเรื่องราวของผู้ชายคนนี้
หลายขวบปีที่ผ่านมา ผมก็เหมือนเราๆ ท่านๆ ที่ได้ท่องบ่นแต่ประวัติของคนเด่นคนดัง ในแวดวงอื่นๆ ที่ไม่ใช่แวดวงสามัญชน
(ซึ่งนักการศึกษาเมืองไทยไม่สนใจและเจตนามองข้าม จะโดยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่อย่ามาบอกว่าเป็นเหตุผลด้านความสมานฉันท์ เพราะจะ...อ้วก)
ขอบคุณและให้กำลังใจ คนในวงการ ที่ขยันเก็บ รวบรวม เรียบเรียง วิเคราะห์ และนำเสนอเรื่องราวของ จิตร ภูมิศักดิ์ อย่างเป็นลำดับ น่าชื่นชมยิ่งนักเชียวครับ
เห็นความตั้งใจขนาดมี การ flashback แบบเทคนิคภาพยนตร์ด้วย อ่านแล้วเพลิดเพลินและคิดตามไปว่าคุณ คนในวงการ คงมีความสุขที่ได้เรียบเรียงเรื่องราว
แต่คงมีความสุขมากกว่านี้ ถ้ามีคนเข้ามาติดตามอ่านมากกว่าที่เป็นอยู่ (ฮา)
มาเข้าเรื่องที่ผมบอกว่ารู้สึกสะท้อนสะท้านใจครับ
การที่เราสูญเสีย ว่าที่นักนิรุกติศาสตร์หรือนักอะไรต่อมิอะไร ที่จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นหรือสามารถเป็นได้ โดยแลกราคากับลูกตะกั่วลูกเดียว เป็นอะไรที่น่าสะท้อนสะท้านใจมั้ยล่ะครับ
หากผมมีเครื่องเจาะเวลา ผมจะเจาะเวลากลับไป ณ เวลานั้น แล้วเอาคุณทักษิณไปด้วย
แล้วจะบอกคนที่จะยิงคุณจิตร ภูมิศักดิ์ ว่ายิงคนผิดแล้วคุณพี่ ยิงคนนี้ดีกว่า (ชี้ไปที่คุณทักษิณ)
ผมเรียกช่วงเวลาที่คุณจิตร ภูมิศักดิ์ ถูกสังหารกลางทุ่งนา ว่าเป็น "ปฎิบัติการที่เป็นความโง่เขลาอย่างยิ่ง" ครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย
น่าเสียดายครับ....น่าเสียดาย
ประเด็นต่อมา คือ ความคิดที่หนุนเนื่องตามมาหลังจากอ่านจบ
ผมรู้สึกตลอดเวลาว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานความรู้
พูดอีกอย่างหนึ่ง คือ ผมไม่รู้ เพราะว่า ผมนั้นไม่อยากรู้ ไม่รู้เพราะไม่มีคนมาบอกให้รู้ รัฐบาลไม่ได้จัดสภาพแวดล้อมให้ผมได้รู้มากขึ้น
ดังนั้นผมจึงยังไม่รู้อยู่นั่นแหละ
สังคมไทยผ่านจากจุดวันที่ปฏิบัติการอันสุดโง่เขลา ได้เกิดขึ้น มาหลายทศวรรษแล้ว แต่คำถามคือ แล้วทำไม วันนี้เราอยากจะรู้เรื่องราวของจิตร แต่ทำไม ต้องให้คนในวงการมาเล่าให้
เราฟัง แทนที่จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการหรือของสื่อมวลชน ซึ่งมีหน้าที่ให้ความรู้แก่ประชาชน
สังคมไทยนี่ก็แปลก เราไม่ได้อยากให้รู้ แล้วยังบิดเบือนซ้ำเข้าไปอีก เพื่อให้เป็นความไม่รู้อย่างสุดขั้ว
นักนิรุกติศาสตร์เลยกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ต้องกำจัดกวาดล้าง เข่นฆ่า
ผมอยากใช้คำว่า "สมัยก่อน" เมื่อจะเขียนถึง จุฬาลงกลอน (ตั้งใจเขียนอย่างนี้) สมัยก่อน ก็กระทำไปกับคุณจิตร บนความโง่เขลาอย่างยิ่ง และก็เป็นความไม่รู้ แต่ก็นึกว่า สมัยก่อนกับ
สมัยนี้ บทบาทมันต่างกันแค่ไหนกันเชียว ในที่สุดก็พบว่า สถาบันการศึกษาแห่งนี้หรือแห่งไหน ๆ ก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่ให้ความรู้ ความจริง กับคนไทยแตกต่างไปจากเดิมสักเท่าไร
ผมว่าสังคมไทยต้องยอมรับความจริงก่อน แล้วก็ขอโทษ เมื่อทำผิด หลังจากนั้น ก็ปรับปรุงตัวใหม่ ทำอะไรที่สร้างสรรค์ เท่านี้ก็จบ
ตัวแทนสูงสุดของจุฬา คือ อธิการบดี ในกาลเวลาปัจจุบัน น่าจะขอโทษ ต่อสิ่งที่จุฬาเคยทำกับคุณจิตร จุฬาก็จะพ้นตราบาป และจุฬาร่วมกับมหาลัยอื่นๆ น่าจะทำหน้าที่กระจายความจริง
ของสามัญชนที่ดี ให้คนรู้มากเข้าๆ ด้วยการสื่อแบบต่างๆ
ที่พูดถึงกันมาก คือ ทีวีสาธารณะ ที่เราๆ ท่านๆ ฝันว่าเมื่อไร เราจะมีแบบ NHK BBC ที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง
ผมอยากให้มีทีวีแบบนี้มากๆ แบบที่ดูได้ความรู้ ดูเพลิน ดูสนุก และเข้าใจความเป็นตัวเรามากขึ้น ไม่อยากให้ตัวเราถูกชี้นำโดยความเป็นตะวันตกมากเกินไป
ผมอยากเห็นสารคดีแบบดิสคัฟเวอรี่ แบบไทยทำเอง ที่พูดถึง จิตร ภูมิศักดิ์ ปรีดี พนมยงค์ พระยาอนุมานราชธน ฯลฯ
อยากเห็นเรื่องราวของท่าน ที่เป็นภาพ แสง สี เป็นฉากๆ มีคนมาพูดในแง่มุมต่างๆ สะท้อนให้เห็นสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ ในสถานการณ์ ช่วงเวลานั้น
ว่าทำไมมันเกิดขึ้นอย่างนั้น เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง
อยากให้สังคมไทย พ้นจากอวิชชา (ความไม่รู้) ครับ
ขอบคุณ คนในวงการ ที่ได้ทำหน้าที่เล็กๆ แต่มีคุณค่า เพราะทำให้คนไม่รู้ ได้รู้เพิ่มอีกหลายคน
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนะครับ ที่ได้รู้มากขึ้นและทำให้อยากรู้เรื่องราวของคุณจิตร มากขึ้นไปอีก
งั้นเรามาช่วยกันวางแผนให้สังคมไทย ได้ "รู้" กันมากขึ้น ดีมั้ยครับ ชาวเสรีไทยเวบบอร์ดทุกท่าน
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2007, 11:31 โดย paperjam
»
บันทึกการเข้า
พระพาย
ขาประจำขั้น 2
ออฟไลน์
กระทู้: 679
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #102 เมื่อ:
13-03-2007, 13:50 »
สวัสดีครับคุณคนในวงการ
บทล่าสุดที่เขียนมานี้อ่านได้สนุกอย่างยิ่ง ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับจิตรจริงๆ ในระดับ "ถึงแก่น"
ตามความเข้าใจของผม ถ้าหลู่ซิ่นเป็นต้นแบบของจิตร จิตรก็น่าจะอยู่ในกลุ่มมนุษย์นิยม สัจจนิยม เกลียดสังคมหลอกลวงและการครอบงำ ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่ทั้งสังคมนิยมและประชาธิปไตย
จิตรเป็นวีรบุรุษสามัญชนผู้สร้างความเข้มแข็งแรงบันดาลใจให้แก่มนุษย์คนอื่นๆ เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้... เพลงแสงดาวแห่งศรัทธาเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนด้านนี้ของจิตรได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผมอ่านบทความของคุณคนในวงการ ก็พบว่าบทความของจิตรอาจมีปัญหาจริงๆ ผมไม่เคยอ่านบทความเหล่านี้มาก่อนและชื่นชอบจิตรเป็นอย่างมาก แต่จาก "ข้อมูลเพิ่มเติม" ที่ได้อ่านครั้งนี้ ผมคิดว่าการเข้าถึงและกล้าเผชิญ "ความจริง" ตามแนวทางที่จิตรยึดถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะเข้าใจในสิ่งที่จิตรต้องการสื่อออกมา... ถ้าใครมีเนื้อความของบทความทั้งสามเรื่องของจิตรมาเผยแพร่จักขอบคุณยิ่ง
ในบทความที่เรียกสั้นๆ ว่า "ผีตองเหลือง" นั้น เป้าหมายของจิตรชัดเจนในการโจมตี "ความหลอกลวง" ที่แฝงกายอยู่ในคราบของพุทธศาสนา แต่การยกให้ศาสนาพุทธเป็น "ปรัชญา" ตีความคู่กับปรัชญาวัตถุนิยมไดอะเลกตริก (ไม่แน่ใจว่าผู้คิดคือมาร์กซต้นแบบสังคมนิยมหรือไม่?) นั้นเป็นปัญหาอย่างยิ่ง แม้แนวทางของจิตรจะให้ความสำคัญกับความเข้มแข็งคุณค่าทางจิตใจของมนุษย์แต่ละคนดังที่ปรากฎในอีกบทความ "ขวัญเมือง" หรือเชื่อในในการ "ปฏิรูป" ความดีงามของปัจเจกบุคคลแบบเดียวกับพุทธศาสนา แต่การเกลียด "สังคมหลอกลวง" และให้ความสำคัญการแก้ปัญหาสังคมด้วยระบบสังคมเองแบบไดอะเลกตริกที่เน้นแนวทาง "ปฏิวัติ" ดังที่ยกขึ้นมาวิจารณ์ตีคู่กับ "ปรัชญา" พุทธศาสนาที่ถูกจำกัดกรอบเป็นการแก้กิเลสส่วนบุคคลและเป็นเพียงการ "ปฏิรูป" นั้น โดยคอนเทกซ์ที่เชื่อมโยงกันน่าจะมีปัญหาและทำให้เข้าใจผิดกันไปได้ว่าฝักใฝ่คอมมิวนิสต์
ในสมัยนั้นถ้าจะมีการปฏิวัติ ก็ต้องเป็นการปฏิวัติจากระบอบประชาธิปไตยไปสู่สังคมนิยมเท่านั้น (ไม่นับฟาสซิสม์ที่มีบทบาทเฉพาะช่วงสงคราม) แม้แต่การยกย่องตัวละครขวัญเมือง... ก็เน้นในด้านการมีอุดมการณ์ทางการเมือง ที่โน้มน้าวให้ก้าวออกจากกรอบของปัจเจกไปสู่ระดับสังคม ในเมื่อบทความทั้งสามไม่มีแนวทางนำเสนอที่ชัดเจนของระบอบที่มนุษย์คนหนึ่งจะก้าวเข้าไปแก้ปัญหาสังคมได้อย่างไร (ตรงนี้ผมเข้าใจว่าจิตรก็ยังไม่พบหรือตกผลึกในแนวคิดชัดเจนนัก) มีแต่มนุษย์คนหนึ่งที่แก้ปัญหากิเลสของมนุษย์คนหนึ่งแบบพุทธศาสนา และสังคมหนึ่งที่แก้ปัญหาของสังคมด้วยการปฏิวัติแบบไดอะเลกตริกแบบสังคมนิยม... เมื่อจิตรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา "สังคมหลอกลวง-ผีตองเหลือง" ที่เปรียบเสมือนการโจมตีพุทธศาสนาที่แก้ปัญหาสังคมตัวเองไม่ได้ โดยตรรกะจึงหมายถึงการสนับสนุนแนวทางของสังคมนิยมโดยอัตโนมัติ
ผมจึงเห็นใจอย่างยิ่งทั้งจิตรที่ถูกเข้าใจผิดและผู้เข้าใจผิดในจิตรที่ล้วนเป็นเหยื่อของสถานการณ์ทั้งสองฝ่าย... แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือบทความเรื่องแม่... มันเป็นปัญหาได้อย่างไร?
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2007, 14:02 โดย พระพาย
»
บันทึกการเข้า
คลิป นปก บุกทำเนียบชนพันธมิตร
http://pirun.ku.ac.th/~g4685035/01mob.asf
กระทู้ขบวนการเสรีไทยในเวบบอร์ดร่วมคัดคัดกรณีปราสาทพระวิหาร นำโดยคุณ *bonny
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28065.0
และเอกสารยื่นคัดค้านกระทรวงต่างประเทศไทยและกัมพูชา
http://www.savefile.com/files/1629973
กระทู้สรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak
http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0
ใบปลิวขนาด 2 หน้าสรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak
http://www.savefile.com/files/1626944
แม่น้ำร้อยสายล้วนต้นกำเนิดเดียวกัน... จากสายฝน จากภูเขา ที่ซึ่งคล้ายเจตนารมณ์แห่งฟ้า
เสรีไทยเวบบอร์ด
http://forum.serithai.net/
We Open Mind
http://www.weopenmind.com/board/index.php
อรุณสวัสดิ์
http://www.arunsawat.com/board/index.php
ที่ทำการเสี่ยวอีสาน
[
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
กระทู้: 1,393
FLY WITH NO FEAR !!
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #103 เมื่อ:
13-03-2007, 18:12 »
ขอบคุณมากครับ มิตรรักแฟนเพลง ที่ยังคงติดตามกันอย่างเหนียวแน่น
ทั้งท่านที่โพสคอมเมนต์ และท่านที่ไม่โพสคอมเมนต์
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน เป็นกระทู้แรกในเสรีไทย ที่ผมเขียนยาวมาก และ
ใช้เวลาเขียนนานมาก อย่างที่เรียนบอกเอาไว้ในท้ายบทนำ ว่าผมได้รวบรวมข้อมูล
จำนวนมหาศาลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ บางส่วนก็เรียบเรียงขึ้นใหม่จากข้อเขียนเดิม
บางส่วนก็เขียนเพิ่มเติมเข้าไปจากการเก็บเล็กผสมน้อย บางส่วนขี้เกียจพิมพ์ใหม่
ก็ก็อปเอามาทั้งประโยค บางส่วนก็คิดเองล้วน ๆ ถ้าเป็นหนังสือที่ต้องใช่เชิงอรรถ
ไว้ทุกครั้งเพื่อแสดงที่มา เห็นจะห้อยระโยงระยางเต็มไปหมดแน่ ๆ ผมจึงออกตัว
เอาไว้ว่า ผมขออ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล และเชิงอรรถ ไว้ทีเดียวในตอนสุดท้าย
พอดีเป็นกระทู้ในเว็บบอร์ดเลยทำได้ นี่ถ้าเป็นหนังสือคงถูกด่าเปิงไปแล้ว ผมประมาณดู
อัตราส่วนที่ผมเขียนเอง กับที่ก็อปมาคงจะอยู่สักราว ๆ 70 ต่อ 30
จะว่าไปแล้วการเขียนเรื่องราวของ จิตร ภูมิศักดิ์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายผมอย่างมาก
เพราะว่า มีทั้งหนังสือ มีทั้งเว็บไซต์ มากมาย ที่เล่าเรื่องของจิตรเอาไว้ ทั้งจากผู้รวบรวม
แบบผม และทั้งจากผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ หรือใกล้ชิดกับ จิตร ภูมิศักดิ์ เลยทีเดียว
ผมจึงวางรูปแบบการนำเสนอของผมเอาไว้ว่า ผมจะเล่าเรื่องของจิตร ในมุมมองที่ว่า
จิตรใช้ชีวิตอย่างไร มากกว่าที่จะนำเสนออัตชีวประวัติของวีรชน แบบที่เราเคยอ่านกันมา
ในตอน
ฝนแรก
บอกได้ว่าไม่ค่อยยากเท่าไหร่ เพราะว่าช่วงต้น ๆ ของชีวิตของจิตร
เขาก็เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป มีพิเศษอยู่บ้างก็ตรงที่มีโอกาสร่ำเรียนภาษาเขมร และ
ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในเขมร และยังไม่ค่อยเปร่งประกายมากนัก จวบจนจิตรเข้าเรียนที่
เตรียมอุดม ฯ ซึ่งในตอนนั้นจิตรเริ่มมีผลงานออกมาบ้างแล้ว
เรื่องของจิตรเริ่มเขียนยากขึ้นเมื่อเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผมต้องเขียนแยกออกเป็น
4 ตอน คือ
ต้นกล้าริมเทวาลัย
เพื่อปูพื้นให้ผู้อ่านได้เข้าใจว่าทำไม สาราณียกรของจุฬา ฯ
จึงต้องเป็นจิตร ในหนังสือ และเว็บไซต์ส่วนใหญ่ละเลยตรงนี้ไป ทำให้ภาพร่างของจิตร
ขาดความชัดเจน คล้ายกับว่าเป็นเหตุบังเอิญที่จิตรต้องมาเป็นสาราณียกร ทั้งที่จริงแล้ว
การที่คน ๆ หนึ่ง จะได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในสังคมให้ทำหน้าที่สำคัญ ต้องผ่าน
การพิสูจน์ตนเองให้สังคมยอมรับ ซึ่งจิตรทำได้ดีในตรงนั้น ต่อมาคือตอน
จามจุรีที่ทางแยก
ตอนนี้เขียนไม่ยากนักแต่ข้อมูลเรื่องกรณีโยนบกมีเยอะมาก ผมเชื่อว่าเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับจิตร เรื่องกรณีโยนบก เป็นเรื่องที่มีการบันทึกเอาไว้มากที่สุด และละเอียดที่สุด มากกว่า
เรื่องใด ๆ ของจิตรที่มีการบันทึกเอาไว้ ผมก็แค่คัดกรองเรียบเรียงขึ้นใหม่เท่านั้นเอง
และตอนล่าสุดที่เพิ่งโพสไปคือ
บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
นั้น ตั้งแต่ผมเริ่ม
เขียนเรื่องนี้มา ตอนนี้ยากที่สุด และใช้เวลานานที่สุด เพราะตอนนี้จะเป็นการตอบคำถาม
ที่ว่า แล้วทำไมจู่ ๆ จิตร ภูมิศักดิ์ ถึงได้ก้าวออกมาจากบทบาทเดิม ๆ ที่สร้างผลงานรับใช้
ด้านวิชาการ มาเป็นผู้ที่สร้างผลงานรับใช้สังคมแทน บางเอกสารระบุว่าการที่จิตรเปลี่ยน
แนวทางก็เพราะว่าได้ศึกษาผลงานของนักคิดนักเขียนท่านอื่น ๆ เช่น ผลงานของนายผี ฯลฯ
จนทำให้จิตรหล่อหลอมตนเองออกมาเป็นผู้สร้างผลงานรับใช้สังคม แต่ผมกลับมองเห็นว่า
งานเขียนของท่านเหล่านั้น มีผลกับจิตรอยู่บ้าง แต่ไม่มากพอที่จะสร้างความประทับใจ
ให้กับจิตร จนทำให้จิตรเปลี่ยนแนวทาง ผมมองย้อนไปที่ ตัวจิตรอีกครั้งในฐานะของ
คนธรรมดาคนหนึ่ง ผมพบว่า การที่คน ๆ หนึ่ง ประทับใจใครสักคนจนให้การยกย่องว่า
เป็นเสมือนกับบิดาตนเองนั้น เขาต้องได้รับอิทธิพลอย่างมากจากบุคคลนั้นอย่างแน่นอน
และหลู่ซิ่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวเอง หลังจากที่ผมค้นคว้าศึกษาประวัติพ่อของจิตรคนนี้
ยิ่งทำให้ผมมั่นใจและกล้านำเสนอว่า หลู่ซิ่น นี่เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของจิตร
หากไม่มีหลู่ซิ่น บางทีแล้ววันนี้อาจจะมี จิตร ภูมิศักดิ์ ตัวเป็น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
ตอนต่อ ๆ ไป คงจะเขียนยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเรื่องราวของจิตรในช่วงหลังจากกรณีโยนบก
ที่มีการบันทึกเอาไว้ คล้ายกับจะเป็นตำนานมากกว่าเรื่องชีวิตจริงของบุคคลคนหนึ่ง
เอกสารหลักฐานต่าง ๆ มีลักษณะขาด ๆ หาย ๆ เหมือนกับจิ๊กซอว์ที่กองรวมกันอยู่ในกล่อง
รวมทั้ง เพื่อน ๆ หลายท่านก็เริ่มตั้งการบ้าน ยาก ๆ ให้ผมต้องกลับไปค้นคว้าอย่างละเอียด
ไม่อย่างนั้นแล้ว ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน อาจจะกลายเป็น นั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่ตน ไป
ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามอ่าน และหวังว่าคงจะไม่เบื่อกันเสียก่อน
คนในวงการ
ปล. ผมต้องเดินทางอุตลุตอีกแล้ว คงจะเว้นไปอีกสามสี่วันครับ กว่าจะได้เขียนตอนใหม่
และคำถามที่ ถาม ๆ เอาไว้ ผมจะกลับมาตอบหลังจากกลับมาจากต่างจังหวัดครับ
บันทึกการเข้า
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
กระทู้: 4,321
In politics stupidity is not a handicap
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #104 เมื่อ:
13-03-2007, 18:35 »
แวะมาแปะชื่อค่ะ
/\ สายเดี่ยว แวะมาเยือน
อย่าหายไปนานนะค่ะ ติดตามอยุ่คร๊า
บันทึกการเข้า
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,860
Can't fight the moonlight!
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #105 เมื่อ:
13-03-2007, 19:53 »
สัญญลักษณ์ สายเดี่ยวของอนา
น่าจะเป็นอย่างนี้นะคะ.. อิอิ
| |
(""""""")
\ /
(เลื่อนปรับขนาดได้ตามใจชอบด้วยน้า)
บันทึกการเข้า
แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
nick
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
ออฟไลน์
กระทู้: 82
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน
«
ตอบ #106 เมื่อ:
13-03-2007, 21:27 »
จิตร ภูมิศักดิ์ เกิดผิดยุคผิดสมัย เป็นปัญญาชนหัวก้าวหน้า ในขณะที่นิสิตจุฬาฯทั้งหลาย
็กระทั่งอาจารย์แม่ที่ใครๆเคารพนับถือ ก็ยังหลงๆใหลในระบอบทุนนิยมและศักดินาอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ชาวบ้านในย่านที่จิตร ภูมิศักดิื ถูกยิงตาย ไม่มีใครรู้จักว่า จิตร ภูมิศักดิ์เป็นใคร มีแต่เสียงเล่าลือกันว่า ชายหนุ่มที่ถูกล้อมยิง
ตายที่ชายป่าผู้นั้น ให้หวยแม่นมากๆ....เวรกรรมของคนไทยจริงๆ
"เขาตายเหมือนไร้ค่า แต่ต่อมาก้องนาม ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน"
(มรณะบ้านหนองกุง ต.คำบ่อ)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2007, 21:53 โดย nick
»
บันทึกการเข้า
terri
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 2
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่ตน
«
ตอบ #107 เมื่อ:
21-11-2007, 11:35 »
อ้างจาก: คนในวงการ ที่ 23-08-2006, 13:40
คุณเก็ดถวาครับ น้อยคนมากที่สนใจเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์อย่างละเอียดขนาดนี้ คุณเก็ดถวาทำให้ผมทึ่งกับคำถาม ที่ไม่คิดว่าจะมีใครถามขึ้นมา แล้วผมจะไม่ตอบได้อย่างไรครับ
ผมพบ ม.ร.ว. ดวงใจ ครั้งแรกเมื่อปี 2504 เมื่อเธอพาฝรั่งและคณะของกรมศิลป์มาชมวัดเฉลิมพระเกียรติ ตอนนั้นผมอยู่เตรียม ไม่รู้เรื่องโยนบกที่เกี่ยวกับจิตรอะไรเลย แต่ประทับใจที่เธอคุยด้วยและบอกชื่อเพราะคงเห็นว่าผมกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเตรียม (และเธอก็คงคาดว่าผมอาจจะไปเป็นลูกศิษย์เธอสักวันหนึ่งกระมัง)
เชื่อไหมครับ ผมเรียนจบจุฬาฯแล้วก็ยังไม่ได้เจออาจารย์สาวท่านนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นไปหาท่านด้วยเรื่องอะไร ก็อาจเป็นได้ ผมจบมาแล้ว 15 ปี มีลูกแล้วได้สิทธิให้ไปฝากที่ "บ้านเด็กจุฬาฯ" (เป็นเนิร์สเซอรี่) ซึ่งเพิ่งเปิดในปีที่ลูกชายผมเกิดพอดี (ตอนนี้ลูกชายผม 26 ปีแล้ว) และทราบว่าผู้ก่อตั้งบ้านเด็กเพื่อเป็นสวัสดิการให้พวกอาจารย์หิ้วลูกตั้งแต่ 6 เดือนถึงก่อนวัยเข้าอนุบาลนี้เป็นอาจารย์อาวุโสขื่อ ม.ร.ว. ดวงใจ จิตตพงษ์ นั่นแหละครับ ผมถึงรอพบเธอวันหนึ่งขณะมาตรวจดูความเรียบร้อยที่บ้านเด็ก
อย่าให้ผมบอกว่ามันล่วงมากี่ปีนะครับ จากวันที่ผมพบท่านครั้งแรกที่วัดเฉลิมฯ เมืองนนท์
เมื่อได้คารวะท่านแล้ว อาจารย์ ม.ร.ว. ดวงใจ บอกว่าได้ว่าเคยพาหลวงบริบริบาลบุรีภัณฑ์ (อธิบดีกรมสิลป์สมัยนั้น) และกรมหมื่นพิทยลาภ ไปวัดเฉลิมพระเกียรติ แต่คงนานเกินไปที่จะจำเด็กวัดเก่าคนนั้นได้
ผมเรียนท่านว่า ผมเดินตามขบวนที่มาเยี่ยม ด้วยสมภารให้ผมในฐานะลูกศิษย์วัดเก่าช่วยดูว่าจะมีอะไรขาดเหลือ และบ้านผมก็ไม่ไกลจากวัด เรียกใช้ง่าย ไปมาสะดวกครับ
ที่เล่ามานี้ก็อยากจะบอกว่า อาจารย์หม่อมดวงใจ "ติดดิน" และเมื่อนึกถึงกรณีของจิตรที่ถูกกระทำอย่างโหดจากเพื่อนนิสิตรุ่นพี่ อาจารย์ย่อมทนเห็นความไม่ยุติธรรมอย่างนั้นไม่ได้ ถึงกับคว้าไมค์มาประท้วง ประณามนิสิตวิศวะสองสามคนนั้นให้สำนึกว่าไม่ควรทำอะไรเถื่อนอย่างนั้น
ผมมานั่งลำดับปี ผมมาเป็นเด็กวัดก็ปีเดียวกับที่เกิดเหตุการโยนบกจิตรที่จุฬาฯ 8 ปีต่อมาจึงพบกับอาจารย์หม่อมดวงใจที่วัดนั้น
ตอนที่จิตรถูกโยนบก ถ้าอาจารย์หม่อมดวงใจอยู่ปีสอง ผมก็พบตอนที่อาจารย์อายุราว 28 ปี จำได้ว่าอาจารย์เป็นคนสวยจัดคนหนึ่ง
ก็ดีใจที่มีโอกาสเล่าเรื่องนี้เป็นครั้งแรกครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2007, 12:10 โดย terri
»
บันทึกการเข้า
terri
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 2
Re: ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่ตน
«
ตอบ #108 เมื่อ:
21-11-2007, 12:22 »
อ้างจาก: คนในวงการ ที่ 23-08-2006, 13:21
เธอคนนั้นชื่อ
ม.ร.ว.ดวงใจ จิตรพงษ์
เป็นนายกชุมนุมปาฐกถาและโต้คารมแห่งคณะอักษรศาสตร์ ในขณะนั้นครับ
คำพูดของเธอก็ได้รับการจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน เธอปรี่เข้าไปแย่งไมค์จากนิสิตชายที่โยนบก จิตร ภูมิศักดิ (แล้วผมจะเล่าโดยละเอียดทีหลังนะครับ) โดยไม่เกรงกลัวอันตรายใด ๆ แล้วประกาศต่อนิสิตในหอประชุมว่า
"มันเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม ทำไมจึงไม่รอการพิสูจน์ก่อน เราขอประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนครั้งนี้ จะต้องมีการลงโทษบุคคลทั้งสองในการกระทำที่อุกอาจครั้งนี้"...
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
2
[
3
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ทั่วไป
-----------------------------
=> ตะกร้าข่าว
=> ห้องสาธารณะ
=> สภากาแฟ
=> ชายคาพักใจ
=> ร้อยรักษ์กวีวรรณ
=> สโมสรริมน้ำ
-----------------------------
ด้านเทคนิค
-----------------------------
=> ปัญหาการใช้งาน
=> ห้องทดสอบ
===> ทดสอบบอร์ดย่อย
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2005, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.126 วินาที กับ 22 คำสั่ง