ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-09-2024, 03:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้  (อ่าน 5101 ครั้ง)
100600
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 553



« เมื่อ: 14-05-2006, 09:42 »

ชีวิตในโลกมืดของอดีตนางเอกนัยน์ตาหยาดนํ้าผึ้งเพชรา เชาวราษฎร์




นางเอกหนังไทยกี่ยุคต่อกี่ยุค ไล่เรียงตั้งแต่ อมรา อัศวนนท์, วิไลวรรณ วัฒนพานิช, ภาวนา ชนะจิตร, พิศมัย วิไลศักดิ์, อรัญญา นามวงศ์, ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, ปิยะมาศ โมณยะกุล, มยุรา ธนะบุตร, เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, จารุณี สุขสวัสดิ์, นาถยา แดงบุหงา ไปจนถึงจินตหรา สุขพัฒน์ ไม่มีใครจะโด่งดังจนเป็นที่กล่าวขานเกินกว่า เพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง!! คู่ขวัญพระเอก “มิตร ชัยบัญชา” เธอห่างหายไปจากวงการมายานานกว่า 20 ปีแล้ว และไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนสักครั้ง...แต่ในที่สุดก็ทนลูกตื๊อของนิตยสาร VOLUME ไม่ไหว ยอมเปิดใจให้สัมภาษณ์อย่างหมดหัวใจเป็นครั้งแรก!!

“จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืด!! ตลอดเวลาที่รักษาตัวอยู่ 16-17 ปี กว่าตัวจะหายบวมจนใกล้เคียง ปัจจุบันดิฉันปิดบ้าน ไม่ออกไปไหน ไม่ให้ใครเห็น!! เพราะดิฉันทำใจไม่ได้ ยอมรับตัวเองไม่ได้ พอนึกถึงคำว่า “เพชราตาบอด” ขึ้นมาครั้งใด น้ำตาจะไหลพรากทุกครั้ง!! ใช้เวลาทำใจอยู่หลายปี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับมามองเห็นเหมือนเดิม อยากดูเบอร์โทรศัพท์เอง อยากเห็นสีสัน อยากขับรถเอง อยากตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง!!” อดีตนางเอกขวัญใจผู้ชมชาวไทยเล่าถึงความทุกข์ที่ต้องผจญกับโลกมืด!!

ไม่เพียงแต่ตัวเธอที่ยอมรับไม่ได้ เพราะทันทีที่แฟนๆภาพยนตร์รู้ข่าว ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว!!  “ที่มีคนพูดกันว่า ดิฉันหยอดตาเพื่อให้ตาหวานตาสวย คิดดูสิว่า เล่นหนังมากี่เรื่องล่ะ คงจะหยอดตามาตลอด...ตาจึงมีปัญหาอย่างนี้ ไม่เป็นความ จริงเลยค่ะ!! สาเหตุเป็นเพราะดิฉันร้องไห้เยอะ ไม่ได้พักดวงตา และขับรถเองตลอด ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลังๆที่ถ่ายหนังเรื่อง “ไทยใหญ่” เมื่อปี 2513 ดิฉันเริ่มแสบตา ถูกแอร์รถยนต์ก็แสบ แต่ดิฉันก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ “ไอ้ขุนทอง” เข้าฉายในปี 2520

...เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา ดิฉันก็ไปหาหมอ แต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอ เพราะต้องไปถ่ายหนัง บางวันก็อยู่ต่างจังหวัด พออาการเริ่มหนักขึ้น ดิฉันถึงกับขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง ช่วงที่อาการหนักมากๆ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง แพ้ยาจนตัวบวม จากน้ำหนัก 47-48 กิโลกรัม จนมาหนัก 60 กว่ากิโลกรัม ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว จนคนที่รู้จักจำไม่ได้ เมื่อตัวบวมมากๆ ก็หายใจไม่ออก กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า ช่วงนั้นไตหยุดทำงาน พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้แล้ว!!”

ถึงดวงตาจะมืดบอดสนิท แต่ก็ยังมีคนเห็นคุณค่า ได้มีโอกาสกลับมาทำงานบันเทิงอีกครั้ง แต่ด้วยบทบาทที่แตกต่างจากเดิม...“ช่วงปี 2544-2548 ดิฉันเคยจัดรายการวิทยุอยู่ที่คลื่นเอฟเอ็ม 95 เมกะเฮิรตซ์ มีอะไรทำก็สนุกดี ค่อยรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาก แต่ตอนนี้ทางคลื่นวิทยุเขามีปัญหา จึงพักงานตรงนั้นไว้ก่อน”
แม้ดวงตาซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของเธอ จะไม่สามารถฉายประกายเหมือน ครั้งก่อน แต่ “เพชรา เชาวราษฎร์” ในวันนี้ ก็ยังคงเค้าความงามของวัยสาวไว้อย่างครบถ้วน!! ทั้งวงหน้ารูปไข่ ปากนิด จมูกหน่อย ยามที่เธอเอื้อนเอ่ยทุกครั้ง แต่ละถ้อยคำที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม ล้วนทำให้ใบหน้ากระจ่างใสชวนมอง เมื่อถามเธอว่า คิดว่าตัวเองสวยไหมคะ เธอตอบอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตนว่า

“ตั้งแต่เล็กเวลาดิฉันไปไหนกับแม่ ผู้ใหญ่ที่เขาคุยกับแม่หันมาเห็นเข้า ก็จะถาม เอ๊ะ!! นี่ลูกใครน่ะ ลูกตามา-ตากลมนี่หว่า!! เพราะดิฉันตากลม ปากนิด จมูกหน่อย หน้าตาจุ๋มจิ๋ม ผู้ใหญ่เห็นก็มักจะเอ็นดู และคว้าตัวดิฉันไปกอด จูบ ยีหัว จับแก้ม เมื่อโตขึ้นมา หลายคนบอกว่าดิฉันสวย พอกลับมาบ้าน ดิฉันก็เอากระจกมาส่องซ้ายส่องขวา สวยตรงไหน ก็ไม่เห็นสวยนี่นา ธรรมดา แต่มาระยะหลังๆ เวลาไปไหนมาไหน พี่ๆเขาไม่ยอมเดินด้วย แม้แต่ยืนถ่ายรูป เขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ดิฉัน พูดไปอาจจะฟังดูเหมือนยกยอตัวเอง แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ



...พอเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นดารา หลายคนคิดว่าดิฉันเป็นคนเหนือ เพราะตัวเล็ก ตากลม ผิวเหลือง ไว้ผมยาวแล้วเกล้ามวยไว้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์อยู่ระยะหนึ่ง ดิฉันเป็นคนชอบแต่งตัว แต่ไม่ชอบแต่งหน้า ชอบออกแบบเสื้อผ้าแล้วไปให้ช่างตัดให้ สมัยนั้นเอว 19 นิ้ว สวมกระโปรงบานใบบัว แล้วคาดเข็มขัด กระโปรงตัวหนึ่งใช้ผ้าตั้ง 3 เมตรครึ่งเชียวนะคะ เดินไปไหนแต่ละทีละคุณเอ๊ย...(หัวเราะ)

...เวลาขึ้นรถเมล์จะมีคนลุกให้นั่งเป็นประจำ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ถ้าดิฉันสบตาคนไหน คนนั้นลุกให้นั่งทันที หลายคนบอกว่า ดิฉันตาเจ้าชู้ มองเหมือนให้ท่าผู้ชาย แต่จริงๆแล้วไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ก็ตามันเป็นอย่างนั้นเอง เวลาคนมองเยอะๆ ดิฉันจะอาย กลับบ้านก็ไปส่องกระจก เขามองอะไร”

แม้เมื่อเริ่มแสดงภาพยนตร์แล้ว เธอก็รับว่า ยังไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาคนเยอะๆ

“พ่อแม่ดิฉันเลี้ยงลูกอย่างเคร่งครัดมาก ลูกสาวต้องเป็นกุลสตรี ต้องพูดเสียงเบาๆ ห้ามเอะอะโวยวาย ต้องนั่งพับเพียบ เวลาเดินก็ต้องเขย่งปลายเท้า ห้ามเดินลงส้น เพราะบ้านเป็นพื้นไม้ แต่นั่นก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อมาเป็นดารา ทำให้ดิฉันใส่รองเท้าส้นสูงได้สบาย แต่การพูดเสียงเบาก็เป็นปัญหาเวลาที่แสดงภาพยนตร์ ครั้งหนึ่งได้ยินคุณจุรี โอศิริ บ่นว่า นักแสดงคนนี้พูดเสียงเบา พูดไม่เคยอ้าปาก อ่านปากยาก พากย์เสียงยากเหลือเกิน ตอนหลังดิฉันจึงต้องหัดพูดให้เสียงดังขึ้น”

“เพชรา เชาวราษฎร์” เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยการชักนำของ “ศิริ ศิริจินดา” ซึ่งขณะนั้นจะนำละครวิทยุเรื่องดัง “บันทึกรักพิมพ์ฉวี” มาสร้างเป็นภาพยนตร์ และมองหานางเอกคนใหม่มารับบทประกบคู่ “มิตร ชัยบัญชา”

“ตอนนั้น คุณมิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอกดาวรุ่ง และมีนางเอกดังๆในยุคนั้นหลายคน แต่คุณศิริก็ยังอยากได้นางเอกใหม่ คุณศิริบอกว่าเห็นดิฉันจากการประกวดเทพธิดาฮาวาย แล้วเกิดสะดุดตา และคิดว่าดิฉันจะเล่นบทชีวิตได้ ตอนเจอกันครั้งแรก มีคุณดอกดิน กัญญามาลย์ มาด้วย วันนั้นดิฉันใส่ผ้าถุงนะคะ ไม่กล้านุ่งกางเกง เพราะยังเหนียมอาย กลัวว่าเวลาก้าวเดินคนจะเห็นหว่างขา (หัวเราะเขิน)

...วันที่มารับดิฉันไปถ่ายหนัง คุณศิริบอกว่า เปลี่ยนชื่อให้ดิฉันเรียบร้อยแล้ว จาก “ปัทมา ชาวราษฎร์” เป็น “เพชรา เชาวราษฎร์” ดิฉันได้ยินก็ร้องว้าย!! รู้สึกว่าชื่อ “เพชรา” มันฟังดูหวือหวาเกินไปสำหรับเรา แต่คุณศิริบอกว่า เป็นชื่อที่พระตั้งให้!! แล้วดิฉันก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด ตอนหลังจึงมารู้ว่า คุณดอกดินเป็นคนตั้งชื่อให้ แม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่เธอยังจำความรู้สึกตอนเล่นหนังเรื่องแรกได้ดี



“ถ่ายหนังเรื่องแรกยากมาก เขินกล้อง เดินไม่ออกเลยค่ะ พูดก็ไม่กล้าอ้าปาก พูดเสียงเบางุบงิบๆอยู่ตั้ง 2 เรื่อง จนมาปรับปรุงตัวเองพูดให้เสียงดังขึ้น...เรื่องการจำบท เรื่องร้องไห้ไม่มีปัญหา แต่เรื่องอายนี่สิปัญหาใหญ่!! ให้ หัวเราะเสียงดัง หรือทำท่าตกใจสุดขีด ดิฉันทำไม่ได้เลย แรกๆจึงยากลำบากมากกว่าจะผ่านได้

...ดิฉันยืนหน้ากระจก พยายามฝึกทำสีหน้าและแววตาให้เฉย เพราะตั้งแต่ ก่อนเข้าวงการ มีคนบอกว่า ดิฉันตาสวยสดใส ทำอย่างไรสีหน้าและแววตาก็ไม่สลด ดิฉันจึงต้องฝึกสีหน้าและแววตาเพื่อนำมาใช้ในการแสดง เรื่องการแต่งหน้าทำผม ดาราเมื่อก่อนต้องทำกันเอง ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ดิฉันแสดงทำผมบ๊อบธรรมดา เพราะรับบทเป็นสาวบ้านนอก...คนแต่งหน้าให้ เขียนคิ้วใหญ่เท่านิ้วมือเลยละ ดิฉันไม่เคยแต่งหน้ามาก่อน ปกติใช้แป้งฝุ่นสโนว์ซองละ 1 บาท ทาหน้า ลิปสติกแตะริมฝีปากนิดหน่อย แต่พอมาถ่ายภาพยนตร์ต้องแต่งหน้า ตอนนั้นดิฉันคิ้วดกดูเลอะเทอะ ต้องถอนขนคิ้วให้เข้ารูป ผมดิฉันสีน้ำตาลอ่อน คิ้วก็สีน้ำตาล เวลาเข้ากล้องโดนรีเฟล็กซ์ส่องแล้วหน้าจะดูจืดไปเลย ดาราคนอื่นเขาดูคมเข้มกันหมด ดิฉันจึงต้องเขียนคิ้วเข้ม เขียนขอบตาดำ และย้อมสีผมให้เป็นสีดำ หน้าจึงดูคมขึ้น”

หลังจากผ่านภาพยนตร์เรื่องแรก ก็มีหนังตามมาอีกหลายเรื่อง จนในที่สุดเธอกลายเป็นดาราคิวทองแห่งยุค มีการบันทึกไว้ว่า เธอเล่นหนังมาแล้วกว่า 300 เรื่อง

“สมัยนั้นแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกได้รับค่าตัว 3 พันบาท และเคยได้ค่าตัวสูงสุด 5 หมื่นบาท!! ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ ดิฉัน อดนอนไม่เป็น พอถ่ายหนังไปถึงเที่ยงคืนก็ง่วง พูดไม่รู้เรื่องแล้ว...ช่วงที่มีงานชุก ดิฉันถ่ายหนังทุกวัน วันละ 2 เรื่อง ถ่ายทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เคยเล่นตัวเลยค่ะ แต่งานเยอะมากจนไม่มีเวลาจริงๆ แม้แต่เวลาพักผ่อนยังไม่มี!! ดิฉันไม่ได้ดูหนังที่ตัวเองแสดงทุกเรื่องหรอกค่ะ แรกๆไปดูรอบปฐมฤกษ์ แต่หลังๆเริ่มเบื่อหน้าตัวเอง”

ถ้ายังจดจำกันได้ เธอเคยประสบอุบัติเหตุใหญ่ ระหว่างการถ่ายทำหนัง จนหวิดสิ้นชื่อ!!

“ตอนถ่ายหนังเรื่อง “พยัคฆ์พันลาย” ปี 2516 ดิฉันประสบอุบัติเหตุตกเรือจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!! วันนั้นใส่ชุดสีส้ม สีเดียวกับน้ำในอ่างเก็บน้ำเลย แถมยังสวมรองเท้ารัดข้ออีก พยายามจะก้มลงถอดรองเท้าก็ไม่สำเร็จ ดิฉันนึกถึงคำแม่สอนว่า คนเราเวลาจมน้ำ ถ้าโผขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว ยังขึ้นฝั่งไม่ได้ก็ไม่มีครั้งที่ 4!! ดิฉันเอามือบีบจมูกกลั้นหายใจไว้ ตะเกียกตะกายผุดขึ้นมา 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 เป็นเฮือกสุดท้าย!! เอื้อมไปสุดปลายมือเจอเชือกไนลอน เหมือนปาฏิหาริย์จริงๆ ดิฉันสาวเชือกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดทีมงานก็มองเห็นดิฉัน และลงมาช่วยชีวิตไว้ได้...ครั้งนั้นถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดในระหว่างการถ่ายทำหนัง!!”

ดาราสมัยก่อนต้องเก็บเนื้อเก็บตัวมิดชิด “เพชรา เชาวราษฎร์” ก็ไม่ได้อยู่เหนือกฎ

“สมัยก่อนต้องรักษาเนื้อรักษาตัว จะไปเดินฉุยฉายกรุยกรายช็อปปิ้งนานๆไม่ได้ สมัยที่ดิฉันได้รับความนิยมอย่างสูง ออกนอกบ้านไปไหนไม่ค่อยได้ เพราะคนจะมามุงดูเต็มไปหมด แค่ออกไปร้านทำผม คนก็มามุงดู เดินไปทางไหนคนก็เดินตามเป็นโขยง จนบางครั้งดิฉันโดนเบียดตกท่อก็มี (หัวเราะ)”



ตลอดชีวิตมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มารุมจีบไม่ซ้ำหน้า แต่คู่ทุกข์ คู่ยากของเธอมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ “ชรินทร์ นันทนาคร”

“ตอนที่เห็นเขาครั้งแรก ดิฉันเกิดความรู้สึกเห็นใจ เขามีปัญหาชีวิต แต่เราไม่ได้เกี่ยวข้องกัน จนตอนหลังเขามาเป็นดารา และผู้กำกับหนัง ดิฉันก็ได้แสดงหนังของเขาบ้าง ทุกวันนี้ยังติดนิสัยที่ต้องรอคอยกันอยู่ เพราะสมัยก่อนรักชอบกัน จะไปไหนด้วยกันแบบเปิดเผยไม่ได้ จนกระทั่งดิฉันแสดงหนังเรื่อง “แผ่นดินแม่” เมื่อปี 2518 จึงตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกัน กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เราสองคน ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย เพราะเราเป็นดารา อยู่ในสายตาของประชาชนตลอด”

ในชีวิตที่โลดแล่นอยู่แวดวงมายามาหลายทศวรรษ เธอบอกว่า ภูมิใจที่สุดที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองจากภาพยนตร์เรื่อง “นกน้อย”

“เรื่องนี้ดิฉันประทับใจที่สุด เพราะได้รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของในหลวง ยามใดเมื่อมีทุกข์ และคิดว่าตัวเองไร้ค่าเพราะดวงตามองไม่เห็น ก็จะมาลูบๆคลำๆตุ๊กตาทองตัวนี้ ทำให้ดิฉันมีพลัง มีความหวัง และถือเป็นมิ่งขวัญอันสูงสุดของชีวิต!!”

และนี่คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิต “เพชรน้ำเอก” ที่หาอ่านได้อย่างละเอียดใน VOLUME ฉบับปักษ์แรก เดือน พ.ค.2549 รวมเรื่องราวของนางเอกยุคอดีตถึงปัจจุบัน ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 2 ของนิตยสารคุณภาพ!!  ... ทีมข่าวหน้าสตรี
Very Happy  ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้   Very Happy  ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้   Very Happy  ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้   Very Happy





* petchara.jpg (7.89 KB, 200x150 - ดู 820 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

100600
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #1 เมื่อ: 14-05-2006, 09:53 »

 Razz ว้าว..น้องแสนหกเรา ไม่เบาแฮะ...
ทำให้ผมย้อนอดีตหลับคืนมาได้ตั้งเยอะ...
...
เลยขอเล่าเรื่อง การดูหนังสมัยก่อนของผม
ก็คือ หนังกลางแปลง ...หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
"หนังขายยา" ความยาวหนังเฉลี่ย 2 ชั่วโมง แต่
ฉายตั้งแต่ 1 ทุ่ม เลิก เกือบเที่ยงคืน...รวมเวลา
ขายยา โฆษณาสัพคุณใช้เวลามากกว่าหนังเสียอีก
....แต่ก็ต้องทน..จนกว่าหนังจะจบ  Wink
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #2 เมื่อ: 14-05-2006, 10:08 »



พี่แสน แหมๆๆๆ นานๆ มาแบบเนื้อหาสาระมหาศาลล้วนๆ

น้องจะไม่เข้ามาชื่นชมก็เกินไปหน่อย เอิ๊ก เอิ๊ก เอิ๊ก

แต่เรื่องของคุณเพชรา ที่หนูประทับใจที่สุด คือเรื่องคุณชรินทร์ นะคะ

หนูไม่นึกเลยว่า ถ้าหนูตาบอด จะมีผู้ชายคนไหนดูแลไปจนชั่วชีวิต เช่นนี้หรือไม่

เคยอ่านเจอครั้งหนึ่ง คุณเพชราให้สัมภาษณ์ว่าเธอชอบจัดดอกไม้ (แม้จะตาบอดแล้ว)

แล้วคุณชรินทร์เนี่ย จะเวลาไปคอนเสิร์ต หรือไปร้องเพลงที่ไหน

จะคอยเก็บดอกไม้ หอบมาให้ตลอด เพื่อให้คุณเพชราได้ทำงานที่เธอชอบในตอนนั้น

...

พี่แสนน่าจะเอาข้อมูลความรัก และความอาทร ของคุณชรินทร์ ที่มีต่อภรรยา

มาเพิ่มเติมนะคะ เพื่อเพิ่มคะแนน +++ และ + ให้กับผู้ชาย อิอิ



บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
100600
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 553



« ตอบ #3 เมื่อ: 14-05-2006, 10:24 »

ไฮไลท์บทความข้างบน "ผู้หญิงคนนี้สิ ... "สวยจริง" ... ไม่ต้องโม้"
หรือว่า คุณป้าเพชรา เชาวราษฎร์ โม้เนี้ยนเนียนนนนนๆๆๆๆๆ เนียนจน หนุ่มกระทงรุ่นละอ่อนอย่างผมตามไม่ทัน ... เอิ๊ก เอิ๊ก กกก

ป้าเล๋า และ พลพรรคสาวใหญ่สาวน้อยสาวรุ่น ... สุดๆๆยอดสวยซู๊ดเสรีไทยทุกท่าน ช่วยตอบตรงนี้เป็นวิทยาทานด้วยนะคร้าบบบบบบบ ฮ่าฮ่า
ป้าเล๋า และ พลพรรคสาวใหญ่สาวน้อยสาวรุ่น ... สุดๆๆยอดสวยซู๊ดเสรีไทยทุกท่าน ช่วยตอบตรงนี้เป็นวิทยาทานด้วยนะคร้าบบบบบบบ ฮ่าฮ่า
ป้าเล๋า และ พลพรรคสาวใหญ่สาวน้อยสาวรุ่น ... สุดๆๆยอดสวยซู๊ดเสรีไทยทุกท่าน ช่วยตอบตรงนี้เป็นวิทยาทานด้วยนะคร้าบบบบบบบ ฮ่าฮ่า



1. “ตั้งแต่เล็กเวลาดิฉันไปไหนกับแม่ ผู้ใหญ่ที่เขาคุยกับแม่หันมาเห็นเข้า ก็จะถาม เอ๊ะ!! นี่ลูกใครน่ะ ลูกตามา-ตากลมนี่หว่า!! เพราะดิฉันตากลม ปากนิด จมูกหน่อย หน้าตาจุ๋มจิ๋ม ผู้ใหญ่เห็นก็มักจะเอ็นดู และคว้าตัวดิฉันไปกอด จูบ ยีหัว จับแก้ม เมื่อโตขึ้นมา หลายคนบอกว่าดิฉันสวย พอกลับมาบ้าน ดิฉันก็เอากระจกมาส่องซ้ายส่องขวา สวยตรงไหน ก็ไม่เห็นสวยนี่นา ธรรมดา แต่มาระยะหลังๆ เวลาไปไหนมาไหน พี่ๆเขาไม่ยอมเดินด้วย แม้แต่ยืนถ่ายรูป เขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ดิฉัน พูดไปอาจจะฟังดูเหมือนยกยอตัวเอง แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ


2. พอเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นดารา หลายคนคิดว่าดิฉันเป็นคนเหนือ เพราะตัวเล็ก ตากลม ผิวเหลือง ไว้ผมยาวแล้วเกล้ามวยไว้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์อยู่ระยะหนึ่ง ดิฉันเป็นคนชอบแต่งตัว แต่ไม่ชอบแต่งหน้า ชอบออกแบบเสื้อผ้าแล้วไปให้ช่างตัดให้ สมัยนั้นเอว 19 นิ้ว สวมกระโปรงบานใบบัว แล้วคาดเข็มขัด กระโปรงตัวหนึ่งใช้ผ้าตั้ง 3 เมตรครึ่งเชียวนะคะ เดินไปไหนแต่ละทีละคุณเอ๊ย...(หัวเราะ)


3. เวลาขึ้นรถเมล์จะมีคนลุกให้นั่งเป็นประจำ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ถ้าดิฉันสบตาคนไหน คนนั้นลุกให้นั่งทันที หลายคนบอกว่า ดิฉันตาเจ้าชู้ มองเหมือนให้ท่าผู้ชาย แต่จริงๆแล้วไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ก็ตามันเป็นอย่างนั้นเอง เวลาคนมองเยอะๆ ดิฉันจะอาย กลับบ้านก็ไปส่องกระจก เขามองอะไร”


4. แม้เมื่อเริ่มแสดงภาพยนตร์แล้ว เธอก็รับว่า ยังไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาคนเยอะๆ
“พ่อแม่ดิฉันเลี้ยงลูกอย่างเคร่งครัดมาก ลูกสาวต้องเป็นกุลสตรี ต้องพูดเสียงเบาๆ ห้ามเอะอะโวยวาย ต้องนั่งพับเพียบ เวลาเดินก็ต้องเขย่งปลายเท้า ห้ามเดินลงส้น เพราะบ้านเป็นพื้นไม้ แต่นั่นก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อมาเป็นดารา ทำให้ดิฉันใส่รองเท้าส้นสูงได้สบาย แต่การพูดเสียงเบาก็เป็นปัญหาเวลาที่แสดงภาพยนตร์ ครั้งหนึ่งได้ยินคุณจุรี โอศิริ บ่นว่า นักแสดงคนนี้พูดเสียงเบา พูดไม่เคยอ้าปาก อ่านปากยาก พากย์เสียงยากเหลือเกิน ตอนหลังดิฉันจึงต้องหัดพูดให้เสียงดังขึ้น”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2006, 10:30 โดย 100600 » บันทึกการเข้า

100600
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #4 เมื่อ: 14-05-2006, 10:40 »

หา?

เอว 19 นิ้ว จาเป็น ลม Shocked

(หนู เป็น ลมไปแล้ว)
บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
ทิมมี่
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709


« ตอบ #5 เมื่อ: 14-05-2006, 11:23 »

เห็นใจคุณเพชรา เรื่องสายตา

แต่ถือว่าโชคดี ที่มี คนรัก อย่างคุณ ชรินทร์ นันทนาคร  ที่เป็นคู่ร่วมชีวิตที่ดี


เพลงหยาดเพชร คือเพลง ที่ชรินทร์  ร้องให้เพชราครับ

เปรียบเธอเพชร งามน้ำหนึ่ง
หวานปาน น้ำผึ้งเบอร์ห้า
หยาดเพชร เกล็ดแก้วแววฟ้า
ร่วงมาจากฟ้าหรือไร

หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก
พลอยคนทั้งโลกร้อง
หยาดเพชรเกล็ดแก้ว แววใส
นั้นอยู่ไกลเกินผูกพัน

*แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมาฟ้าคงไหวหวั่น
ดาวดาวก็พลอยเศร้าโศกศัลย์
มิอาจกลั้น น้ำตาอาลัย

เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอรักแล้วเกินฝันไฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำมาฝาก
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #6 เมื่อ: 14-05-2006, 11:27 »

อ่านแล้วก็คิดถึง คุณมิตร ชัยบัญชา ไปด้วยนะครับ
ซึ่งผมรู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่ "หล่อจริง" เหมือนกัน

เทียบกับพระเอกหนังสมัยนี้มันดูนุ่มนิ่มยังไงไม่รู้
ออกไปทาง "น่ารัก" มากกว่าไม่ได้แมนเลยครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #7 เมื่อ: 14-05-2006, 11:39 »



โอ้.......... ขอบพระคุณพี่ทิมมี่มากๆ ค่ะ

ปกติเก็ดถวาไม่ได้ชอบเพลงหยาดเพชรเท่าไรนัก

แต่เมื่อทราบอย่างนี้ รู้สึกขนลุก และชอบเพลงนี้ขึ้นมาจริงๆ เลย

โดยเฉพาะท่อนนี้ค่ะ

...

เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอรักแล้วเกินฝันไฝ่
หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส
แม้อยู่ในความมืดมน

...

โธ่... คุณเพชรา เป็นเพชรที่ผ่องใส ในความมืดมนจริงๆ




บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
Prometheus, The Titan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 406



« ตอบ #8 เมื่อ: 14-05-2006, 11:55 »

โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง

ได้เจอะ ครั้งหนึ่ง...สเน่ ซึ้งตรึงใจ....

อยากมอบเพลงนี้ให้คุณเธอเหมือนกัน แต่ผมจำได้แค่ท่อนแรก ใครก็ได้มาช่วยต่อให้ที
บันทึกการเข้า

Only the brave enjoy noble and glorious death.

- Dyonysus

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #9 เมื่อ: 14-05-2006, 14:22 »


ดวงใจ หทัยกาญจน์
ปีเกิด (ภูมิลำเนา) :
2496 กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย
ประวัตโดยย่อ :
ชื่อจริง : ดวงใจ บันธยามาศ
เกิด 25 พฤศจิกายน 2496
การศึกษา - มัธยมปลาย โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ 

ผมชอบดาราคนนี้ครับ ใครคิดอย่างผมบ้าง ยกมือขึ้น[/color]
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
100600
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 553



« ตอบ #10 เมื่อ: 14-05-2006, 14:28 »

คุณ Prometheus, The Titan  จุดประกายผมแท้ๆๆๆๆๆนึกอยากฟัลเพลงเก่าไปด้วย
http://www.sa.ku.ac.th/sakuoke/0181mid.html

นางฟ้าจำแลง
สุนทราภรณ์

โฉมเอยโฉมงามอร่ามแท้แลตะลึงได้เจอครั้งหนึ่งเสน่ห์ซึ้งตรึงใจ ครั้งเดียวได้ชมสมัครภิรมย์รักใคร่พันผูกใจไม่ร้างรา น้ำคำลือ เลื่องไปทั่วทั้งเมืองนานมา...ชมว่าวิไลงามตา ดังเทพธิดาองค์หนึ่ง มาเห็นเต็มตา พลอยพารำพึง ติดตรึงชวนให้คนึงอาจินต์ เห็นเพียงนิดเดียวให้ซาบเสียววิญญา  ได้ชมโฉมหน้าดังหยาดฟ้ามาดิน โสภาท่าทางดูช่าง สำอางค์งามสิ้น คำที่ยินยังน้อยไป หรือว่าชาติก่อน นางได้รับพรของใคร คงสร้างผลบุญยิ่งใหญ่ จึงได้วิไลงามตา นางฟ้าองค์ใดแปลงกายลงมา จึงงามดังเทพธิดาลาวัณย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2006, 14:50 โดย 100600 » บันทึกการเข้า

100600
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #11 เมื่อ: 14-05-2006, 14:39 »

บอกตามตรงว่า เกิดไม่ทันยุคนางเอกคนนี้ค่ะ และก็ไม่เคยดูหนังเขาด้วย



แต่อ่านเรื่องของเขาจากที่เฮียแสน เล่ามา แล้ว มันสะท้อนเรื่อง ลาภ ยศ ชื่อเสียง ที่ไมได้มั่นคงตลอดไป เป็นสิ่งไม่แน่นอน 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2006, 14:41 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
100600
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 553



« ตอบ #12 เมื่อ: 14-05-2006, 14:45 »

อ่า ... คุณทิมมี่กำลังให้ความรู้อีกด้านของ เพลงหยาดเพชร กับเพื่อนๆซะละ ฮ่าฮ่า

เพลงนี้มันเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง เงินเงินเงิน ... หนังดังมากๆๆๆ ผมยังเด็ก สร้างปีไหน  ผมบ่ฮู้ ต้องถามลุงถึก
เพลงจึงมีมานานก่อน เพชรากับชรินทร์ จะแต่งงานอยู่กินกัน

http://www.sa.ku.ac.th/sakuoke/0100mid.html

หยาดเพชร
ชรินทร์ นันทนาคร

เปรียบเธอ เพชรงามน้ำหนึ่ง หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หยาดเพชรเกล็ดแก้วแววฟ้า ร่วงมาจากฟ้าหรือไร หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้ หยาดเพชรเกล็ดแก้วผ่องใส แม้นอยู่ไกล เกินผูกพัน **แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า ร่วงลงมาฟ้าคงไหวหวั่น ดวงดาวก็พลอยเศร้าโศกศัลย์ มิอาจกั้นน้ำตาอาลัย เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่ หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส แม้อยู่ในความมืดมน
บันทึกการเข้า

100600
มีวิตามินบี1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 83



« ตอบ #13 เมื่อ: 14-05-2006, 15:04 »

เกิดไม่ทันค่ะ  Very Happy

เพชราสวยแบบหวานมากเลย  แต่ถ้าเธอมาอยู่ในยุคนี้คงต้องถูกหาว่าอ้วนแน่ๆ  (ดาราสมัยก่อนต้องอวบๆนี่เนอะ)


ดาราสมัยก่อนลำบากกว่าสมัยนี้เยอะ  ค่าตัวน้อย  โดนเบี้ยวค่าตัวก็มี  ถ่ายโป๊ก็ไม่ได้  ทำงานหนักไม่ได้พัก

ดาราสมัยนี้ยิ่งโป๊ยิ่งดัง  ค่าตัวแค่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ได้เป็นล้านๆ  สบายกว่าจาน่าอิจฉา

สวยแค่ไหนยังไงก็แพ้กาลเวลาค่ะ  สุดท้ายทุกคนก็ต้องแก่ต้องเหี่ยวเหมือนกันอยู่ดี
บันทึกการเข้า

นักการเมืองที่โกงชาติ...ตอนนี้สบายแต่สุดท้ายตายไปก็ตกนรกกันหมด
100600
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 553



« ตอบ #14 เมื่อ: 14-05-2006, 16:52 »

เอว 19 นิ้ว ไม่อ้วนหรอกจ๊ะคุร บี 1 (ชื่อยังกะหนังออสเตรเลียสำหรับเด็กๆเรื่อง กล้วยหอม บี 1 บี 2 ... banana ฮ่าฮ่า)

ที่เห็นในหนังว่านางเอก/พระเอก ใหญ่คับจอ ก็เพราะ
ระบบฟิล์มถ่าทำหนังไทยยุคก่อน 16 มม. ดึงภาพออกด้านกว้าง ตัวเตี้ยเป็นมะขามป้อม
ก็ดูรถราที่วิ่งในจอหนังไทยยุคนั้นสิ สั้นมู่ทู่ ทั้งๆที่เป็นแวน dodge ... chevloret ...  แท้ๆๆ 
บันทึกการเข้า

100600
ป้าแจ๋วแหวว
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 251



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 14-05-2006, 19:53 »

นางเอกรุ่นเก่า สวยๆดีนะคะ   
 Laughing



 
บันทึกการเข้า
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 14-05-2006, 20:04 »

..อ่านแล้วเศร้านะคะ
บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
ลูกไทย หลานไทย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,196


วันนี้วันดี วันที่เป็นไท


« ตอบ #17 เมื่อ: 14-05-2006, 21:29 »

ตอนเพื่อนผมเป็นดารา (คือ ป๋มจะบอกว่าตัวเองรู้จักกับดาราน่ะ  Razz) เขาบอกว่า "เวลาน้ำขึ้นต้องรีบตักน่ะ" เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะถึงช่วงลง ซึ่งพอถึงตอนนั้นหากไม่เตรียมอะไรไว้จะลำบาก
บันทึกการเข้า

Ŋēmŏ mē ĩmρưŋē ĺдċęşšįҐ
500
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



« ตอบ #18 เมื่อ: 14-05-2006, 23:14 »

ชอบคนเนี๊ยะ  Twisted Evil

บันทึกการเข้า

ทิมมี่
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709


« ตอบ #19 เมื่อ: 16-05-2006, 08:55 »

อ่า ... คุณทิมมี่กำลังให้ความรู้อีกด้านของ เพลงหยาดเพชร กับเพื่อนๆซะละ ฮ่าฮ่า

เพลงนี้มันเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง เงินเงินเงิน ... หนังดังมากๆๆๆ ผมยังเด็ก สร้างปีไหน  ผมบ่ฮู้ ต้องถามลุงถึก

เพลงจึงมีมานานก่อน เพชรากับชรินทร์ จะแต่งงานอยู่กินกัน

---------------------------------------------------------------------------------------
เห็นใจคุณเพชรา เรื่องสายตา

แต่ถือว่าโชคดี ที่มี คนรัก อย่างคุณ ชรินทร์ นันทนาคร  ที่เป็นคู่ร่วมชีวิตที่ดี


เพลงหยาดเพชร คือเพลง ที่ชรินทร์  ร้องให้เพชราครับ


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอเสริมเฮีย แสนหกนะครับ 

เป็นเพลง ที่ชรินทร์ร้องให้เพชราฟัง   (ตอนเริ่มรักกัน  ใหม่ ๆ เพชราเลยซึ้งมากๆ) 

ผมอ่านจากที่คุณชาลี  อิทรวิจิตร

ผู้ประพันธ์  คำร้อง เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ หลายปีก่อน

ส่วนเนื้อเพลงมาก่อน แต่งงานกัน      ถูกต้องนะคร๊าบบบบบ  Laughing

พอดีผมชอบเพลงนี้ฟังและร้องเพลงนี้เล่นบ่อยๆ จึงจำข้อความได้ 

ส่วนอีกเพลงที่มีความหมาย  กับชนินทร์  คือเพลงทาสเทวี  คำร้อง สง่า อารัมภีร์

แฟนคุณชรินทร์  ก่อนเพชราคือ คุณสปันมีฐานะดีกว่า     เนื้อว่าดังนี้ครับ


*บุญฉันมี แต่คงไม่ถึง 
ฟ้าจึงไม่เวทนา
คอยเฝ้าแต่คอย ทุกครา
ดวงจันทราไม่ลอยเลื่อนมาใกล้เรา

คงแหงนคอย แต่คอยหาย
เสียดาย ดวงจันทร์ไม่บรรเทา
ลอยลับไม่เหลือแม้นเงา
รู้หรือเปล่า  ว่าเรานี้ช้ำชอกฤดี

เธอเป็นดอกฟ้า...
รู้ไหมว่าเราเป็นดั่งทาสเทวี
แม้นไม่ปราณี  ทาสนี้คง ระทมอยู่เรื่อยไป

รอฉันรอด้วยใจวิงวอน
ขอบังอรเมตตารับฝากใจ
เพียงยิ้มสักนิดฤทัย
ฉันคงพองเรื่อยไป ด้วยธุลีเมตตาของเธอ

เมื่อถูกกรีดกันความรัก คุณชรินทร์ จึงพาสาวหนีออก ไปต่างจังหวัด

ก่อนที่ผู้ใหญ่จะยอมรับในเวลาต่อมา   ทั้งสองท่านมีลูกด้วยกัน

ตอนที่ชรินทร์ จัดการแสดงที่ศูนย์ วัฒนธรรมฯ  ลูกสาวที่เกิดกับคุณสปันก็ขึ้นบนเวทีครับ

ก็เป็นส่วนหนึ่งของตำนานรัก  คุณชรินทร์ นักร้องเสียงดี 



 



บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: