ฝากความปรารถนาดีครับ ควรรณรงค์ให้รับประทานอาหารที่สุก สะอาด
และรักษาสุขอนามัยกันให้ดีทุกด้าน ก็จะไม่ต้องเดินทางเข้าจังหวัดบ่อย เพราะระดับตำบลก็มีพยายาล แสะสาธารณสุขดูแลเป็นล้านคนทั่วประเทศ ก็อยากบอกแฟนเพลงทุกคนว่าอย่ารับประทานอาหารสุกๆดิบๆเลยครับ เพราะมันอันตรายซึ่งตอนนี้กลัวแล้วก็เข็ดมากๆครับ ต่อไปนี้จะทานแต่อาหารที่ปรุงสุกเท่านั้นครับอยากฝากขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้จะรีบรักษาตัวให้หายเร็วที่สุด
ด้านแพทย์เจ้าของไข้ นพ.ยงยศ ปลื้มจิตติกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านอายุรกรรมระบบประสาท เผยถึงอาการเบื้องต้นของนักร้องแดนสะตอรายนี้ว่ายังคงมีอาการเบลอจากฤทธิ์ยาฆ่าพยาธิ และก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่ห้ามกินของสุกๆดิบๆ
อาการตอนแรกมีไข้สูงขึ้น 40 องศา บวกกับอาการอ่อนเพลียสะสม หลอดเสียงบวมและมีอาการปวดหัวจึงทำให้อาการทรุดหนัก หลังให้ยาแล้วปรากฏว่าอาการทั่วไปดีขึ้น เหลือแต่อาการปวดหัว หมอจึงสั่งให้เอาคนไข้ไปเอ็กซเรย์ จึงทำให้ตรวจพบจุดดำเล็กในสมองจำนวน 2 จุด มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 เซนติเมตร ซึ่งโรคนี้เรียกว่าซีสต์ในสมอง แต่สามารถรักษาให้หายได้
คือสาเหตุการเกิดโรคนี้เนี่ยมาจากทานอาหารสุกๆดิบๆทำให้พยาธิตืดหมูเข้าสู่ร่างกาย เวลาทานต้องระวัง แล้วชอนไชไปยังอวัยวะต่างๆ ซึ่งการรักษาจะต้องให้ยาฆ่าพยาธิตืดหมูเป็นเวลา 1 เดือน แล้วต้องให้คนไข้นอนโรงพยาบาลต่ออีก 2-3 วัน เพราะว่าหมอให้ยาฆ่าพยาธิคนไข้จะมีอาการเกร็ง ชักและปวดหัว
ความคิดเห็นที่ 49
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000117177 เนี้ยเป็นความรู้สำหรับคนที่ไม่รู้ควรอ่าน ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลก คนไข้กลุ่มเนี้ยเยอะมากพยาธิตัวตืดเป็นพยาธิตัวแบนในกลุ่มของ Cestoidea มีลักษณะแบนเป็นปล้องๆต่อกันยาวคล้ายเส้น
บะหมี่ทั้งเส้นเล็ก ใหญ่ ยาว สั้น และเนื่องจากพยาธินี้มีลักษณะแบนยาวคล้ายเทป จึงมีชื่อเรียกกันทั่วๆ
ไปว่า "Tapeworms" พยาธิตัวตืดที่เป็นปรสิตในคนมีอยู่หลายชนิด ที่พบได้ค่อนข้างบ่อยมีดังต่อไปนี้
Taenia solium พยาธิตืดหมู ( ทีเนีย โซเลียม )Taenia saginata พยาธิตืดวัว ( ทีเนีย ซาจินาตา )
ที่พบได้บางแต่ไม่บ่อยเช่น Hymenolepis nana, Hymenolepis deminuta เป็นต้น
พยาธิตืดหมู เป็นโรคพยาธิที่เกิดจากพยาธิตืดหมู ทั้งนี้เพราะหมูเป็นโฮสท์กลางตัวสำคัญที่มีระยะ
ติดต่ออันตรายของพยาธินี้ พยาธิตืดหมูทำให้เกิดโรคในคนได้ 2 อย่างคือ
- การที่มีพยาธิตัวแก่เต็มวัยอยู่ในลำไส้โดยที่คนจัดเป็นโฮสท์เฉพาะ ( Definitive host )
- การที่มีพยาธิตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวในกล้ามเนื้อคน และมีถุงซีสต์หุ้มล้อมรอบอยู่ เรียก ซีสติเซอร์คัส
เซลลูโลเซ (Cystucercus cellulosae) โดยที่คนถือเป็นโฮสท์กลาง ( Intermediate host )
พบได้บ่อยในคนที่นิยมกินเนื้อหมูแบบดิบๆสุกๆ ในกลุ่มพวกยิว และอิสลามที่ไม่ทานหมู จึงไม่พบคน
ที่เป็นโรคนี้เลยหรือพบได้น้อยมาก
สำหรับในประเทศไทยเราพบพยาธิตืดหมูได้น้อยกว่าพยาธิตืดวัวมาก พบได้ในภาคอีสานมากกว่าที่
อื่นๆเนื่องจากชอบทานแบบสุกๆดิบๆ เช่น ลาบเนื้อลาบหมู ยำเนื้อ พล่าเนื้อ แหนม เป็นต้น
วงจรชีวิตของพยาธิ
ตัวแก่ของพยาธิตืดหมูอาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของคนซึ่งจัดเป็นโฮสท์เฉพาะ ปล้องแก่ของตัวพยาธิจะ
หลุดออกปนมากับอุจจาระหรือหลุดออกมาเอง ปล้องเดียว หรือ2-3 ปล้อง ในแต่ละปล้องจะมีไข่อยู่
ประมาณ 1000 ฟองต่อมาปล้องจะแตกออกปล่อยไข่กระจายปนเปื้อนอยู่ปนพื้นดินหรือติดไปตามต้น
หญ้า บางครั้งปล้องอาจแตกออกก่อนในลำไส้ใหญ่ ไข่จะปนออกมากับอุจจาระ ไข่ที่มีตัวอ่อนในระยะ
ติดต่ออยู่จะเรียกว่า Oncospore (ออนโคสปอร์) ดูรูปภาพไข่พยาธิ
เมื่อหมูซึ่งเป็นโฮสท์กลาง กินเอาปล้องของพยาธิตัวตืด หรือไข่พยาธิระยะ Oncospore เข้าไปตัวอ่อน
จะไชออกจากไข่แล้วไชทุลุผนังลำไส้เข้าสู่วงจรเลือดหรือน้ำเหลืองไปยังกล้ามเนื้อทั่วร่างกายของหมู
ฝังตัวอยู่โดยมีถุงหุ้มล้อมรอบตัวอยู่เรียกว่า cysticercus ( ซิสติเซอร์คัส )ซึ่งถือเป็นระยะติดต่อ
อันตราย
ระยะเวลาทั้งหมดกินเวลาประมาณ 60 - 70 วัน เนื้อหมูที่มี cysticercus ( ซิสติเซอร์คัส ) อยู่ เรียก
ว่าหมูสาคู เพราะจะดูคล้ายๆเม็ดสาคูอยู่ในเนื้อหมูนั้น เมื่อคนกินเนื้อหมูสาคูที่มีระยะติดต่ออันตราย
แบบดิบๆสุกๆเข้าไป เมื้อเนื้อหมูถูกย่อยก็จะปล่อย cycticercus ออกมา พอเคลื่อนตัวมาถึงลำไส้เล็ก
ส่วนหัวเรียกว่า Scolex (สโคเล็กซ์ ) จะยื่นโผล่ออกมา แล้วใช้ส่วนที่เป็น ขอ (hook) และส่วนดูดติด
( sucker) มาเกาะติดกับผนังลำไส้ ดูดเลือดและอาหารและจะค่อยๆงอกปล้องออกมาเรื่อยๆ เจริญ
ต่อไปเป็นตัวแก่ต่อไป ระยะนี้กินเวลาประมาณ 2 - 3 เดือน ปล้องแก่เมื่อมีไข่เต็มก็จะหลุดออกปนไป
กับอุจจาระเพื่อไปติดต่อ ต่อไป
อาการและลักษณะพยาธิสภาพ
โดยทั่วไปมักไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงแต่อย่างใด แต่จะเป็นโรคที่เกิดจากการถูกแย่งอาหาร และ
การระคายเคืองจากสารพิษของพยาธิเอง ที่พบได้บ่อยเช่นผอมลง น้ำหนักลด ขาดอาหารทั้งที่ทาน
ได้เป็นปกติ หิวบ่อย ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระบ่อย กระสับกระสาย นอนไม่หลับ
อาการแพ้ คัน ลมพิษ
การตรวจวินิจฉัยโรค
1. ตรวจพบไข่พยาธิ ตัวตืดในอุจจาระ พยาธิตืดหมูและตืดวัวมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก ต่างกันที่
ขนาด การตรวจจากปล้องจะแน่นอนกว่า
2. การตรวจจากปล้องที่หลุดปนออกมากับอุจจาระ โดยที่ปล้องของตืดหมูจะมีแขนงภายในปล้องน้อย
กว่าตืดวัว
การรักษา
1. Niclosamide ( Yomesan ) มีฤิทธ์ฆ่าเชื้อพยาธิตัวตืดหมู เป็นยาเม็ดขนาด 0.5 กรัม ทาน
4 เม็ด เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน รอประมาณ 2 ชั่วโมง อาจทานยาถ่ายตามเช่น ดีเกลืออิ่นตัว 30
ซี.ซี. เมื่อให้ยาถ่ายจะพบว่าตัวพยาธิจะถูกขับออกมา แต่ถ้าไม่ให้ยาถ่ายพยาธิที่ตายจะค่อยๆถูกย่อย
สลายปนออกมากับอุจจาระไป ข้อควรระวังการให้ยาถ่ายคือควรให้ยากันอาเจียนก่อนให้ยาถ่าย และ
ควรให้ยาถ่ายเพื่อกำจัดปล้องออกมา เพราะถ้าตัวแก่ตายอยู่ภายในร่างกาย ปล้องที่ถูกย่อย กอรปกับ
การมีอาการท้องผูก ท้องอืด หรือคลื่นไส้อาเจียน จะทำให้ไข่พยาธิที่แตกออกมาจากปล้องถูกย่อยและ
ขย้อยกลับมาที่บริเวณลำไส้เล็กไข่พยาธิตัวอ่อนระยะ Oncospore (ออนโคสปอร์) ก็จะออกมาพร้อม
กับไชทะลุลำไส้กระจายไปฝังตัวตามเนื้อเยื่อส่วนต่างๆทั่วร่างกายกลายเป็นระยะ cysticercus
( ซิสติเซอร์คัส ) ขึ้นมาได้
2. Mebendazole (Fugacar) เป็นยาเม็ดขนาด 100 มิลลิกรัม ทานครั้งละ 2 เม็ด ให้กินเช้าเย็น
ติดต่อกันนาน 4 วัน ให้ผลในการรักษาถึงร้อยละ 90
การป้องกัน
1. เนื้อหมูที่นำมารับประทานต้องไม่เป็นเนื้อที่มีตัวอ่อนพยาธิฝังตัวอยู่ เรียกเนื้อสาคู
2. รับประทานเนื้อหมูที่ทำให้สุกแล้วเท่านั้น ไม่ทานเนื้อที่กึ่งสุกๆดิบๆ เช่น ยำ พล่า แหนม
3. กำจัดอุจจาระให้เป็นที่เป็นทางถูกหลักสุขอนามัย
4. ให้ยาถ่ายพยาธิแก่คนที่เป็นโรคนี้
อาการซีสติเซอร์คัส เซลลูโลเซ (Cysticercus cellulosae) เป็นช่วงวงจรที่แปลกไปจากวงจรปกติ
คือคนเกิดไปทานเอาไข่พยาธิตัวตืดในระยะ Oncospore (ออนโคสปอร์) ที่ติดอยู่ตามพืชผัก ผลไม้
หรือการอาเจียน ขย้อนเอาปล้องแก่พยาธิตัวตืด (สำหรับคนที่เป็นพยาธิอยู่แล้ว) กลับเข้ามาอยู่ในกระ
เพาะอาหาร คนก็จะกลายเป็นโฮสท์ตัวกลางในรูปแบบนี้แทนที่หมู โดยเมื่อ ไข่พยาธิถูกย่อยตัวอ่อน
ก็จะฟักออกจากไข่ และไชทะลุลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดหรือน้ำเหลือง ไปยังกล้ามเนื้อหรืออวัยวะต่างๆ
ของร่างกาย แล้วฝังตัวมีซิสท์มาหุ้มรอบตัวพยาธิกลายเป็นระยะ cysticercus ( ซิสติเซอร์คัส เซลลูโลเซ ) ในระยะแรกจะมีอาการอักเสบเฉพาะที่ๆมีพยาธิฝังอยู่ นานเข้าก็จะมีหินปูนมาจับทำ
cysticercus ( ซิสติเซอร์คัส เซลลูโลเซ ) ในระยะแรกจะมีอาการอักเสบเฉพาะที่ๆมีพยาธิฝังอยู่
นานเข้าก็จะมีหินปูนมาจับทำให้มีลักษณะนูนสูงขึ้น ขนาดที่พบได้ประมาณ 0.5 - 3 ซ.ม.ยังไม่มีวิธี
การรักษาที่ดี มักเป็นการรักษาบรรเทาตามอาการ การผ่าตัดเอาออกเป็นเรื่องยากและขึ้นกับตำแหน่ง
ที่ฝังตัวอยู่ ดังนั้นการผ่าต้ดมักเป็นเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคมากกว่าการรักษา
badboy