http://www.naewna.com/news.asp?ID=57199พิษไฟพยาบาท ตัวย้อนทำลาย"ทักษิณ" (ผ่าประเด็นร้อน)
หลังจากที่โลว์โปรไฟล์ลดบทบาทของตัวเองไปช่วงหนึ่ง ล่าสุด ก็เกิดข่าวฮือฮาไปทั้งประเทศกับรายงานข่าวที่อ้างการเปิดเผยจากผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พลัดถิ่นสุดกลั้น เกิดเพลิงพยาบาทประกาศลั่นจะขอกลับมาเช็คบิลบรรดาแกนนำคณะมนตรีความมั่นคงแห่ชาติ(คมช.)ที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจตัวเองไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ปีที่แล้วและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)ขึ้นมาตรวจสอบ การทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ
ตามข้อมูลจากการเปิดเผยของแหล่งข่าวซึ่งเดินทางไปเยี่ยมอดีตนายกรัฐมนตรี ณ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดได้ถ่ายทอดคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประกาศด้วยอารมณ์พุ่งพล่านว่า "
ยังไงวันหนึ่งผมต้องกลับประเทศไทยแน่ ผมเป็นคนไทยไม่ยอมเร่ร่อนพเนจรไปประเทศนั้นประเทศนี้แล้วไปผูกคอตายอยุ่ที่ประเทศไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าผมกลับถึงประเทศไทยเมื่อไหร่ ผมเช็คบิลกับทุกคนแน่นอน "
คำพูดที่สะท้อนอารมณ์อันเดือดพล่านและอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ในใจตลอดเวลายังถูกถ่ายทอดอีกตอนหนึ่งว่า " สำหรับผมแล้วน้ำตาลูกผู้ชายไม่เคยไหล แต่ต้องมาไหลครั้งแรกเมื่อตอนมาส่งคุณหญิง(คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา)กลับประเทศไทยระหว่างที่ผมอยู่ที่บาหลี เพราะรู้ว่ากลับไปแล้วจะเจออะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งผมกอดคุณหญิงแล้วน้ำตามันก็ไหลมาเอง "
ก่อนหน้าที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวจะออกมาแสดงอาการฟิวส์ขาดครั้งนี้
นายพายัพ ชินวัตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นน้องชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเพิ่งจากเดินทางกลับจากการไปเยี่ยมให้กำลังใจพี่ชายในสายเลือด ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยการแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน โดยกล่าวอาฆาตมาดร้ายว่าหากมีโอกาสจะล้างแค้นเหล่าแกนนำคมช.ทั้งโคตร อาการเบรกไม่อยู่ของ 2 พี่น้องตระกูล"ชินวัตร"ข้างต้นสะท้อนนัยทางการเมืองหลายประเด็นด้วยกัน โดยประเด็นแรก เป็นสัญญาณที่บอกว่า ศึกขั้นแตกหักระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มอำนาจใหม่กำลังใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์เข้าไปทุกขณะ โดยจะมีตัวแปรสำคัญ 2 ตัวที่จะบ่งชี้แนวโน้มของสถานการณ์นั่นก็คือ การตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ของคตส.ที่งวดเข้าไปทุกขณะโดยหลายคนคาดว่าจะส่งฟ้องต่ออัยการหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ได้ในเดือน พ.ค.นี้ ขณะที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคดียุบพรรคไทยรักไทยในวันที่ 30 พ.ค.นี้
ในบรรดาคดีที่คตส.เตรียมส่งฟ้องอัยการนอกจากคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ถูกหล่าวหาในหลายคดีแล้ว ยังรวมถึงสมาชิกในครอบครัวชินวัตรไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงพจมาน และพี่ชายบุญธรรมคือ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งถูกชี้มูลความผิดในคดีซุกหุ้นและเลี่ยงจ่ายภาษีหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งคดี นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกชี้มูลความผิดฐานหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นมูลค่าหลายพันล้านบาท
ในประเด็นที่สอง อารมณ์ที่พุ่งพล่านของสองพี่น้อง "ชินวัตร" เท่ากับเป็นการสะท้อนว่าในจิตใจของอดีตนายกรัฐมนตรีเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความพยาบาทอาฆาตแค้นที่สุมอยู่เต็มอกจนถูกครอบงำโดยจิตฝ่ายต่ำจนหมดสิ้น และยังเป็นการส่งสัญญาณว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตั้งใจที่จะวางมือทางการเมืองเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในชาติจริงอย่างที่เคยประกาศผ่านสื่อทั้งของไทยและต่างชาติมาตลอด
ถ้าจะว่าไปแล้วชะตากรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวคงไม่มีใครปฏิเสธว่าน่าเห็นใจ แต่ความเห็นใจควรแยกแยะออกจากหลักแห่งความผิดถูกชั่วดีและหลักแห่งกฎหมาย โดยควร ควรปล่อยให้ดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมและกฎแห่งกรรม
แต่ที่สำคัญ
เพลิงอาฆาตพยาบาทที่สุมอยู่ในใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งเป็นการทำลายและปิดโอกาสตัวเองเพราะอย่าว่าแต่คิดกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง แม้แต่เดินทางกลับประเทศไทยดูแนวโน้มแล้วเห็นทีจะยากเพราะคมช.คงไม่ยอมถูกตามเช็คบิลแน่ และแม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะสามารถใช้อิทธิพลทางการเงินที่มีอยู่ผลักดันให้ตัวเองกลับมามีอำนาจอีกครั้งได้สำเร็จก็จะเกิดคำถามตามมา ว่าแล้วบ้านเมืองจะดำรงอยู่ได้อย่างไรภายใต้ผู้นำที่จิตใจเต็มไปด้วยไฟแห่งความพยาบาท
---------------
ตัวอย่างของการคิดจะล้างแค้นค่ะ สงสัยพวกไอ้เหลี่ยมไม่ได้ดู
BATMAN แต่มันดู
BADMAN