๑. ไข้หว้ดนก
แทนที่จะยอมรับความจริง แล้วรีบบอกให้กสิกรหยุดเลี้ยงสัตว์ปีกชั่วคราว
ก็อาจจะควบคุมโรคระบาดที่มีอยู่แค่สองจังหวัด ไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
ต้องฝังทำลายสัตว์ปีกทั้งเป็นหลายสิบล้านตัวในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
ประชาชนตายไปนับสิบคน
นักท่องเที่ยวหดหายเพราะกลัวไวรัส H5-N1 ยิ่งกว่าโรคซารส์
สูญเสียตลาดส่งออกสัตว์ปีกดิบแช่แข็ง
โรคระบาดกลับมาซ้ำอีกในปีถัดมา .. โรคต่างถิ่นกลายเป็นโรคประจำถิ่น
ฯลฯ
๒. ไฟใต้
แทนที่จะคงระบบการสมานฉันท์และหน่วยข่าวกรองที่มีอยู่เดิม คือ ศอ.บต. และ พตท.๔๓
แทนที่จะวางตัวเป็นกลาง โดยไม่ส่งทหารไปอิรัก
การแก้ไขปัญหาจนยิ่งบานปลายเช่นกรณีที่ กรือเซะ และ ตากใบ
ผลที่เกิดจากการเปลี่ยนภาคใต้จากสนามการค้าให้กลายเป็นสนามรบ คือ
นักท่องเที่ยวหดหาย .. ลองกองราคาเหลือ กก.ละ ๒๐ บาท จากที่เคยขายได้ ๑๐๐ บาท
เสียงบประมาณทหาร และค่าเสี่ยงภัยให้ข้าราชการ
ประชาชนต้องทิ้งถิ่นฐานไปอยู่ภาคอื่น
ฯลฯ
ความเสียหายข้างต้นทั้งสองข้อ หากประเมิณออกมาเป็นตัวเงิน น่าจะหลายหมื่นล้านบาท
หรืออาจจะเข้าหลักแสนล้านบาทโดยเฉพาะความเสียหายจากไฟใต้ที่มีติดต่อกันมาทุกปี
ตลอดสมัยของการปกครองในระบอบทักษิณ
ใครจะรับเป็นเจ้าภาพต่อความสูญเสีย .. หรือว่าตอนนี้ ยังไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพ
ก็ให้ประชาชนรับเฉลี่ยแบ่งๆกันไป .. ที่เหลือนักการเมืองก็คงจะลอยตัวไปตามระเบียบ