บนเส้นทางสายบุญ กูทำอย่างนี้ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ตอนนั้นที่วัดปลักแรต เขามีงานเหี้-อะไรสักอย่างจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเขาต้องการกระเทียม พระเขาก็มาขอเรี่ยไรแต่เสือกไม่มีใครให้ กูก็เลยต้องลงมาเสือกด้วยตัวเอง ปรากฏว่าพอลงมาแล้วได้ผล จากนั้นก็เลยทำมาเรื่อย
ชายผู้เป็นเทพบุตรในร่างซาตานเล่าย้อนถึงก้าวแรกบนเส้นทางสายคนบุญของตัวเอง
นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้วที่เขาตระเวนเข็นรถขอสิ่งของบริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลืองานบุญของทางวัดและผู้อื่นอยู่ไม่เคยขาด
ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นงานเพียงอย่างเดียวของเสรีในปัจจุบัน
มันเป็นงานที่ใช้ความน่าเชื่อถือเป็นทักษะ เอาความดีเป็นต้นทุน โดยได้ผลบุญเป็นเงินเดือน และมีความศรัทธาจากคนรอบข้างเป็นโบนัส
ทุกๆ วันเสรีจะต้องเปิดปฏิทินซึ่งเป็นตารางการทำงานประจำตัวออกดูว่าแต่ละวันมีโปรแกรมต้องไปช่วยเหลือใครที่ไหนบ้าง
กูเปิดปฏิทินดูทุกวันแหละ ว่าวันนี้มีคิวจะต้องไปเสือกให้วัดไหนหรืองานใครบ้าง อย่างนี่อีก 2 วันมีงานเผาศพอีห่านี่ เดี๋ยวกูก็ต้องไปเสือกล้างถ้วยล้างจานให้มัน เขาพูดด้วยใบหน้าถมึงทึง พลางชี้ให้ดูใบปฏิทินที่ถูกลงเวลานัดหมายด้วยลายมืออันบิดเบี้ยว แน่นอนว่าตารางงานแผ่นนั้นยากนักที่จะมีคนเข้าใจ นอกเสียจากผู้เป็นเจ้าของ
โดยปกติการเป็นตัวกลางในการเรี่ยไรสิ่งของใดๆ ก็แล้วแต่ มักจะทำกันด้วยความสุภาพเรียบร้อย รวมทั้งขึ้นอยู่กับผู้ให้เป็นสำคัญ
แต่สำหรับเสรี ความเป็นตัวของตัวเองแบบสุดขั้วทำให้วัฒนธรรมอันดีเช่นนี้ ไม่เคยมีอยู่ในสารระบบ
รูปแบบการบอกบุญของ วายร้ายแห่งบ้านโป่ง ไม่มีการพูดจาที่หวานหู ไม่แม้แต่จะโอนอ่อนผ่อนให้ผู้บริจาคเป็นผู้ตัดสินใจ หากใครก็ตามที่เขาเลือกหยุดรถตรงหน้าแล้วมีท่าทีปฏิเสธที่จะทำบุญ ผู้นั้นก็จะโดนกระหน่ำด้วยพายุแห่งการด่าทอจนขี้หูเต้นระบำ
ใครไม่ทำบุญกับกู กูด่าโคตรพ่อโคตรแม่แม่-งหมดแหละ กูถือว่ากูอุตส่าห์มาบอกบุญถึงที่ บุญอยู่ตรงหน้าแม่-งแท้ๆ แต่ยังเสือกไม่ทำกัน
ทำบุญน่ะมันต้องขึ้นอยู่ที่คนบอกโว้ย ไม่ได้อยู่ที่คนให้ ถ้าอยู่ที่คนให้ อีนั่นอยากให้ อีนี่ไม่อยากให้ แล้วเมื่อไหร่มันจะได้บุญได้ของกัน
ไอ้บุญนี่มันดีกว่าบาปหรือเปล่ากูไม่รู้หรอก แต่กูก็อยากให้มันทำกันทุกคน
นักบุญในคราบคนบาปบอกเล่าถึงสไตล์การทำงานที่ไม่ซ้ำแบบใคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษอย่างแท้จริง
บนเส้นทางสายบุญที่ยาวนานร่วม 40 ปี การที่คนคนหนึ่งซึ่งมีวิถีทางและความเป็นอยู่แตกต่างจากผู้คนทั่วไปแบบขาวกับดำ จะได้รับความร่วมมือและไว้เนื้อเชื่อใจจากชาวบ้านในการบริจาคทรัพย์ปัจจัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ
เสรีเองยอมรับว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการสั่งสมเครดิตอยู่พอสมควรกว่าที่จะมีวันนี้
ตอนแรกๆ คนเขาก็ให้ แต่เขาไม่ได้ให้เยอะเหมือนทุกวันนี้หรอก มาใหม่ๆ ใครเขาจะมาให้มึงที 2-3 คันรถ บางคนอยากให้เขาก็ให้ บางคนมันไม่ไว้ใจมันก็ไม่ให้
แต่ความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย คนไหนที่เขาสงสัยเขาก็ไปถามจากพระจากเจ้าอาวาส ว่าไอ้เหี้-นี่มันเอาของไปทำบุญ ไปถวายวัดจริงหรือเปล่า หลวงพ่อ หลวงพี่เขาก็บอกความจริงกับพวกมัน พอแม่-งหายสงสัยก็ถึงได้มาทำบุญกับกูกันมากขึ้นจนถึงวันนี้
ก้าวแรกบนเส้นทางอันยาวไกลไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆ เสมอ เนื่องจากมันไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ว่าก้อนกระดำกระด่างก้อนนี้มันคือทองคำแท้ๆ ไม่ใช่ทองก้อน
สำหรับเสรี ก้าวแรกบนเส้นทางสายบุญของเขา อาจเริ่มต้นด้วยความสงสัยเคลือบแคลง
แต่สิ่งเหล่านั้นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นความเชื่อมั่น และไว้วางใจในที่สุด
ที่สำคัญ
ความไว้เนื้อเชื่อใจนี้ยังคงงอกงามดีอยู่บนรากแห่งความดีจนถึงปัจจุบัน
บ้าหกสลึง หากความบ้าคือการใช้ชีวิตไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ของสังคม รวมทั้งการมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเกินปกติ เสรีย่อมเป็นคนบ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่คนอย่างเขาเป็นพวกบ้าชั้นดาวดึงส์
คนอย่างกูถึงจะบ้า แต่กูก็บ้าหกสลึง กูบ้าชั้นสูงโว้ย กูไม่ได้บ้าชั้นต่ำ ชายผู้มีแนวทางเป็นของตัวเองคำรามออกมาเสียงดัง
การเป็นคนบ้าชั้นสูงของเสรีสามารถพิสูจน์ได้จากสิ่งที่เขาทำอยู่ไม่เคยขาดในปัจจุบัน
ชายวัย 64 ปี บ้าบุญ บ้าในการช่วยเหลือผู้อื่น เขาบ้าแทบทุกอย่างที่เป็นความดี รวมทั้งใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยมิได้คิดที่จะอยู่นิ่ง
นอกเหนือไปจากเงินที่เก็บไว้เพื่อดูเล่น เสรียังมีของสะสมด้วยกันทั้งหมดอีก 5 อย่าง ได้แก่ ฝาขวด ทองเหลือง ทองแดง เศษเทียน และที่เปิดกระป๋องน้ำอัดลม
ฝานี่กูเก็บไว้ให้วัดเขาเอาไว้ปิดขวดน้ำมัน ส่วนทองเหลืองกับทองแดงกูเก็บไว้ให้เขาหล่อพระพุทธรูป ที่เปิดกระป๋องนี่ก็เหมือนกันกูสะสมไว้ให้เอาไปใช้ทำขาเทียม ส่วนไอ้เศษเทียนนี่กูเอาไว้ใส่กะละมังต้มรวมกัน แล้วเอาไปให้วัด เวลาเข้าพรรษาหรือมีงานบุญอะไร เขาจะได้เอาไว้ใช้ ไม่ต้องเสียตังค์ไปซื้อ
เศษเทียนพวกนี้กูเก็บเอามาหรือไม่ก็ขอซื้อเขาจากตามศาลเจ้า เวลาว่างๆ ไม่มีงานที่ไหน กูก็นั่งต้มแม่-งไปเรื่อยของกูคนเดียว
ว่ากันว่าคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไม่จำเป็นต้องประเมินด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เสรีอาจไม่ใช่คนที่กู้ชาติบ้านเมือง หรือพาประเทศไทยไปบอลโลก แต่กระนั้นความดีที่หมั่นทำอย่างไม่เคยว่างเว้น ก็ส่งผลให้ผู้ชายตัวดำๆอย่างเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างในตัวเองอยู่เสมอ
มันเป็นแสงสว่างที่ทำให้เขากลายเป็นคนบ้าชั้นสูง รวมทั้งมีคนยอมรับ แม้จะไม่ร่วมภาคภูมิใจไปในความบ้าของเขาก็ตามที
คนเรามันต้องภาคภูมิใจในตัวเอง อย่างกู กูก็พอใจในความเหี้- ความบ้าแบบเหนือชั้นของกู คิดดูเอาเองว่ามันเหนือชั้นหรือเปล่า ขนาดกูด่าชาวบ้านทั้งอำเภอ แต่แม่-งก็ยังเสือกมาทำบุญกับกู เสือกมาให้กูด่าอยู่เรื่อยๆ
เสรีเอ่ยถึงความเป็นคนบ้าหกสลึงของตัวเองด้วยแววตาที่ฉาบทาไปด้วยความพึงพอใจอยู่ลึกๆ
ภายใต้ความเหนือชั้นของการงานที่ดูเหมือนเป็นการออกปล้นมากกว่าการบอกบุญ โดยมีคำพูดอันหยาบคายเป็นอาวุธแทนปืนผาหน้าไม้ อีกมิติหนึ่งเราอาจมองเห็นการยินยอมพร้อมใจให้ความร่วมมืออย่างแปลกประหลาด
เหตุใดเหล่าคนที่ถูกเขาผรุสวาท ด่าทอเอา กลับยิ้มด้วยความยินดี พร้อมทั้งให้สิ่งของบริจาคด้วยความเต็มใจ
หรือแท้จริงแล้ว ในม่านแห่งความหยาบร้าย พวกเขาล้วนมองเห็นคนคนเดียวกัน
...นักบุญที่ใส่แค่กางเกงนักเรียนเก่าๆ ตัวเดียว กับรองเท้ายางอีกหนึ่งคู่
เสรีคนดีแห่งบ้านโป่ง หากคุณค่าความยิ่งใหญ่ของคนดูกันที่ผลของงาน ความยิ่งใหญ่ของชายอย่างเสรีก็คงดูได้จากทุกวันที่เขาเข็นรถไปเรี่ยไรทำบุญ
ชาวบ้านร้านตลาดต่างยินดีฝากปัจจัย และสิ่งของบริจาคมากมายลงในรถเข็นเก่าๆ ของเขา เหตุผลย่อมไม่ใช่เพราะว่ากลัวถูกด่าแน่นอน แต่เป็นเพราะว่าคนบ้านโป่งโดยมากรู้ดี และเชื่อสนิทใจว่าทำบุญกับเสรีไปถึงพระแน่นอน
ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการ เสรีต้องเดินเท้าเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยใช้เวลาในการออกเรี่ยไรเพียง 2-3 ชั่วโมง ทั้งของสด ของคาว ของหวาน อาหารแห้ง ปัจจัย ของกินของใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จะถูกนำลำเลียงใส่รถเข็นอย่างไม่ขาดสาย มากมายจนรถเข็นไม่พอขน ต้องเอารถกระบะมาถ่าย
โดยไม่ต้องให้เจ้าตัวยืนยัน ก็บอกได้ว่านี่คือความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้
เอาไหม... มึงลองเข็นไอ้รถนี่ออกไปแล้วไปขอชาวบ้านเขาดู หรือไม่ก็เดินไปบอกอีห่านี่ให้ลองทำอย่างกูดูก็ได้
คนบุญผิวเข้มสำรากจนนมกระเพื่อม พลางวาดนิ้วชี้ไปยังหญิงชราที่เดินอยู่บนถนน ก่อนสาวเท้าเดินออกไปท้าประลอง ซึ่งหญิงคนดังกล่าวได้แต่พูดหยอกล้อแล้วรีบเดินจากไป
ปัทโธ่!.. แม่-งก็ไม่กล้า มันไม่มีใครทำได้อย่างกูหรอก ถ้าแม่-งทำแล้วคนเขาให้ เขาไม่ด่ามันให้มากระทืบหน้ากูได้เลย
สิ่งที่เสรีพูดออกมาอาจฟังดูเหมือนเป็นการอวดเบ่ง แต่โดยแท้แล้วมันเป็นเรื่องจริงล้วนๆ เพราะอย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดา ต่อให้เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าสักหนึ่งคณะใหญ่ๆ ก็เป็นเรื่องยากที่จะเรี่ยไรจตุปัจจัยได้ในปริมาณเทียบเท่ากับเขาภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
คงเป็นเพราะการทำบุญอย่างแท้จริง ไม่เคยคิดที่จะยักยอกสิ่งของเพื่อนำไปทำประโยชน์ให้แก่ตนเอง จึงทำให้เสรีเป็นที่ไว้วางใจสนิทของผู้คนทั้งบ้านโป่ง
ซึ่งความชื่นชอบตรงนี้มีมากถึงขนาดที่ว่า เจ้าตัวสามารถนั่งกินข้าวได้แทบทุกร้านโดยไม่ต้องจ่ายสตางค์สักแดง ถือเป็นลูกค้าวีไอพีเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรติจากร้านอาหารเกือบทั้งอำเภอ
แถวนี้ถ้าวันไหนกูหิว กูเดินไปยัดห่าได้ทุกร้าน กูเดินไปนั่งเฉยๆ บอกจะทำส้นตีนอะไรมาให้กูก็ทำ เดี๋ยวแม่-งก็ทำมาให้กูยัดห่าเอง พอยัดห่าเสร็จกูก็เดินออกไป แม่-งก็ไม่เห็นมีใครว่าเหี้-อะไรสักคำ แต่กูไม่ค่อยไปยัดห่าอย่างนี้บ่อยหรอก ส่วนใหญ่ก็หาเอาตามวัด ตามงาน ที่ไหนมีให้ยัดห่าก็ไป
ถึงแม้จะเป็นขวัญใจของคนทั้งอำเภอ จนสามารถทำอะไรบางอย่างได้โดยที่ไม่มีใครหาความ แต่เสรีก็ไม่ได้คิดที่จะตักตวงอภิสิทธิ์ดังกล่าวจนเกินงาม
บ่อยครั้งที่มนุษย์สุดโต่งอย่างเขาเลือกที่จะพาตัวเองไปตกอยู่ในภาวะหนี้สิน เพียงเพราะไม่อยากรบกวนของของใครฟรีๆ
มันเป็นความรับผิดชอบของคนเป็นลูกหนี้ โดยที่บางครั้งคนเป็นเจ้าหนี้ยังไม่รู้เรื่อง
เมื่อก่อนกูเคยติดเงินร้านค้าในบ้านโป่งไว้หลายร้านเหมือนกัน ติดมั่วไปหมด เยอะสุดก็ประมาณ 2-3 หมื่น ตอนนี้ปลดหมดแล้ว
ไอ้เหี้-เจ้าหนี้พวกนี้มันไม่สนใจกูหรอก กูต้องเสือกไปตระเวนใช้มันเอง ก็กูไปถามแม่-งว่าติดอยู่เท่าไหร่ มันยังบอกไม่รู้แล้วแต่พี่ทิด บางทีกูแกล้งกวนส้นตีนบอกมันว่างั้นไม่ใช้นะ แม่-งยังเสือกบอกไม่เป็นไร ไม่ใช้ก็ไม่ใช้
กูเลยต้องโยนเงินให้เอง แล้วบอกให้นับดูก่อนจะได้หมดๆ กันไป ไอ้ชิบหายแม่-งก็ยังเสือกไม่นับ
สาเหตุจริงๆ ในการตกเป็นหนี้เป็นสินของ พี่ทิด แห่งบ้านโป่ง ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาแค่ต้องการนำอุปกรณ์ใหม่ๆ ดีๆ จำพวกเครื่องไฟ เครื่องบวช ให้วัด เพื่อคนอื่นจะได้ใช้จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่งงาน งานศพ ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เขายอมเอาตัวเองเข้าแลก แม้จะต้องมีภาระเพิ่มขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
เจ้าหนี้ส่วนใหญ่มิได้มีความกระตือรือร้นอยากจะได้เงินจากลูกหนี้อย่างเสรี ก็แน่นอนว่าไม่ใช่ไม่กล้าทวงเพราะกลัวถูกด่า แต่เนื่องจากพวกเขารู้ถึงเหตุผลและที่มาที่ไปเป็นอย่างดีว่า เพราะเหตุใดชายใจบุญคนนี้ถึงต้องมาเป็นหนี้พวกเขา
มิเพียงไม่สนใจทวงหนี้คืน เหล่าเจ้าหนี้ก็คงรู้สึกชื่นชมคนบ้าวัย 64 ปีผู้นี้เช่นเดียวกับชาวบ้านโป่งอีกหลายๆคนนั่นเอง
คนอะไรกล้าที่จะเอาความเดือดร้อนมาใส่ตัวเอง เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งความสุขของผู้อื่น
การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของ เสรี หอมมาก ช่างเป็นเรื่องให้น่าขบคิดเหลือเกินว่า แท้จริงแล้วระหว่างรูปกายภายนอก รวมทั้งคำพูดอันแสนหยาบคาย กับหัวใจ และสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น
...มนุษย์เราควรให้ความสำคัญในสิ่งใดมากกว่ากัน