http://www.bangkokbiznews.com/2006/05/08/news_20571600.php?news_id=20571600กาแฟดำ
วันนี้ ไม่มีผู้ชนะผู้แพ้ มีแต่ผู้ต้องเสียสละเพื่อปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่
ไม่ว่าวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 ออกมาในรูปใด คำถามที่สำคัญกว่าประเด็นกฎหมาย, คำนิยาม, ความหมายของคำว่า โมฆะ และพรรคการเมืองใดจะได้ประโยชน์จากคำตัดสินของศาลอย่างไร ก็คือสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปกับการเมืองและสังคมอย่างไร จึงจะสร้าง "สังคมประชาธรรม" ขึ้นมาอย่างแท้จริง
มติของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะต้องนำไปสู่กระบวนการปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจัง และนั่นมิใช่ประเด็นกฎหมายหรือการถกเถียงกันทางด้านความถูกผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่ว่าศาลยุติธรรมจะดำรงความเป็นกลางและตีความตามกติกาบ้านเมืองอย่างเที่ยงธรรมเพียงใด ในท้ายที่สุดบ้านเมืองจะไปรอดหรือไม่ก็อยู่ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพใน ความเป็นธรรม
เพราะคำว่า "นิติรัฐ" หรือ rule of law นั้น เน้นหนักการให้ทุกฝ่ายเดินตาม กติกา แต่กติกานั้นต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย, ต้องไม่ถูกตีความเข้าหาผู้มีอำนาจ, ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนเสียงส่วนน้อยที่จะไม่ถูกเสียงส่วนใหญ่กลบหายไปอย่างไร้ความยุติธรรมแต่คำว่า rule of law ย่อมมิใช่ rule by law ซึ่งมีความหมายที่เน้นไปทางส่งเสริมเนติบริกรมากกว่าการสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคม
เมื่อเราเอานักกฎหมายมาอยู่ในการเมือง และสามารถตีความเพื่อเข้าข้างเจ้านายที่เป็นนักการเมืองได้ นั่นคือหายนะของประเทศชาติ เพราะเขาจะอ้างกฎหมายขึ้นเหนือความชอบธรรม และเพราะพวกเขามีอำนาจและบารมี จึงพยายามจะใช้ช่องว่างในกฎหมายมาสนองความต้องการของนักการเมือง
การเมืองไทยหลายปีที่ผ่านมา ถูกการใช้กฎหมายโดยไม่ชอบธรรมทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ, เสื่อมทราม และบูดเบี้ยวจนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงอย่างที่ได้เห็น และหนุนเนื่องให้เกิดกระแส อารยะขัดขืน จากผู้คนที่ไม่มีทางอื่นในการต่อสู้นอกจากจะต้องประกาศไม่ยอมร่วมมือกับผู้มีอำนาจ นี่คือจุดหักเหของสังคม และนี่คือที่มาของความแตกแยกของสังคมในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเหตุเพราะเมื่อได้อำนาจมาแล้ว ผู้นำของประเทศโยนคำว่าความชอบธรรมและจริยธรรมทิ้งไป และดำเนินการปราบปรามผู้คัดค้านอย่างดุเดือดรุนแรง ไม่เคารพในความเห็นอีกด้านหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับระบอบประชาธิปไตย
สังคมใดที่ยึดแต่เพียงการตีความกฎหมายโดยผู้มีอำนาจหรือ legality แต่ไม่สำนึกถึงความสำคัญยิ่งกว่าของความชอบธรรมหรือ legitimacy และไม่เคารพในความสำคัญอย่างยิ่งของความสัตย์ซื่อต่อหลักการจริยธรรมหรือ integrity ก็ย่อมจะหนีไม่พ้น ต้องเผชิญกับวิกฤติอย่างที่เราเห็นกันมติของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะออกมาว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาถูกหรือผิดด้วยกติกาก็ตาม ก้าวต่อไปก็คือสังคมไทยจะต้องก้าวเข้าสู่การ ปฏิรูปการเมือง อย่างแท้จริง
และไม่ว่าความเห็นในรายละเอียดจะแตกต่างกันในหมู่คนไทยต่างๆ อย่างไร, ภาพรวมของการต้องการสร้างการเมืองให้มีคุณภาพ, ให้มีกลไกของการตรวจสอบ, ให้มีระบบป้องกันและปราบปรามการฉ้อฉล และจัดการกับคอร์รัปชันที่ร้ายแรงหนักขึ้นทุกวัน คงจะต้องกลายเป็นเป้าหมายหลักที่จะต้องร่วมกันปรึกษาหารือเพื่อการเดินหน้าต่อไป
นี่ย่อมไม่ใช่เวลาของการเอาชนะคะคานกัน นี่ย่อมไม่ใช่จังหวะสำหรับพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะสร้างความได้เปรียบระยะสั้นเพื่อตนเอง หากแต่นี่คือเวลาอันสำคัญยิ่งสำหรับการตั้งกลไกที่เป็นกลาง ระดมมันสมองของคนไทยในทุกสาขาวิชาชีพเพื่อระดมความคิดความอ่านอย่างเปิดกว้างที่สุดเพื่อนำพาประเทศสู่การสร้างชาติรอบใหม่
เพราะการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริงย่อมไม่ได้หมายความถึงเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราตามที่นักการเมืองต้องการเท่านั้น หากแต่หมายถึงการระบุกติกาสำหรับการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างกว้างขวาง, หมายถึงการสร้างกฎกติกาที่เน้นทั้งคุณภาพและปริมาณ และหมายถึงการเปิดทางให้การศึกษาและการสร้างสังคมเป็นหน้าที่ร่วมกันของคนทุกหมู่
ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่นี้ย่อมหมายถึงการระบุให้ชัดเจนว่าการเมืองมิใช่เรื่องของนักการเมืองเท่านั้น
และระบอบประชาธิปไตยย่อมมิได้หมายถึงการไปใช้สิทธิกาบัตรเลือกตั้งเท่านั้น
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะประกาศชัยชนะวันนี้ สิ่งแรกที่จะต้องถามตัวเองก่อนอะไรอื่นก็คือ...ประชาชนเขาคาดหวังให้ท่านทำอะไรก่อนที่จะแสดงความยินดีปรีดากับตนเอง
และคำถามแรกสำหรับผู้ครองอำนาจก็คือ หากท่านไม่รู้จักคำว่าเสียสละ ท่านก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการเมืองแน่นอน ถ้าเสี่ยทักษิณ ยังเป็นผู้มีอำนาจทางการเมือง ยังใช้ 3 นิติกรบริการ และระบอบทักษิณเพื่อปกครองประเทศ ใช้กฎหมายสร้างอำนาจเป็นธรรม สร้างความชอบธรรมของ"ทุจริตทางนโยบาย" สร้างความเหลื่อมล้ำ เอารัดเอาเปรียบ สร้างความเสื่อมศรัทธาแก่ประชาชนที่ต้องการทำหน้าที่"การตรวจสอบภาคประชาชน"....
การต่อต้านอย่างรุนแรงอย่างที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ จะหนุนให้เกิดกระแส อารยะขัดขืน จากผู้คนที่ไม่มีทางอื่น ทางเลือกในการต่อสู้อำนาจรัฐ นอกจากจะต้องประกาศไม่ยอมร่วมมือกับเสี่ยทักษิณและระบอบทักษิณ