|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 22-07-2007, 08:43 » |
|
บุคคลในข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ ที่ 22 กรกฎาคม 2550............
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯทรงแสดงความยินดีกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในโอกาสเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาคหกรรมศาสตร์ ณ มหา วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันที่ 27 ก.ค.นี้............
เห่าไฟ ได้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม เรียบร้อยแล้ว ร่าง รธน.ฉบับนี้ ไม่ได้ส่งมาทางไปรษณีย์ แต่มีคน เดินมาเสียบไว้ที่ตู้จดหมาย พอได้รับก็รีบพลิกไปอ่าน สาระสำคัญของร่าง ที่อยู่ ภาคผนวกท้ายเล่มทันที อ่านไปอ่านมาทบทวนหลายครั้ง ก็ได้ข้อสรุปในใจทันทีว่า คงโหวตรับไม่ได้!!!............
เหตุผลสำคัญก็เพราะ กติกาสูงสุดของบ้านเมืองฉบับนี้ แม้จะเขียนออกมาเพื่อบังคับใช้แก่ทุกคนในชาติ ไม่ได้เจาะจงบังคับใช้ กับใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 40 แล้ว ถือว่า ห่างไกลกันมาก รวมทั้งยังเป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนเหมือน คนฝันร้าย หวาดระแวงไปหมด ทำให้เกิด ข้อบกพร่อง จนเห็นได้ชัด!!!............
โดยเฉพาะขณะเขียนนั้น บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่เป็น ประชาธิปไตย ทำให้กระบวนการทางความคิด ไม่มีอิสระเต็มที่ เมื่อไม่มีอิสระ ก็ยากที่จะสร้างสรรค์ผลงานอิสระ ออกมาได้ ประชาธิปไตยที่ถูกรัดด้วย โซ่ตรวน จึงไม่มีวันเป็น ประชาธิปไตย ที่สามารถกางปีกโผบินไปในฟ้ากว้างได้อย่าง เสรี แน่นอน!!!............
เห่าไฟ อยากยกตัวอย่างให้เห็นถึง ข้อผิดพลาด ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คือ การให้ประชาชน 2 หมื่นคน เข้าชื่อเสนอ วุฒิสภา ถอดถอนนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่า เป็นบุคคลที่เป็น ความหวังของคนเกือบทั้งประเทศ แต่กลับต้องมาโดน คนแค่ 2 หมื่น ร่วมกับ วุฒิสมาชิกอีก 3 ใน 5 ของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่โหวตขับออก จากตำแหน่งได้ ถือเป็นการ ล้มล้าง อำนาจประชาชนนับสิบล้านคนอย่าง ไม่ยุติธรรม เรื่องนี้ ยังไงก็ ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!!!............
ข้อสำคัญ วุฒิสภามีสิทธิอะไรมาถอดถอน นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่ วุฒิสภาก็เป็นแค่ สภาครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่มาจากเลือกตั้งส่วนหนึ่ง ลากตั้งส่วนหนึ่ง เห่าไฟ ไม่มี วันยอมรับ ประชาธิปไตยทางตรงแบบ ศรีธนญชัย เด็ดขาด ยกเว้น จะกำหนดให้ประชาชนลงประชามติ ถอดถอน นายกฯ ได้โดยตรง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเห็นด้วยทันที!!!............
แต่หาก ใช้วิธีการถอดถอนนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะทำให้เกิด ความขัดแย้ง ใน บ้านเมืองไม่จบสิ้น เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เผด็จการเสียงข้างน้อยหักล้างเสียงข้างมาก ทำให้กลไกประชาธิปไตยทั้งหมด สะดุดหยุดชะงัก บ้านเมืองขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้ เพราะเกิดความขัดแย้งแตกแยกรุนแรง!!!............
เห่าไฟ ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องใช้อำนาจที่นอกเหนือการเลือกตั้งมาล้มล้าง อำนาจจากการเลือกตั้ง หากทุกคนในประเทศนี้มีหัวใจเป็นประชาธิปไตยกันจริงๆ ก็ไม่ควรคิด เฉไฉ ไปเป็นอื่น ยังไงก็ต้องยึด การเลือกตั้ง เอาไว้เป็นสำคัญ เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่า ความต้องการของ คนส่วนใหญ่ ในประเทศนี้เป็น อย่างไร!!!............
หลายคนชอบเถียงคอเป็นเอ็นว่า การเลือกตั้งวัดอะไรไม่ได้ เพราะเงินฟาดหัวชาวบ้านได้ แต่เอาเข้าจริง คงไม่ใช่ เพราะถ้าเงินฟาดหัวได้ มหาเศรษฐีทุกคน ก็น่าจะเป็น นายกฯ ไปกันหมดแล้ว หากไม่เชื่อ เจ้าสัวคนไหน อยากพิสูจน์ ก็เชิญดาหน้าออกมาประกาศตัวเป็นนายกฯได้เลย แล้วจะ รู้ว่า เงินฟาดหัวชาวบ้านได้จริงหรือไม่!!!............
ส่วนเรื่องที่ว่า นายกฯเป็น เทวดาหรืออย่างไรถึงถอดถอนไม่ได้ เห่าไฟ อยากจะบอกว่า นายกฯ ไม่ใช่เทวดา และสามารถถอดถอนได้ แต่ต้องกระทำอย่าง มีเหตุมีผล การถอดถอนนายกฯ ซึ่ง เป็นผู้นำของประเทศนั้น จะต้องกระทำผ่าน สภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง หรือการลงประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ จึงจะทำให้ อำนาจของประชาชน ไม่ถูกหักล้างโดยอำนาจอื่น แต่เป็นการหักล้างด้วยอำนาจประชาชนโดยตรง!!!............
ข้อสำคัญ หากพิจารณาถึง ผลลัพธ์ ของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับ คมช.และรัฐธรรมนูญปี 40 จะเห็นได้ว่า แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะรัฐธรรมนูญปี 40 จะส่งเสริมให้ พรรคการเมืองเข้มแข็ง เป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง แต่ฉบับ คมช.ไม่ต้องรอให้บังคับใช้ก็พอ จะมองออกแล้วว่า พรรคการเมืองคง อ่อนปวกเปียก เป็นขนมเปียกปูน และจะไม่มีวันได้เห็น รัฐบาลพรรคเดียว อีกต่อไป!!!............
หากถามว่า ไม่มีรัฐบาลพรรคเดียวแล้วเสียหายตรงไหน เห่าไฟ ก็อยากจะบอกไว้ตรงนี้ว่า หาก เป็น รัฐบาลผสม การผลักดันนโยบายช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนรวดเร็วก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลผสมส่วน ใหญ่มัก ปัดแข้งปัดขากันเอง ต่อรอง ผลประโยชน์ไม่สิ้นสุด ทำให้ฝ่ายการเมือง อ่อนแอ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต!!!............
แต่หากถามว่า ข้อดีของ รัฐธรรมนูญฉบับ คมช.มีหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า มีเหมือนกัน เช่น การให้สิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนตามมาตรา 45 และ 46 รวมทั้งการให้บุคคลไร้ที่อยู่อาศัยและ ไม่มีรายได้เพียงพอ มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ เป็นครั้งแรก ตามมาตรา 55 แต่หากนำไปเทียบกับ ความบกพร่อง ในเรื่องให้วุฒิสภาครึ่งบกครึ่งน้ำมีอำนาจ ถอดถอนนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งได้แล้ว เห่าไฟ บอกได้คำเดียวว่า รับไม่ได้!!!............
ส่วนเรื่องนี้ แม้ ฝ่ายความมั่นคง จะทำท่าถอยทัพไปแล้ว แต่อยากให้ข้อคิดเอาไว้ตรงนี้ ข้ออ้างผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร ที่บอกว่า แม้แต่ อังกฤษ กับ อเมริกา ที่เป็นประเทศต้นแบบประชาธิปไตยก็ยังมีเลย เห่าไฟ ฟังแล้วขัดหูพิกล!!!............
เพราะประเทศ ต้นแบบประชาธิปไตย เหล่านั้น ออกกฎหมายรักษาความมั่นคงฯโดยสภาฯที่มา จากการเลือกตั้งของประชาชน จึงมี ความชอบธรรม อย่างเต็มที่ แต่เมืองไทย ตอนนี้ไม่มีสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฉะนั้น การไปอ้างในสิ่งที่ ประเทศประชาธิปไตยเขาทำ แล้วจะเอามาทำบ้าง อ้างอย่างไรก็ ไร้น้ำหนัก ขาดความชอบธรรมวันยังค่ำ!!!............
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 22-07-2007, 08:45 » |
|
ความคิดเห็นที่ 33
รัฐธรรมนูญ 2540 *********** ส่วนที่ ๓
--------------------------------------------------------------------------------
การถอดถอนออกจากตำแหน่ง
มาตรา ๓๐๓ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย วุฒิสภามีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้ บทบัญญัติวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ (๑) กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (๒) ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๓๐๔ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๓๐๗ ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๓๐๓ ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวจะต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อ ๆ ให้ชัดเจน สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๓๐๗ ให้ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการที่ประชาชนจะเข้าชื่อร้องขอตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๓๐๕ เมื่อได้รับคำร้องขอตามมาตรา ๓๐๔ แล้วให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวนโดยเร็ว เมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทำรายงานเสนอต่อวุฒิสภา โดยในรายงานดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดมีมูลหรือไม่ เพียงใด พร้อมทั้งระบุเหตุแห่งการนั้น ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดเป็นเรื่องสำคัญ จะแยกทำรายงานเฉพาะข้อนั้นส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาไปก่อนก็ได้ ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล นับแต่วันดังกล่าว ผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ และให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๓๐๖ และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาข้อนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่อัยการสูงสุดเห็นว่ารายงาน เอกสาร และความเห็นที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งให้ตามวรรคสี่ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ ให้อัยการสูงสุดแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยให้ระบุข้อที่ไม่สมบูรณ์นั้นให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน ในกรณีนี้ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติและอัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากแต่ละฝ่ายจำนวนฝ่ายละเท่ากัน เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการฟ้องคดีได้ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีอำนาจดำเนินการฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทน ก็ได้ มาตรา ๓๐๖ เมื่อได้รับรายงานตามมาตรา ๓๐๕ แล้ว ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งรายงานให้นอกสมัยประชุม ให้ประธานวุฒิสภาแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ มาตรา ๓๐๗ สมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งต้องกระทำโดยวิธีลงคะแนนลับ มติที่ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่งให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ผู้ใดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติให้ถอดถอน และให้ตัดสิทธิผู้นั้นในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลาห้าปี มติของวุฒิสภาตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด และจะมีการร้องขอให้ถอดถอนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันอีกมิได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
******************
มันมีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 แล้ว อ่านกันบ้างหรือเปล่า...เห่าไฟ.. แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 50 05:42:27
จากคุณ : บัวลอย (YJT) - [ 22 ก.ค. 50 05:35:15 A:202.5.87.151 X: ]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 22-07-2007, 08:46 » |
|
ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ***************
ความคิดเห็นที่ 7
ส่วนที่ ๓ การถอดถอนจากตำแหน่ง
มาตรา ๒๗๐ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง วุฒิสภามีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้
บทบัญญัติวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ
(๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (๒) ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
มาตรา ๒๗๑ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อ ๆ ให้ชัดเจน
สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้
ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ตามมาตรา ๑๖๔
มาตรา ๒๗๒ เมื่อได้รับคำร้องขอตามมาตรา ๒๗๑ แล้ว ให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทำรายงานเสนอต่อวุฒิสภา โดยในรายงานดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดมีมูลหรือไม่ เพียงใด มีพยานหลักฐานที่ควรเชื่อได้อย่างไร พร้อมทั้งระบุข้อยุติว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรด้วย
ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดเป็นเรื่องสำคัญ จะแยกทำรายงานเฉพาะข้อนั้นส่งไปให้ประธานวุฒิสภาตามวรรคหนึ่งเพื่อให้พิจารณาไปก่อนก็ได้
ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล นับแต่วันดังกล่าวผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ และให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๒๗๓ และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาข้อนั้นเป็นอันตกไป
ในกรณีที่อัยการสูงสุดเห็นว่ารายงาน เอกสาร และความเห็นที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งให้ตามวรรคสี่ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ ให้อัยการสูงสุดแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยให้ระบุข้อที่ไม่สมบูรณ์นั้นให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน ในกรณีนี้ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและอัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้แทนจากแต่ละฝ่ายจำนวนเท่ากัน เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ แล้วส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการฟ้องคดีได้ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีอำนาจดำเนินการฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทนก็ได้
มาตรา ๒๗๓ เมื่อได้รับรายงานตามมาตรา ๒๗๒ แล้ว ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว
ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งรายงานให้นอกสมัยประชุม ให้ประธานวุฒิสภาแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา ๒๗๔ สมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งต้องกระทำโดยวิธีลงคะแนนลับ มติที่ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่ง ให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ผู้ใดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติให้ถอดถอน และให้ตัดสิทธิผู้นั้นในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลาห้าปี
มติของวุฒิสภาตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด และจะมีการร้องขอให้ถอดถอนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันอีกมิได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จากคุณ : บัวลอย (YJT) - [ 22 ก.ค. 50 01:36:17 A:202.5.87.140 X: ]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 22-07-2007, 09:00 » |
|
บทบัญญัติว่าด้วยการถอดถอนใน รธน. 2540 ก็มีอยู่ แต่รายละเอียดแตกต่างกับ รธน. 2550 อย่างตรงกันข้าม นั่นคือ ที่มาแห่งอำนาจ
พูดง่ายๆ คือ ใครแต่งตั้ง ส.ว. คนนั้นก็มีอำนาจ ประชาชน หรือว่า อภิชนไม่กี่คน
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่มิใช่ ใน รธน. 2550
คุณ บัวลอย ที่ยกมา แกล้งไม่รู้ หรือเจตนาบิดเบือน มิทราบ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 22-07-2007, 09:23 » |
|
ท่าทางจะชอบ ที่มาแบบประธานวุฒิสภา "สุชิน"
ซึ่งทำความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง
อย่างกรณี ผู้ว่าฯ สตง. ที่จริงโทษถึงตัดหัว 7 ชั่วโคตร นั่นทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 22-07-2007, 09:37 » |
|
ถ้าคิดว่า ผู้ทำหน้าที่ "ตรวจสอบ" ต้องมาจากประชาชน มาจากการเลือกตั้ง
งั้นเรามาเลือกตั้งตำรวจ อัยการ ตุลาการ ดีมั๊ย จะได้เข้าสูตรประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนเต็มขั้น
ไม่ต้องมีหรอก สว. เอาแค่ สส. ก็พอแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วิหค อัสนี
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 22-07-2007, 10:55 » |
|
จะเอาอะไรมากกับคนที่เคยบอกว่า ประชาธิปไตยคือเสียงส่วนมากทำได้ทุกอย่าง เสียงส่วนน้อยห้ามโวย ล่ะครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
_______ดังนี้แล __เปลวไฟจักลุกโชน ___หามีวันดับลงได้ _ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-07-2007, 11:21 » |
|
ผอ รมน คุม เจ้านาย คุม ขันที คุม ท่านเจี๊ยบ คุม ศาล คุม วุฒิครึ่งนึง บวก วุฒิอีกหน่อย บวก คนสองหมื่น ไล่ นายก ได้ กระจอกจัง นายก เมืองไทยตามรัฐธรรมนูญใหม่ ใช้แค่เศษคน ก็ไล่ได้ยังกะหมูกะหมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 22-07-2007, 12:36 » |
|
ทุเรศจริงๆ เห่าไฟ บทบัญญัติก็เอามาจากรธน. ปี 40 ชัดๆ คนส่งให้ ปปช. คือวุฒิสภาเหมือนเดิม แค่จำนวนคนที่เข้ารายชื่อน้อยลง ปปช. จะเป็นคนพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่อย่างไร เหมือนปี 40 เป๊ะๆ และตรงนี้ไม่ได้มีการเพิ่มอำนาจแก่วุฒิสภาเพื่อถอดถอนด้วยตนเองอย่างที่เห่าไฟพยายามยัดเยียดแต่อย่างใด
งานนี้เห่าไฟควรไปคว้านท้องตายเพื่อรักษาเกียรติยศของสื่อสารมวลชนเสียดีกว่า อย่าให้ใครเขาเอาไปนินทาได้ว่าไม่รู้จักค้นคว้า ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 22-07-2007, 12:40 » |
|
อะไรกันเนี่ย จะถึงวันลงประชามติอยู่แล้ว ยังไม่รู้ว่า ที่มา ของวุฒิสมาชิกมันต่างจากของเดิมฟ้ากับเหว เลือกตั้งกับให้บุคคลากรประเภทศาลเล่นการเมืองมาตั้งซะครึ่ง ไม่เห็นความแตกต่างเลยเรอะ ตาย ตาย ตายแล้ว อี๊
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 22-07-2007, 13:17 » |
|
อะไรกันเนี่ย จะถึงวันลงประชามติอยู่แล้ว ยังไม่รู้ว่า ที่มา ของวุฒิสมาชิกมันต่างจากของเดิมฟ้ากับเหว เลือกตั้งกับให้บุคคลากรประเภทศาลเล่นการเมืองมาตั้งซะครึ่ง ไม่เห็นความแตกต่างเลยเรอะ ตาย ตาย ตายแล้ว อี๊ นายกฯ มาตามกฎหมาย ก็ต้องออกไปหากทำผิดกฎหมาย นี่คือนิติรัฐ แต่ถ้าบอกว่าข้ามาจากเสียงกี่สิบล้านๆ ทำผิดแล้วถอดถอนไม่ได้ นั่นคือกฎหมู่ วุฒิสภามาจากไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าผลโหวตของวุฒิสภา ไม่ได้มีผลให้ใครถูกถอดถอน ต้องผ่านไปยัง ปปช. อยู่ดี มันผิดตั้งแต่ไปสำคัญว่าวุฒิสภามีอำนาจถอดถอนแล้ว เรื่องที่มาของวุฒิสภาไม่เหมือนกันนั้นเป็นแค่ประเด็นเสริมเท่านั้นเอง และถ้าชอบแถไม่เห็นด้วย หวังว่าคงไม่ไปลงชื่อถอดถอนใคร ในรัฐบาลสมัยต่อๆ ไปนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
WATERMAN
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 22-07-2007, 13:37 » |
|
ก็วุฒิสมาชิกแบบ รัฐธรรมนูญปี 40 มันมาด้วยการซื้อเสียงเสียส่วนใหญ่ สภาผัวเมีย พ่อแม่ พี่น้อง ทั้งสภามีแต่ญาติพวกพ้องของ ส.ส. ดูสภาสุชนเป็นตัวอย่าง แล้วมันจะขับไล่คนโกงได้อย่างไรกัน เพราะพรรคไหนมีเงินซื้อเสียงได้มาก หัวหน้าพรรคนั้นต่อให้ทำผิดอย่างไรก็ไม่มีใครที่ไปเอาออกได้ อย่างกรณีทักษิณ ถ้าไม่มีรัฐประหาร ก็ไม่มีทางที่จะเอาผิดทักษิณได้ ต่อให้โกงชาติเป็นแสนๆล้านก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะเงินซื้อเสียงมันมาก มันจึงไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดังนั้นเขาจึงต้องแก้ไข รัฐธรรมนูญปี 50 ให้มีการแต่งตั้งคนที่ดีมีความเป็นธรรม มีความเป็นกลางในการตัดสิน มาคานอำนาจพวกนักการเมืองเอาไว้ ไม่งั้นก็จะเป็นสภาพวกมากลากไปทำอะไรไม่เคยผิด ช่วยกันตลอด แต่ก็มีคนของทักษิณพยายามอ้างเรื่องประชาธิปไตย ส.ว.ต้องเลือกตั้งมาทั้งหมด เพราะทักษิณมันช่วยซื้อเสียงให้ได้ อย่างนี้ก็เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผู้พิพากษามาจากการเลือกตั้งด้วยเลยดีไหม พวกทักษิณจะได้ซื้อเสียงให้ เลือกผู้พิพากษามาตัดสินคดีโกงชาติของมัน เพื่อมันจะได้พ้นคุก ประชาธิปไตยมันไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งมาทั้งหมดหรอก มันเป็นแค่คำอ้างของนักซื้อเสียงแค่นั้นเอง เพราะเมืองไทยซื้อเสียงกันทุกระดับของการเลือกตั้ง ตั้งแต่ อบ.ต.สจ.สท.สข.สก.ยัน ส.ส. ส.ว.ไม่มีการเลือกตั้งระดับไหนเลยที่ไม่ใช้เงินซื้อเสียง คุณอยากประหยัดให้ติดแก๊ส และคุณ Snowflake เอาไปคิดดูให้ดีดีว่าจริงหรือเปล่า หรือคุณไม่ยอมรับว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมามีการซื้อเสียงจริง ถ้าคุณไม่รู้ว่าเลือกตั้งมีการซื้อเสียง คุณก็อย่ามาวิจารณ์เรื่องการเมืองเลย เพราะเท่ากับพวกคุณยังไม่รู้ระบบการเลือกตั้งขั้นพื้นฐานของการเมืองแบบไทยไทยเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 22-07-2007, 13:42 » |
|
มันไม่อยากรับ ก็ไม่ต้องรับ
จะ เห่าไฟ หรือ เห่าควาย ก็ช่างหัวมัน
ไอ้หนังสือพิมพ์ที่เหิมเกริมขนาดลบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงทิ้ง มันจะมีดีอะไรเหลือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 22-07-2007, 14:45 » |
|
ระบอบทักษิณยังคงต้องซื้อไทยรัฐน่ะครับ ลองมันด่าแม้วคำเดียวสิ ชาวบ้านแบน ไม่ซื้อ มันจะเดือดร้อนเอา เลยต้องส่งคนไร้สมองแบบเห่าไฟ กับหมัดเหลี่ยม มาด่า คมช จินตนาการภาพว่า การเมือง เป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง แล้วเอาคนที่ไม่รู้เรื่องการเมืองเลยมาสองคน คนนึง อ่านแต่ไทยรัฐ อีกคนอ่านแต่ผู้จัดการ เวลาเจอกัน มันจะทำยังไงครับ สองคนนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 22-07-2007, 21:05 » |
|
มองเฉพาะอำนาจตรวจสอบ ผมชอบแบบที่มาจากศาลมากกว่า มันดูอิสระดีครับ
องค์กรอิสระที่มาจากการคัดสรรของศาล เช่น
กกต. ปปช. คตง. เหล่านี้ก็มาจากการคัดสรรของศาลเป็นส่วนใหญ่
การถอดถอน ต้องชั่วจริง ๆ ตามกฎหมาย ปปช. หรือผิดจริยธรรม ( ตามหมวดจริยธรรม )
ปปช. รับเรื่องแล้ว ตรวจสอบ ลงมติ ส่งเรื่องให้วุฒิ ตัดสิน
นอกจากนั้นหากเห็นว่าผิด ก็ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองอีกด้วย
ถ้านักการเมืองชั่ว ทำผิดจน ปปช. วินิจฉัยแล้ว ก็สมควรนำเข้าพิจารณาใน วุฒิสภ ไม่เห็นน่ากลัวตรงใหน
ถ้านักการเมืองชั่ว สังคมก้ตัดสินอยู่แล้ว...จะไปเลี้ยงไว้ทำไมครับ
สำหรับ สว. ตามร่างฯ ผมคิดว่า...น่าลองดู...เพราะเป็นส่วนผสมใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้...
ประชาชนครึ่งหนึ่ง ศาลครึ่งหนึ่ง...
อาจจะเหมาะกับสังคมไทยก็ได้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 22-07-2007, 21:21 » |
|
คนหลายคน มันยึดติดแต่คำว่าประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่จีน เวียดนาม และประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกหลายๆประเทศ เขาก็เจริญกว่าไทย คนหลายคน คิดแต่ว่า ตัวเองถูกริดรอนเสรีภาพ อยากรู้จริงๆ เสรีภาพที่พวกนั้นอ้าง มันคืออะไร
วันที่ 18 กันยายน ผมนั่งกินผัดไทยกับรุ่นน้อง เราคุยกันเรื่องล้มทักษิณ ผมตอบน้องเค้าไปว่า เหลือทางเดียวครับ คือทหาร ถ้าสามเหล่าทัพจับมือกัน ชนะแน่นอน วันที่ 19 กันยายน มากันสี่เหล่าทัพเลยครับ วันนั้นไปนั่งกินเหล้าในกรุงเทพ เจอทหารมาไล่ ตัวผมเองด้วยความเมา เลยเดินไปถามว่า มีใครเป็นอะไร นึกว่าก่อการร้ายซะอีก พอทหารบอกปฏิวัติ แทบสร่างเมา ดีใจสุดๆ คุยทับแท๊กซี่ตลอดทางที่กลับห้อง ถึงขั้นตีกันก็ยอม สะใจมากมาย
กลับถึงห้อง ไม่หลับไม่นอนอีกต่างหาก นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ รอฟังประกาศ คปค ด้วยความสุขจริงๆ
เบื่อนักศึกษาสมัยนี้ เอะอะบอกเผด็จการ ริดรอนเสรีภาพ ผมเลยถามว่า เค้าไปริดรอนอะไรเมิง เมิงอยากใช้เสรีภาพไปกินเหล้า เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเมิงนี่นา ไอ้พวกนี้ ข่าวการเมืองไม่เคยอ่านอ่ะ ถ้าไทยรัฐก็อ่านแต่หน้ากีฬา แล้วชอบมาอ้างเรื่องประชาธิปไตย เบื่อจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
moon
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 22-07-2007, 22:28 » |
|
โดยเฉพาะขณะเขียนนั้น บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่เป็น ประชาธิปไตย ทำให้กระบวนการทางความคิด ไม่มีอิสระเต็มที่ เมื่อไม่มีอิสระ ก็ยากที่จะสร้างสรรค์ผลงานอิสระ ออกมาได้ ประชาธิปไตยที่ถูกรัดด้วย โซ่ตรวน จึงไม่มีวันเป็น ประชาธิปไตย ที่สามารถกางปีกโผบินไปในฟ้ากว้างได้อย่าง เสรี แน่นอน!!!............
อะไรคือสภาวะที่เป็น ประชาธิปไตย
สิ่งที่คุณได้บอกมา มันเป็นความคิดที่อิสระแล้ว ในการที่จะไม่เห็นด้วยกับคนอื่นๆ ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไร เขาก็ปล่อยให้คุณวิพากวิจารณ์ ในสื่อสาธารณะอย่างนี้ได้
เฮ้อ สงสารประเทศไทยของเราจัง คนที่เขาซื้อสื่อฉบับนี้อ่าน ส่วนใหญ่มักจะไม่ วิเคราะห์อะไรมากมายด้วย แย่จัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|