รอดูกันต่อไป.........
เงินร้อนเข้าตลาดหุ้นอย่างเดียว......... มันจะเป็นหนทางสู่หายนะ
การลงทุนไม่เกิด การบริโภคไม่เกิด
พอลดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยเงินฝาก หดไป 0.25 แต่ดอกเบี้ยเงินกู้หดไปแค่ 0.125
นี่มันอะไรกัน ยังงี้ การใช้จ่ายยิ่งหดหนักเข้าไปอีก
capital control ก็ทะลึ่งออกมา 30% ใช้ยาแรงเกินขนาด เสร็จแล้วยังไม่พอ กลับมาพลิก ให้เงินเข้าตลาดหุ้นได้ไม่ต้อง control 30% ... มันก็บรรลัยหน่ะสิ
ยืนพื้นไป 30% ยังจะดีซะกว่า..... ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยกับ 30% เห็นด้วยกับ capital control ตอนโน้น แต่ทำไมต้อง 30% แบงค์ชาติไม่รู้ impact ต่อตลาดหุ้นตัวนี้หรือ......
สถาณการณ์ต่อไป หากไม่รีบแก้ไขเรื่อง การอุปโภคบริโภค การลงทุน (ซึ่งดันสะเออะไปลดดอกเบี้ย ให้ function ตัวนี้หดเข้าไปอีก) ก็บรรลัยแน่นอน..... คราวนี้บรรลัยตั้งแต่รากหญ้าจนถึงชนชั้นกลางเลย
แนวทางแก้ไขตอนนี้เริ่มลำบากแล้ว... ยังเหลือการอัด gov.spending ลงในระบบ .... แต่ต้อง spending ในการลงทุนที่จะงอกเงยมีค่าในอนาคตด้วย ไม่งั้นก็เจ๊งเหมือนกัน
ขออนุญาตแก้ไขความเข้าใจเล็กน้อย ด้านการบริโภค และการลงทุน และดอกเบี้ย
ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์สมัยเก่า (แต่ก็ยังใช้ได้แหละ) บอกว่า คนเราเมื่อมีรายได้ จะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปบริโภค อีกส่วนหนึ่งจะเก็บออมไว้ และอีกส่วนก็เิอาไว้ลงทุน
เมื่อลดดอกเบี้ย คิดแบบง่ายๆ จะทำให้การออมลดลง (ดอกเบี้ยเงินฝากลด) และการลงทุนเพิ่ม (ดอกเบี้ยเงินกู้ลด)
และมักจะส่งผลให้มีการบริโภคขึ้นด้วย (อันนี้เป็นผลทางอ้อม ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
แต่นี่ก็เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้นแหละ ถ้าจะนำมาใช้กับสถานการณ์จริงๆก็ต้องมีหลายๆปัจจัยที่กระทบการบริโภค และสิ่งที่สำคัญก็คือ คนมีรายได้ลดลง หนี้มากขึ้น เลยทำให้รายได้ลดลง
ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ก็จบเห่ (สมัยเหลี่ยมก็เน้นตรงนี้แหละ แต่ได้ผลแค่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็เงียบ ตำน้ำพริกแท้ๆ)
หลายคนยังหวังให้รัฐช่วยปลดหนี้ที่ตัวเองก่อขึ้นมาให้ด้วยซ้ำ
รัฐบาลนี้เน้นเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะอาศัยแค่ชื่อไม่พอ ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้คนรู้จักการใช้ การซื้อ การออม เพื่ออนาคต
ตอนนี้ก็ต้องทำต่อไป
รัฐบาลชุดต่อไป จะต้องสานต่อเรื่องนี้ ถึงจะแก้ปัญหาเรื่องความยากจนนี้ได้
ถ้าบริโภคฟุ้งเฟ้อ เศรษฐกิจดี แต่เป็นแบบ คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน(เมื่อรวมหนี้)
ถ้าบริโภคแบบพอเพียง เศรษฐกิจดี? คนรวยไม่รวย แต่คนจน จะไม่จน (ถ้ามีความรู้)
ผมคิดว่าถ้าเราลดการฟุ้งเฟ้อและการบริโภคที่เกินพอดีลง ส่วนหนึ่งจะทำให้การบริโภคโดยรวมลดลง แต่จะเพิ่มการกระจายรายได้ให้ดีขึ้น และนี่ก็เป็นจุดมุงหมายหลักๆของนโยบายรัฐบาลที่จแก้ปัญหาความยากจนได้
อันนี้เพิ่มเติมครับ เป้าหมายทั่วไปในการใช้เศรษฐศาสตร์มหภาค (นโยบายการคลัง) ซึ่งบางรัฐบาลก็จะเลือกใช้ไม่เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องใช้ทุกตัว
1. การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (%GDP Growth)
2. อัตราว่างงาน (พยายามให้ทุกคนมีงานทำ)
3. อัตราเงินเฟ้อ (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อันี้มักจะตรงข้ามกับข้อ 2 ถ้าควบคุมมากๆ คนมักจะตกงาน)
4. การกระจายรายได้ (พยายามลดช่องว่างรายได้ของ คนรวยกับคนจน)
5. ... ที่เหลือจำไม่ได้แล้ว คืน อ.ไปหมด
---------------------------------------------------------------
ส่วนกรณีของธารินทร์ น่าสนใจครับ เพียงแต่ว่ารัฐวิสาหกิจไทยมันจะรู้เรื่องนี้ซักแค่ไหน...
กว่าจะประชุม ตัดสินใจ อธิบายให้พวกเจ้านายแก่ๆ เข้าใจ...
ผมว่ามันนาน จนความได้เปรียบตรงนี้มันหายไปน่ะสิ