สหรัฐไฟเขียวผลไม้ไทย นำเข้าได้ตั้งแต่23ก.ค.นี้
แอลเอ (ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์) : ผลไม้ไทยหกชนิด คือลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง เงาะ สับปะรด และมังคุด พาเหรดเข้าอเมริกาได้ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม ศกนี้ หลังกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประกาศกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ควบคุมผลไม้ไทยให้ประชาชนรับทราบในวันที่ 21 มิถุนายน
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ และสำนักงานตรวจสอบสุขอนามัยสัตว์และพืช (Animal and Plant Health Inspection Service -APHIS) ได้ออกประกาศระเบียบสุดท้าย หรือ Notice of this final rule ให้ประชาชนรับทราบถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยหกชนิด คือ ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง เงาะ สับปะรด และมังคุด เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 21 มิถุนายน ถือเป็นทะเบียนแจ้งความของรัฐบาลกลาง หรือ federal register ที่จะส่งผลให้การอนุญาตนำเข้าผลไม้ไทยมีผลบังคับใช้ในอีกหนึ่งเดือน คือในวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้
โดยมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืช ที่อาจติดมากับผลไม้ทั้งหกชนิดของไทยนั้น มีหลายขั้นตอน เช่นผลไม้จะต้องปลูกในพื้นที่ที่ลงทะเบียนและได้รับการดูแลควบคุมโดยหน่วยงานอารักขาพืชแห่งชาติ (the national plant protection organization of Thailand), และผลไม้ดังกล่าวต้องผ่านการฉายรังสี (แกมม่า) ในปริมาณที่กำหนด (ระดับ 400 gray) ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ผลไม้ไทยที่จะนำเข้าสหรัฐฯ จะต้องมีใบรับรองสุขอนามัย (phytosanitary certificate) เพื่อยืนยันว่าผลไม้แต่ละกล่องได้ผ่านการฉายรังสีแล้วในประเทศไทย
ในกรณีของลิ้นจี่นั้น ใบรับรองสุขอนามัยดังกล่าว จะต้องระบุว่าผลไม้ได้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าปราศจากเชื้อราเพอร์โรโนไฟโธรา (Peronophythora litchi) และไม่อนุญาตให้จำหน่ายลิ้นจี่กับลำไยจากไทยในรัฐฟลอริดา เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อไรกำมะหยี่ (rust mite, Aceria Litchi) จากประเทศไทย
ทั้งนี้ จากรายงานผลการสัมมนาในหัวข้อ ขั้นตอนการนำเข้าผลไม้ไทยมายังสหรัฐฯ (U.S. Import Procedures for Imported Thai Fruits) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน โดยนางเจน อี ลีวี่ ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ และนายโรเจอร์ เอฟ เวสท์ ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานตรวจสอบสุขอนามัยสัตว์และพืช ระบุถึงระเบียบปฏิบัติต่างๆ เอาไว้ค่อนข้างละเอียด เช่น
ข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์/หีบห่อสำหรับผลไม้ที่ส่งมายังสหรัฐฯ
1. ผลไม้ต้องได้รับการฉายรังสีและบรรจุในหีบห่อหรือกล่องกระดาษเพียงครั้งเดียวโดยไม่มีการบรรจุใหม่ (repackage)
2. แท่นไม้วางรองสินค้าสำหรับขนย้ายจะต้องถูกมัดหรือห่อหุ้มติดกับกล่องผลไม้เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายหรือเปิดกล่องผลไม้
3. ห้ามเปิดกล่องผลไม้ที่ผ่านการฉายรังสีแล้วในสถานที่ที่ศัตรูผลไม้/ แมลงผลไม้อาจเล็ดลอดเข้าไปได้
4. เก็บกล่องผลไม้ที่ผ่านการฉายรังสีแล้วไว้ในห้องที่สามารถป้องกันไม่ให้ศัตรูผลไม้/ แมลงผลไม้เข้าไปได้และต้องนำตาข่ายมาคลุมกล่องผลไม้ทุกกล่องตลอดเวลา
ข้อกำหนดด้านฉลากสินค้า
ต้องติดฉลากสินค้าที่กล่องผลไม้ทุกกล่อง : 1 ฉลาก ต่อ 1 กล่อง มีรายละเอียดของเลขที่กล่อง, ชื่อโรงงานฉายรังสี, วันที่ฉายรังสี, วันบรรจุกล่อง พร้อมระบุว่ากล่องนี้ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรคแล้ว
ข้อกำหนดด้านเอกสาร (Document Requirements)
1. ผู้ส่งออกผลไม้ไปยังสหรัฐฯ ต้องแสดงใบรับรองสุขอนามัย (Phytosanitary Certificate) ซึ่งออกโดยกรมวิชาการเกษตรสำหรับการส่งผลไม้ที่ผ่านการฉายรังสีแล้วทุกครั้ง (shipment) ต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ
2. ผู้ส่งออกผลไม้ไปยังสหรัฐฯ ต้องมีใบอนุญาตการนำเข้า (Import Permit : PPQ Permit) โดยต้องยื่นคำขอผ่านเว็บไซต์
www.aphis.usda.gov หากข้อมูลครบถ้วนถูกต้อง กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ อาจพิจารณาให้ใบอนุญาตการนำเข้าภายใน 30 วันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันประกาศระเบียบสุดท้าย (final rule) เรื่องการอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทยหกชนิดให้ประชาชนทราบ
3. ผู้ส่งออกต้องแสดงใบรับรองการฉายรังสีของศูนย์ฉายรังสีอาหารและผลิตผลการเกษตร สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ
เมื่อสินค้ามาถึงด่านตรวจแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร (Agriculture Specialist) ของกรมศุลกากรสหรัฐฯ และของหน่วยงานป้องกันชายแดน จะทำการตรวจสอบความสะอาดของผลไม้จากใบรับรองสุขอนามัยและฉลากสินค้าที่ติดอยู่ข้างกล่อง รวมถึงการสุ่มตรวจผลไม้เพื่อค้นหาแมลง หรือเชื้อโรคที่ได้ประกาศห้ามไว้ (target pests) หากตรวจพบ ผลไม้ดังกล่าวจะถูกส่งกลับทันที โดยไม่มีการกักกันไว้เพื่อฆ่าเชื้อโรค
ทั้งนี้ นับจากเดือนมิถุนายน ปี 2002 เป็นต้นมา กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้นำเข้าเงาะ ลำไย และลิ้นจี่ จากรัฐฮาวายเข้ามาสู่แผ่นดินใหญ่ได้ โดยผลไม้เหล่านั้นต้องผ่านกรรมวิธีการฉายรังสี (Irradiation) และกรรมวิธีอื่นๆ เช่นการอบด้วยอากาศร้อน (High temperature forced air), การอบไอร้อน (Vapor heat) และการแช่น้ำร้อน (Hot water) ด้วย แต่ผลไม้จากฮาวายมีน้อยและไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากนัก ดังนั้นการที่ผลไม้ไทยสามารถเข้ามาวางตลาดอเมริกาได้ จึงเป็นเรื่องที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยอย่างมาก
โดยที่ผ่านมา สหรัฐฯ อนุญาตให้มีการนำเข้าผัก-ผลไม้สดจากประเทศไทยเพียงไม่กี่ชนิด เช่นมะพร้าวอ่อน ขิง มะขาม และทุเรียน และมีการนำเข้าผลไม้แช่แข็ง เพียงสองชนิด คือมังคุดและทุเรียนเท่านั้น.
http://www.thaitownusa.com/frontnews/frmNews_View.aspx?NewsNo=0706000237