อดีตนายกฯ บังกลาเทศ ชีค ฮาสินา ถูกจับเข้าคุกข้อหาคอร์รัปชันเมื่อวันจันทร์ ทำให้คนไทยบางคนถามว่า เรื่องอย่างนี้ก็อาจจะเกิดในเมืองไทยได้มิใช่หรือ?
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ไม่แน่ วันที่ 14 สิงหาคม เรื่องอย่างนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าอดีตนายกรัฐมนตรีไทยกลับมาตามหมายเรียกตัวให้มารับฟังคำฟ้องของอัยการสูงสุด
หรือถ้าไม่ยอมกลับตามหมายเรียก ก็อาจจะโดนหมายจับ...ซึ่งก็อาจจะเป็นข่าวคราวใหญ่โตเหมือนข่าวจากบังกลาเทศวันก่อนนี่แหละ
เผลอๆ ข่าวจากเมืองไทยจะใหญ่กว่าของบังกลาเทศด้วยซ้ำไป เพราะข้อหาดุเดือดและรุนแรงกว่ามากมายหลายเท่านัก
อะไรๆ ของบังกลาเทศมีความละม้ายกับไทยเหลือเกิน เพราะรัฐบาลชั่วคราวของบังกลาเทศ ก็มาจากการสนับสนุนของทหารเหมือนของไทยวันนี้
หัวหน้ารัฐบาลที่อุ้มโดยทหารของเขาชื่อ ฟากรูดิน มาเหม็ด ผู้ซึ่งประกาศอย่างฉาดฉานหลังจากอดีตนายกฯ ถูกจับเข้าคุกว่า
"ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย....ใครก็ตามที่เกี่ยวโยงกับคอร์รัปชัน จะต้องถูกตามไล่ล่าและถูกฟ้องร้องจนถึงที่สุด..."
ข้อหาต่ออดีตนายกฯ ของเขา คือการ "รีดไถ" เงินจากนักธุรกิจสองคนเป็นเงิน 80 ล้านทากะ (หรือประมาณเกือบๆ 40 ล้านบาท) และการจับตัวอดีตผู้นำประเทศเข้าตะรางนั้น ก็มาจากข้อหานี้แหละ
ก่อนหน้านี้ อดีตนายกฯ คนนี้ ถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชัน และใช้อำนาจให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหลายกระทงระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วง ค.ศ.1996 ถึง 2001
แน่นอนว่า เธอปฏิเสธข้อหาทั้งหมด และบอกว่าจะต่อสู้ทุกคดีอย่างเต็มที่ (ฟังคุ้นหูไหม?)
และเธอก็บอกด้วยว่าทั้งหมดนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เป็น "แผนร้ายของการสมรู้ร่วมคิดของศัตรูทางการเมืองของข้าพเจ้า เพื่อจะกำจัดข้าพเจ้าออกจากวงการการเมือง" (ฟังคุ้นหูอีกเหมือนกันใช่ไหม?)
จากนั้นทนายของอดีตนายกฯ ก็บอกอีกว่า ตัวเธอเองและครอบครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงใดๆ เลยแม้แต่น้อย (ประโยคนี้ยิ่งคุ้นหูคนไทยใหญ่เลย!)
ศาลไม่ยอมรับฟังคำคัดค้านของทนายความของอดีตนายกฯ บังกลาเทศที่ให้จับเธอคุมขัง
ตำรวจค้นบ้านอดีตผู้นำคนนี้และยึดเอกสารหลายชิ้นที่เกี่ยวกับเงินฝากธนาคารของเธอและครอบครัว เพราะเงินสดในครอบครองนั้นตกอยู่ในข่ายสงสัยว่า ได้มาอย่างไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย
ยังไม่มีข่าวว่าจะมีการอายัดทรัพย์สินของเจ้าตัวและของคนใกล้ชิดหรือไม่
ผู้สนับสนุนเธอออกมารวมตัวกันกลางถนน และบางส่วนปะทะกับตำรวจเพราะคนเหล่านั้นพยายามจะยับยั้งขบวนรถตำรวจที่พาตัวอดีตนายกฯ ไปเข้าที่คุมขัง ด้วยการตะโกน "ปล่อยฮาสินา, ปล่อยฮาสินา!"
บังกลาเทศทุกวันนี้ อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกที่ประกาศใช้โดยรัฐบาลชั่วคราวที่เข้ามายึดอำนาจเมื่อเดือนมกราคม และได้จัดการกับนักการเมืองหลายคน จนทำให้การเลือกตั้งใหญ่ที่เดิมกำหนดให้มีขึ้นในปีหน้าไม่อาจจะจัดได้
นักการเมืองกว่า 170 คน ซึ่งรวมถึงคนสำคัญหลายคนเช่นลูกชายของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงอีกคนหนึ่ง ที่ชื่อ เบกุม คาเลดา เซีย ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตของอดีตนายกฯ ฮาสินา ก็อยู่ในข่ายผู้ถูกคุมขังด้วยข้อหาฉ้อฉลและใช้อำนาจผิดกฎหมาย
ลูกชายของอดีตผู้นำฮาสินา บอกนักข่าวว่า "ผมได้คุยกับแม่แล้ว ท่านเล่าให้ผมฟังเรื่องตำรวจเข้าไปจับกุมท่าน และบอกว่านี่เป็นแผนสมรู้ร่วมคิดอันเลวร้าย ที่ต้องการจะจัดการให้ท่านออกจากแวดวงการเมืองอย่างไม่เป็นธรรม..."
(ทำไมอดีตนายกฯ ต้องมีลูกชายที่พูดคล้ายๆ กันอย่างนี้เสมอ?)
บังกลาเทศมีผู้หญิงทรงอิทธิพลการเมืองสองคน คือฮาสินา และเบกุม คาเลดา เซีย ที่ผลัดกันเป็นนายกรัฐมนตรีมาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
ทั้งสองหญิงแกร่งเตรียมจะฟาดฟัน เพื่อให้ได้อำนาจทางการเมืองมาอยู่กับตนในการเลือกตั้งที่เดิมกำหนดไว้สำหรับปีหน้า แต่ถูกทหารเข้ามายึดอำนาจเสียก่อน
เรื่องตลกร้ายก็คือคาเลดา (นักการเมืองหญิงคู่รักคู่แค้นของฮาสินาที่เพิ่งถูกจับติดคุกคนนี้) ก็กำลังถูกข้อหาคอร์รัปชัน และใช้อำนาจในทางที่ผิดเหมือนกัน
เธอคนนี้ก็มีลูกชาย (ชื่อ "ทาเรค") เล่นการเมืองเหมือนกัน และกำลังถูกจับด้วยข้อหาโกงบ้านโกงเมืองอีกเหมือนกัน
เน่ากันทั้งฝูง ว่างั้นเถอะ
ไม่น่าแปลกใช่ไหมที่ผมอ่านข่าวล่าสุดจากบังกลาเทศแล้วคิดถึงเมืองไทยขึ้นมาจับใจ
ใช่ ใครว่าอดีตนายกฯ ติดคุกไม่ได้ เพราะข้อหาร้ายแรงเหมือนกัน และเงินทองเพียงไม่กี่สิบล้านบาท ที่อดีตผู้นำของเขาถูกกล่าวหาว่าเอาไปซ่อนไว้ในกระเป๋าตัวเองนั้น เทียบกับของไทยแล้วจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน
กาแฟดำ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์