วันที่ 3 กรกฎาคม 2547นายกฯชี้การทำการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสซี่ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน-ไม่เสียเปรียบ ชี้ต้อง
มองภาพรวมทั้งหมดอย่ามองเป็นจุดๆ
"ส่วนตัวผมขอยืนยันว่าการเปิดเอฟทีเอกับออสเตรเลียไม่ทำให้ไทยเสียอะไรเลย เพราะการเปิด
เสรีทางการค้าจริงๆ จะเกิดขึ้นในอีก 20 ปีข้างหน้า ยังไม่ใช่วันนี้ แต่จากนี้ไปอีก 20 ปี ไทยต้อง
ปรับอะไรอีกมาก ซึ่งผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้เรื่องโทรคมนาคมที่มีการวิจารณ์กันมาก ก็เพราะ
อยากจะเล่นงานผม ซึ่งในความเป็นจริงออสเตรเลียได้ทำความตกลงกับองค์การการค้าโลก
(ดับเบิลยูทีโอ) ว่าจะให้สิทธิกับประเทศที่เปิดเสรีทางการค้ากับออสเตรเลีย เป็นการประกาศให้
ประเทศทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง และสิทธิที่ให้มาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ส่วนสัดส่วนการเข้า
ไปถือหุ้น ก็ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดตามกฎหมายที่ล็อกไว้ร้อยละ 49 ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง"
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าววันที่ 29 มิถุนายน 2550 บิ๊กสหพัฒน์ให้รัฐรับความจริง รากหญ้ายังพะงาบ ศก.จะโตได้ไงนายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า ขอยืนยันข้อมูลเดิม เพราะสิ่งที่พูดออกไปคือความจริง ถ้าภาครัฐทำให้
เศรษฐกิจดีขึ้นได้ภาคเอกชนก็มั่นใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม จึงอยากให้รัฐบาลออกมา
ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่ออกมาพูดอย่างเดียว อยากให้ภาครัฐดูประเทศเพื่อนบ้านบ้างว่า
ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยแข็งที่สุดในภูมิภาคแล้ว ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ไม่ได้
รับผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น เนื่อง จากธุรกิจหลักของประเทศดังกล่าวอยู่ในภาคบริการ
ส่วนไทยเป็นภาคเกษตรกรรม เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อระดับรากหญ้าและการส่ง
ออกของประเทศ หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้มองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะซึมยาวไปอีก
ไม่ต่ำกว่า 3 ปีแน่นอนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยนักลงทุนออสเตรเลียยังเชื่อมั่นต่อสถานการณ์
การลงทุนในไทย เตรียมย้ายฐานการผลิตมาไทย โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักร โลจิสติกส์
หวังรับผลพลอยได้เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย หลังประเมินศักยภาพต้นทุนการผลิตถูกกว่า
นางวิบูลย์พรรณ จันทรโชติ ผู้ช่วยเลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยถึงการเดินทางไปชักจูงการลงทุนใน 3 เมือง
สำคัญของออสเตรเลีย ประกอบด้วย ซิดนีย์ เมลเบิร์น และ จีลอง ว่านักธุรกิจของออสเตรเลียยังเชื่อมั่นต่อ
สถานการณ์การลงทุนในประเทศไทย โดยผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักร
โลจิสติกส์ เกษตร และจิวเวลรี่ ต่างแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
http://www.innnews.co.th/Breaknews.php?nid=45650ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจมันเน่า แต่ที่มันไม่เน่าทุเรศเพราะวิสัยทัศน์ของใครก็ลองดูเอา
ตอนนั้นค้านกันจะเป็นจะตายโดยเฉพาะนายไกรศักดิ์ หาเรื่องว่าผลประโยชน์ทับซ้อนมั่ง นี่ถ้าเซ็นต์ไม่
สำเร็จ ป่านนี้จะยังเหลือกี่ประเทศที่มองว่าไทยมีศักยภาพ มาดูไอ้หุ่นท่อนไม้ไปทำที่อินเดียมั่ง
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีกำหนดเดินทางเยือนกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย
ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายนนี้ ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง
การเดินทางเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการเข้าหารือข้อราชการ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านต่างๆ
ของ 2 ประเทศ กับ ดร.เอ พี เจ อับดุล คาลาม ประธานแห่งสาธารัฐอินเดีย และ ดร.มานโมฮัน ซิงห์ นายก
รัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งคาดว่าประเด็นสำคัญที่จะหยิบยกขึ้นหารือ คือ การผลักดันเร่งรัดเปิดเขต
การค้าเสรีระหว่างกันโดยเร็ว ปัญหาและอุปสรรคที่ต้องร่วมกันแก้ไข
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=174494แล้วมาโม้ว่า
นายกรัฐมนตรีของไทย เผยเจรจา เอฟทีเอ อินเดีย คืบหน้าต่อเนื่อง คาด 2-3 ปี ตัวเลขการค้าขยายตัว
ถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เตรียมบินลงนามต้นเดือน ก.ค.อีกครั้งแต่ข่าวกลับออกมาว่า
รัฐมนตรีฯคลังขู่เลิกเจรจาเอฟทีเออินเดียหากไม่ผ่อนปรนท่าทีนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงนโยบายการเจรจาเปิดเสรี(เอฟทีเอ)
ไทย-อินเดีย ว่า การเจรจาจนถึงขณะนี้ยังมีความคืบหน้าไม่มาก ซึ่งทางอินเดียยังมีข้อขัดข้องอยู่ อย่างไร
ก็ตาม หากไทยให้การเจรจามีความคืบหน้า และการเจรจาให้แล้วเสร็จ ก็คาดว่าจะสามารถตกลงกันได้ภาย
ในปีนี้ แต่หากการเจรจารอบต่อไปที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคมนี้ ทางอินเดียยังไม่
มีท่าทีผ่อนปรนจนทำให้การเจรจามีความคืบหน้า ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเจรจาต่อไป เห้อ