http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000068569พลเอกวัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พาให้เกิดความฉงนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 มิถุนายน 2550 นี้ โดยเปรียบเทียบว่าสถานการณ์เหมือนฝีที่เมื่อแตกแล้วทุกอย่างก็จะเป็นปกติสืบไป
ครั้นผู้สื่อข่าวซักถามลงไปในรายละเอียดว่าจะเอาอะไรบ่งฝี ก็ตอบเฉไฉไปหาพวกหมอดูว่ามีคำทำนายทายทักเอาไว้แล้ว ซึ่งทำให้เกิดความสับสนยิ่งขึ้นไปใหญ่
ความจริงข่าวคราวที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ก็เห็นเด่นชัดแล้วว่าปัญหาความขัดแย้งที่ระบอบการปกครองหนึ่งจะโค่นล้มทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กำลังมาถึงจุดแตกหักในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
การให้สัมภาษณ์ของพลเอกวัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์ แม้จะทำให้งุนงงสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็คงเป็นลักษณะที่ต้องการเตือนคนไทยทั้งประเทศให้ร่วมใจกันระมัดระวังป้องกันเหตุร้ายอย่าให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
แต่คงจะไม่ได้ผลเป็นแน่ และคงจะต้องเกิดเหตุจลาจลนองเลือดขึ้นเป็นแน่ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและ คมช. แต่ฝ่ายเดียว หากขึ้นอยู่กับพวก ม็อบไข่แม้วด้วย
ต่อให้รัฐบาลและ คมช. มุ่งมั่นสันติและใช้ความอดทนอดกลั้นสักเท่าใด แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งต้องการจะสร้างเหตุการณ์จลาจลเพื่อหวังผลทางการเมืองให้จงได้แล้ว ก็คงหลีกเลี่ยงเหตุร้ายไม่พ้น
คงเหลือแต่ว่าจะเกิดเหตุในขณะที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตหรือจะเกิดขึ้นในขณะที่สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ หรือตัดไฟเสียแต่ต้นลมเท่านั้น
ไหน ๆ มันก็จะเกิดเรื่องเกิดราวโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้วเช่นนี้ เรามาดูกันว่าพวกม็อบไข่แม้วได้เตรียมการอย่างไรบ้าง จะได้เห็นสถานการณ์โดยกว้างทั้งนอกประเทศและในประเทศ
ในด้านต่างประเทศนั้น ขณะนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่ามีการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ให้ทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างหนึ่ง และกำลังจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์กฎหมายของสหรัฐอีกแห่งหนึ่งให้ประสานงานไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อให้คว่ำบาตรประเทศไทย พูดง่าย ๆ ก็คือเลิกติดต่อทำมาค้าขายกับประเทศไทย โดยไม่คำนึงว่าจะเกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่นักธุรกิจและประชาชนคนไทยตลอดจนประเทศไทยอย่างไร
นอกจากนี้ บริษัทล็อบบี้ยิสต์ยังพยายามติดต่อกงสุลบางประเทศเพื่อให้ล็อบบี้รัฐบาลของประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกให้ยอมรับระบอบทักษิณว่าเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น เพื่อเป็นการวางศิลาฤกษ์ของการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นต่อไป
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศเกิดใหม่เล็กๆ เหล่านี้เคยทำอะไรที่ประหลาดพิกลในกิจการระหว่างประเทศให้เห็นมานักต่อนักแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจึงต้องติดตามเอาใจใส่เรื่องนี้ให้จงดี
ส่วนภายในประเทศนั้น อาจสรุปสถานการณ์ได้ดังนี้
ข้อแรก จากการเตรียมการว่าจ้างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวน 6 แห่ง ให้จัดทำเสื้อผ้าเพื่อการเดินขบวนหรือเพื่อการชุมนุมจำนวน 3 ล้านตัว ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16-17 มิถุนายน ศกนี้ คือการสะท้อนให้เห็นว่ามีการเตรียมการที่จะใช้กำลังคนประมาณ 3 ล้านคนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ข้อสอง สื่อมวลชนได้รายงานข่าวชัดเจนแล้วว่ามีการประสานงานให้อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือและในภาคอีสานระดมประชาชนเข้ามาในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเข้ามาไม่ได้ก็ให้จัดชุมนุมในพื้นที่เพื่อให้เกิดสถานการณ์ชุมนุมทั่วประเทศ
แผนเดิมเคยวางไว้ว่าแต่ละเขตเลือกตั้งจะระดมคนจำนวน 4,000 คน จาก 300 เขตเลือกตั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกบางจังหวัด เข้ามาชุมนุมและต้อนรับนายใหญ่เข้าประเทศ แบบเดียวกับการปฏิวัติอิสลามโค่นล้มพระเจ้าซาห์ในอิหร่าน
แต่ปรากฏว่าแผนดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติได้เพราะอดีต ส.ส. จำนวนหนึ่งออกจากพรรคไปแล้ว และที่เหลืออยู่ก็มีแกนไม่กี่คน จึงใช้วิธีระดมอย่างจำกัด แต่ได้ทุ่มเทเงินจำนวนมากเพื่อหวังให้ได้จำนวนคน 3 ล้านคนก่อการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด
ข้อสาม กดดันบุคคลสำคัญระดับสูงเพื่อให้ออกมาไกล่เกลี่ยให้พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน และพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ลาออก ให้สหประชาชาติเข้ามาจัดการเลือกตั้งเพื่อกลับคืนสู่อำนาจ
ในประการนี้จะพยายามเคลื่อนม็อบไปตั้งหลักที่กองบัญชาการกองทัพบกก่อนเพื่อยั่วยุให้เกิดการปะทะ หรือไม่ก็จะบุกเข้าไปบ้านประธานองคมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อยั่วยุให้เกิดการปะทะเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดการปะทะแล้วก็จะเคลื่อนย้ายมวลชนไปปิดล้อมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ในขณะเดียวกันนั้น ก็จะเชื่อมโยงสื่อมวลชนต่างประเทศให้ทำการถ่ายทอดสดเพื่อกดดันบุคคลระดับสูง รัฐบาล และ คมช. ให้คืนอำนาจแก่อำนาจเก่า
ข้อสี่ จัดเตรียมหน่วยจู่โจมทะลวงฟันเป็นกองหน้าเพิ่มขึ้นจากประมาณ 200 คนเป็น 600 คน เพื่อเป็นหน่วยปะทะและนำพาประชาชนเข้าสู่การจลาจล ในขณะที่พวกแกนนำจะใช้โอกาสนั้นปลีกตัวออกจากที่ชุมนุม โดยจะสร้างสถานการณ์ว่า คมช. จะมาอุ้มจึงต้องหลบหนีเพื่อความปลอดภัย ปล่อยให้มวลชนเสี่ยงตายกันเอาเอง
ข้อห้า มีกลุ่มคนบางคณะไปอาสาว่าจะทำการปฏิวัติซ้อนโดยรับเงินจำนวนมากมาเป็นค่าใช้จ่าย แต่ปรากฏว่าเกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากแกนนำบางคนรับเงินมาแล้วไม่ต่อท่อ กลับเก็บเอาไว้เอง บางคนที่นำเงินไปต่อท่อและมีคนรับเงิน แต่คนรับเงินกลับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงทำให้แผนนี้ถูกเปิดโปงไปแล้ว
ในด้านของรัฐบาลและ คมช. นั้น แรกเริ่มเดิมทีไม่ค่อยลงรอยกันเท่าใดนักเพราะพวกรัฐบาลเต่าเชื่อมั่นในนโยบายสมานฉันท์ และตีกรรเชียงเอาตัวรอดไว้เสมอ ปล่อยให้พวก คมช. เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันเอาเอง
แต่ต่อมาสถานการณ์บังคับให้จำเป็นต้องลงเรือลำเดียวกัน เพราะได้รับทราบรายงานข่าวชัดเจนว่าการจองเวรล้างโคตรนั้นไม่จำกัดอยู่เฉพาะพวก คมช. เท่านั้น แต่ยังคลุมถึงพวกรัฐบาลเต่าด้วย แม้กระทั่งบรรดารัฐมนตรีขี้เท่อที่ไม่ยอมทำอะไร โดยคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ ก็กลับอยู่ในข่ายเหมือนกัน
มิหนำซ้ำยังลุกลามไปถึงกรรมการใน ป.ป.ช., คตส. และอีกหลายองค์กรที่อยู่ในข่ายถูกจองเวรล้างโคตร
ดังนั้นเมื่อหลังพิงกำแพงเข้า คนทั้งหลายเหล่านี้จึงต้องผนึกกำลังกันและตื่นขึ้นจากความเพ้อฝัน เห็นความจริงว่าสถานการณ์นั้นไม่อาจประนีประนอมกันได้เลย จะต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่ง
เพราะเหตุนี้ต่างฝ่ายต่างก็เข้าเกียร์ห้าเดินหน้าเต็มตัว นั่นคือพวกที่จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยก็เดินหน้าเต็มตัว พวกที่พิทักษ์ปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็เดินหน้าเต็มตัว จึงก่อเกิดเป็นสถานการณ์ดังที่เป็นอยู่
คำขู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะเดินทางกลับเข้าประเทศนั้นถูกเกทับบลัฟแหลกในทันทีว่าเชิญเข้ามาเลย โดยพร้อมจะเปิดประตูเมืองต้อนรับ ซึ่งเอเอสทีวีของเราได้ฟันธงไว้แล้วว่าไม่มีทางเข้ามาหรอก เพราะรู้ดีว่าอุบายเปิดประตูให้เข้าเมืองนั้นอันตรายมากมายสักเพียงไหน
ทั้งรัฐบาลและ คมช. วันนี้ตระหนักดีว่าเรื่องราวไม่ใช่เล็กน้อย จึงเตรียมความพร้อมเต็มอัตราศึก แต่ดูเหมือนว่ายังอ่อนด้อยอยู่ในเชิงชั้นการประชาสัมพันธ์และสื่อมวลชน ซึ่งคาดว่าคงจะเตรียมการจัดวางขึ้นในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน
และเมื่อวันนั้นมาถึง ม็อบไข่แม้วก็จะเคลื่อนตัวมาตามถนนราชดำเนิน ผ่านสะพานผ่านฟ้า ตรงมาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ในขณะที่รัฐบาลและ คมช. ก็จะตั้งแนวรับไม่ยอมให้ม็อบไข่แม้วเคลื่อนไปยังบ้านสี่เสาของประธานองคมนตรี หรือที่จะเคลื่อนไปทางพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ณ จุดดังกล่าวจึงอาจเกิดการสร้างสถานการณ์ให้มีการปะทะกันแล้วเกิดเป็นจลาจล ในขณะนั้นบรรดาแกนนำระดับผู้ใหญ่ก็จะเดินทางไปต่างประเทศ อ้างว่าเพื่อกิจธุระ ในขณะที่ระดับรองลงมาก็จะหาทางปลีกตัวออกมาจากที่ชุมนุมโดยข้ออ้างว่าจะถูกอุ้ม
แต่หน่วยจู่โจมทะลวงฟันก็จะก่อสถานการณ์และยั่วยุให้มีการปราบปราม โดยให้คลื่นมวลชนพยายามทะลุทะลวงไปยังด้านพระตำหนักจิตรลดารโหฐานให้จงได้
ณ เวลานั้นหากไม่มีประกาศภาวะฉุกเฉินก็จะมีประกาศกฎอัยการศึก และจับกุมพวกกบฏอย่างเฉียบขาดฉับพลัน
ดูไปแล้วมันจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับเหตุการณ์ 6 ตุลา และไม่มีทางที่จะเป็นรูปแบบ 14 ตุลา หรือรูปแบบพฤษภาทมิฬอย่างแน่นอน
สภาพที่จะเคลื่อนตัวพัฒนาไปคงจะไม่ไกลจากที่ได้พรรณนามานี้ ดังนั้นใครจะยอมให้เขาหลอกไปตายก็เชิญได้ตามใจชอบ แต่ใครที่มีญาติพี่น้องและห่วงหาอาทรกันอยู่ก็ต้องช่วยกันเตือน ช่วยกันบอกกล่าวอย่าให้ถูกหลอกไปตายเป็นอันขาด
เจ๊ใหญ่ เจ๊กลาง เจ๊เล็ก และหมอหมาบางคนที่สร้างสถานการณ์ทำลายบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ให้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้ดีก็แล้วกัน !
เจ้าของทีวีช่อง 3 และเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทราบแล้วเปลี่ยน !