ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
03-12-2024, 00:14
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ ‘จะโง่จริงหรือแกล้งโง่’ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ ‘จะโง่จริงหรือแกล้งโง่’ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง  (อ่าน 1564 ครั้ง)
นาม ยิ้มแย้
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 25-10-2007, 12:58 »

ปมเงื่อนสำคัญในกรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงอื้อฉาวของกทม. ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่า...ทำไม “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ผู้ว่าฯกทม.ถึงไม่มีความผิด ตามการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่มีมติให้ดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลเพียง 5 คนคือ

1.โภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
2.ประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้กำกับดูแลกทม.ในเวลานั้น
3.สมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ทำหน้าที่เลขานุการของนายประชา มาลีนนท์
4.สมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.
5.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผอ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกทม.

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ตรวจสอบและพบว่า มีผู้กระทำผิด 7 คน ซึ่ง 1 ใน 5 คนที่ว่านี้ก็ตรงกับที่คตส.สั่งให้ดำเนินคดีเอาผิด

แต่อีก 2 คนที่เหลือนั้น ใครๆ ก็รู้ว่า...1 ในนั้น คือ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ในฐานะที่เป็นผู้มา “สานต่อ” ให้เรื่องมันดำเนินการไปได้

เพราะในสัญญาที่ทำกันไว้นั้น ข้อ 9.1 ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า...This Agreement will come into force with opening of L/C in a favour of and acceptable for the Seller.

ซึ่งแปลตามตัวก็คือ... “สัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับเมื่อมีการเปิด L/C ให้กับผู้ขาย และผู้ขายยอมรับ”
จากหลักฐานที่ได้รับอยู่ในมือสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่า...งานนี้บริษัทฝรั่งคือ บริษัท สไตเออร์ฯนั้น มีการทำหนังสือตรงถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 ซึ่งระบุชัดเจนเลยว่า สัญญามีผลบังคับทันทีที่มีการเปิด L/C หากนายอภิรักษ์ไม่เปิด L/C สัญญานี้ก็จะยังไม่มีผล และผลที่ตามมาคือ จะไม่มีการส่งมอบรถดับเพลิง

เมื่อเป็นเช่นนี้ หาก “อภิรักษ์” ได้นั่งอ่านสัญญากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน...โดยเฉพาะสัญญาข้อ 9.1 ที่ระบุชัดเจนว่า จะไม่มีผลใดๆ เลยถ้าไม่มีการเปิด L/C ก็ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่า...เป็นอำนาจของตัวเอง และรู้ว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ดี แถมคนในพรรคประชาธิปัตย์อย่าง “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ก็เกาะติดเรื่องนี้มานาน ก็ได้มีการตั้งข้อท้วงติงแล้ว

แต่ “อภิรักษ์” ก็ไม่เชื่อ...กลับอ้างว่า เพราะกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า ไม่สามารถยกเลิกการจัดซื้อได้

ยิ่งเมื่อมาดูคำให้สัมภาษณ์ของ “ประเสริฐ บุญศรี” ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ก็บอกว่า “การแก้ไข L/C เป็นประเด็นปลีกย่อย เนื่องจากความผิดปกติของโครงการเริ่มมาตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาและการเปิด L/C ของนายอภิรักษ์ ก็เป้นไปตามสัญญาที่มีผลบังคับ การแก้ไข L/C ก็เหมือนกับการเปลี่ยนที่ส่งของ ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา เมื่อสัญญามีผลบังคับใช้ หากไม่เปิด L/C กทม.ก็ต้องถูกฟ้องอย่างแน่นอน คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า การเปิด L/C เป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่อดีตผู้ว่าฯกทม.ลงนามไว้”

เลยทำให้สงสัยกันหนักยิ่งขึ้นไปอีกว่า...ตกลงทั้งคณะอนุกรรมการฯที่สอบเรื่องนี้ และบอร์ดคตส. รวมถึงตัว “อภิรักษ์” ได้นั่งอ่านสัญญาการซื้อขายทั้งฉบับอย่างครบถ้วนแล้วหรือยัง

ที่สำคัญเอกสารที่ “สไตเออร์ฯ” ทำถึงรองผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 นั้น มีใครหมกเม็ดไว้หรือไม่!!!

นอกจากนี้ปมเงื่อนอีกเรื่องที่สำคัญที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ ทำไมถึงต้องมีการแก้ไข L/C เพราะเดิมในสมัย “สมัคร สุนทรเวช” ยังนั้งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ได้ขอเปิด L/C เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2547 โดยระบุให้...การส่งมอบสินค้าได้ที่ท่าเรือในยุโรป หรือสนามบินยุโรป หรือสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย (European Portland or European airport and / or any place in Thailand for transportation to Thailand)

แต่ต่อมา...ในยุคสมัย “อภิรักษ์” กลับมีการเสนอขอแก้เงื่อนไขใน L/C ใหม่เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2548 ให้เป็น...ให้ส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือหรือสนามบินในยุโรปเท่านั้น (Any European port and / or any European airport) โดยไม่ได้ระบุว่า...ต้องมีสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย

จากนั้นอีกเพียง 11 วันคือวันที่ 21 ม.ค. 2548 “อภิรักษ์” ก็ขอแก้ไข L/C อีก...โดยกลับมาเพิ่มข้อความ “ให้มีการส่งมอบสินค้า ณ สถานที่ใดๆ ในประเทศไทย” (Please insert : and / or any place in Thailand) เข้าไปใหม่อีกครั้ง

ซึ่งเหตุผลหลักที่ต้องวิ่งกลับไป-กลับมา...ในเรื่องการแก้ไข L/C นี้ อาจเป็นเพราะ “ขบวนการเหลือบ” ทั้งชุด...รู้กันดีอยู่แล้วว่า...สินค้าที่สั่งไม่ได้ผลิตที่โรงงานของสไตเออร์ฯ ที่ประเทศออสเตรีย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา...จึงมีความพยายามที่จะหาทางแก้ไขเพื่อนำมาใช้เป็นข้ออ้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกตัวเอง

จากเอกสารที่ “นิยม กรรณสูต” ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกทม. ทำถึงบริษัท สไตเออร์ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2548 ที่ระบุชัดถึงการปฏิเสธการตรวจรับ “เรือดับเพลิง” ว่า...After the Fire and Rescue Department, as the department in charge, inspected the Purchase / Sale Agreement and the company’s letters, we found that the fireboat is not manufactured at the Seller’s factory as indicated in the Purchase / Sale Agreement. We, therefore, request the company to proceed according to the Agreement.

ซึ่งแปลตามความหมายก็คือว่า...หลังจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.ได้ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายแล้ว พบว่า เรือดับเพลิงไม่ได้มีการผลิตที่โรงงานของบริษัทสไตเออร์ฯ ตามที่ระบุไว้ชัดเจนในสัญญา ดังนั้นจึงขอให้บริษัทสไตเออร์ฯดำเนินการตามข้อตกลงในสัญญาด้วย
เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่า ก่อนหน้านี้มีการเปิดโปงว่า เรือดับเพลิงนี้ ผลิตกันที่พัทยา โดยว่าจ้างให้บริษัท เซียทโบ๊ท พัทยา ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ผลิต...ซึ่งถ้าจะว่ากันตามหลักการแล้ว...ก็ถือว่า “ผิด” แน่นอน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงต้องมีการแก้ไข L/C เพื่อเปิดทางให้มีการส่งมอบสินค้าจากประเทศไทยมายังประเทศไทยได้นั่นเอง

และเอกสารที่ยืนยันชัดเจนอีกเรื่องในการที่บริษัทสไตเออร์ฯเอง ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงคำท้วงติงของ “นิยม กรรณสูต” ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกทม. ที่ปฏิเสธการตรวจรับเรือดับเพลิง เพราะต่อมาในวันที่ 8 ธ.ค. 2548 ทางบริษัทสไตเออร์ฯ กลับทำหนังสือตรงถึง “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ผู้ว่าฯกทม. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจะส่งมอบเรือดับเพลิงครั้งที่ 2 ที่พัทยา ในวันที่ 28 ธ.ค. 2548 โดยไม่สนใจกับคำท้วงติงของ “ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.” ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง

หรือว่า...หนังสือที่ “นิยม กรรณสูต” ทำถึงบริษัทสไตเออร์ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2548 “อภิรักษ์” ก็ไม่ได้เห็นและไม่ได้รับรู้...อีกตามเคย

อย่างนี้จะโง่จริงหรือทำแกล้งโง่กันแน่

เสียชื่อผู้บริหารมืออาชีพที่เคยอยู่ในองค์กรภาคธุรกิจใหญ่ๆ หมด

งานนี้ถือเป็นบทพิสูจน์การทำงานของ “คตส.” อีกครั้งว่า...จะเถรตรงจริงตามที่หลายคนคาดหวังไว้หรือไม่

เพราะต้องไม่ลืมว่า...หากไม่ดื้อดึงเปิด L/C สัญญาซื้อขายก็จะไม่มีผลอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อคตส.เดินหน้าเอาผิด “คนต้นเรื่อง-คนชงเรื่อง-คนเดินเรื่อง-คนทำเรื่อง”...แต่กลับเมินเฉยไม่เอาผิดกับคนที่ “เปิดประตู” ให้เรื่องราวเหล่านี้...สัมฤทธิผล!!!

เพราะ “คนทำผิด” ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน หากคิดคดเล่นไม่ซื่อกับประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ถือว่าเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายทั้งสิ้น

ดังนั้นผู้ที่มีหน้าหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อหาคนกระทำผิดมาลงโทษนั้น...ต้องเที่ยงตรง อย่าลู่ตามลม หรือเอาความรู้สึกมาเป็นตัวตั้ง
“ข้อเท็จจริง" ยังรอคอย “คนจริง” มาพิสูจน์ “ความจริง” ให้กระจ่างอยู่เสมอ

อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวลเด็ดขาด!!!
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 25-10-2007, 16:35 »

ชายแปะครับ

ขอที่มาของข่าวด้วย ไม่ใช่ยกมาลอยๆ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-10-2007, 17:14 »

1.โภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
2.ประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้กำกับดูแลกทม.ในเวลานั้น
3.สมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ทำหน้าที่เลขานุการของนายประชา มาลีนนท์
4.สมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.
5.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผอ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกทม.
5คนนั้นนั่นแหละ ที่ต้องรีบจัดการ
  ส่วนอภิรักษ์จะผิดหรือไม่ก็ว่ากันไป ตรวจสอบกันท่าไหนก็ไม่ทราบ ช่างใช้เวลานานกันเสียจริงๆ
ทำท่าจะกลายเป็นมวยล้มเสียอีกแล้ว.....เอิ้กกกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #3 เมื่อ: 25-10-2007, 17:48 »

นามอะไรหว่า นามยิ้มแย้ เวลายิ้มคงเหมือนตัวแย้ตัวหางแดง
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
หน้า: [1]
    กระโดดไป: