พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะนี้ กำลังเปลื้องเปลือยธาตุแท้ หรือกมลสันดานที่แท้จริงออกมาอย่างถึงที่สุด
1. ภายใต้ระบอบทักษิณ ระบบตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐถูกแทรกแซง ครอบงำ และตัดตอน ไม่ว่าจะเป็น ระบบรัฐสภา วุฒิสภา องค์กรอิสระ ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ สื่อมวลชนกระแสหลัก รวมถึงระบบตำรวจ ล้วนแต่ถูกครอบงำและยึดครองโดยพวกพ้องบริวารของระบอบทักษิณ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกได้อย่างแท้จริง นำไปสู่ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย หรือการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว ฯลฯ
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ถูกทำลายจนไม่มีผลใช้บังคับตามเจตนารมณ์ที่แท้จริง ในขณะที่หลักการนิติรัฐ ถูกบั่นทอนทำลาย ด้วยการอ้างเสียงข้างมาก เป็นเผด็จการรัฐสภา ทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
แม้ระบบศาลยุติธรรม จะยังคงความเป็นอิสระจากระบอบทักษิณอยู่มาก แต่การดำเนินการตรวจสอบหรือดำเนินคดีต่างๆ เพื่อสอบสวนเอาผิดกับทักษิณและพวก ส่วนใหญ่ ก็ไม่เคยเดินไปถึงกระบวนการยุติธรรมในระดับชั้นของศาลยุติธรรม
เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทักษิณกระเด็นออกจากอำนาจรัฐ ทำให้ระบบตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่เคยถูกแทรกแซง ครอบงำ และตัดตอน ถูกปลดปล่อยออกจากการอยู่ใต้อำนาจของระบอบทักษิณ
หลังรัฐประหาร จึงปรากฏว่า มีกรณีสอบสวน ตรวจสอบจำนวนมาก ทยอยส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรม เพื่อให้ศาลยุติธรรม ซึ่งธำรงความเป็นอิสระมาได้มากกว่าองค์กรอื่นๆ ทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาชี้ขาด เพื่อเป็นที่ยุติตามระบบนิติรัฐทั่วไป
แต่บัดนี้ แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะแสดงการยอมรับ และปฏิบัติตนดังเช่นพลเมืองที่ดีทั่วไป โดยกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ชี้แจงประเด็นข้อกล่าวหาในศาลยุติธรรมตามปกติ เช่นเดียวกับนักการเมืองหรือผู้ต้องหาคดีอาญาทั่วไป แต่กลับเลือกที่จะเดินเกมการเมืองอยู่นอกราชอาณาจักรไทย มิหนำซ้ำ ยังป่าวประกาศ ใส่ร้ายและโจมตีกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่าไม่ให้ความยุติธรรมแก่ตนเอง
จะใช้วิธีการให้ข้อมูลข้างเดียว พูดข้างเดียวแบบเดิมๆ ในอดีตเคยพูดข้างเดียวผ่านรายการวิทยุเช้าวันเสาร์ คราวนี้ก็จะให้ข้อมูลข้างเดียวผ่านเว็บไซด์จากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ กระบวนการยุติธรรมเปิดพื้นที่ให้กลับเข้ามาต่อสู้คดี เอาพยานหลักฐานทั้ง 2 ด้าน ขึ้นมาต่อสู้กันอย่างตรงไปตรงมาในชั้นศาล
ในความเป็นจริง คือ ขณะนี้ กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยเป็นไปโดยอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล การครอบงำ แทรกแซง วิ่งเต้น หรือสั่งการได้ตามที่ตนเองต้องการมากกว่า
พูดง่ายๆ ว่า กระบวนการยุติธรรมในขณะนี้ เป็นกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมที่จะช่วยเหลือหรืออุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิด เหมือนกับมาตรฐานของอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้นบางคน เท่านั้นเอง
2. ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำประหนึ่งว่า บ้านเมืองไทยมีสภาพการณ์ที่เลวร้ายอย่างมาก ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจอย่างที่สุด โดยเฉพาะสถานการณ์ประชาธิปไตย โจมตีการเมืองไทยว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญใหม่ก็ไม่มีทางเป็นประชาธิปไตย
ซึ่งก็จะไม่แปลกใจ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต หากปรากฏว่า บริวารของระบอบทักษิณไม่ได้กลับมาครองอำนาจรัฐ แล้วจะมีการพยายามบ่อนทำลายประเทศชาติต่อไปว่า การเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย และการเมืองไทยก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตย
พูดง่ายๆ ว่า หากการเมืองไทยไม่มีทักษิณหรือบริวารของระบอบทักษิณอยู่ในอำนาจ ก็แสดงว่า การเมืองไทยไม่มีประชาธิปไตย อย่างนั้นหรือ?
กล่าวได้ว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะนี้ กำลังเปลื้องเปลือยธาตุแท้ หรือกมลสันดานที่แท้จริงออกมาอย่างถึงที่สุด
อดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบัน ธาตุแท้ในกมลสันดานเดิม ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
มีภาษิตบทหนึ่ง กล่าวไว้ว่า นักการเมืองที่เลว อาจจะโกหกหลอกลวงประชาชน ได้บางคน บางเวลา แต่จะไม่มีวันโกหกหลอกลวงประชาชนทุกคน ได้ตลอดเวลา หรือตลอดไป
ถึงวันนี้ "ไม่มีกูคือไม่มีประชาธิปไตย ไม่ใช่พวกกูคือเผด็จการ ไม่ช่วยกูคือไม่มีความยุติธรรม" กำลังเป็นภาษิตของนักประชาธิปไตย หรือ ทรราช ?