คตส.ส่งไม้ต่อให้สรรพากร เก็บภาษี โอ๊ค-เอม หมื่นล้าน [2 เม.ย. 50 - 20:00]
วันนี้ (2 เม.ย.) นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงภายหลังการประชุม คตส. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ที่ให้เรียกเก็บภาษีนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จากบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนต์ จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายให้กองทุนเทมาเสก ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทำให้มีกำไรกว่า 15,800 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2549
ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ กล่าวว่า สำหรับภาษีที่จะต้องเรียกเก็บ แบ่งเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นายพานทองแท้ จะต้องชำระ 2,845,681,856.74 บาท นางสาวพิณทองทา ต้องชำระ 2,845,534,320.96 บาท รวมทั้ง 2 คน ต้องเสียภาษี 5,691,216,177.70 บาท โดยบุคคลทั้ง 2 คน จะต้องชำระภายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย นอกจากนี้ ยังมีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งบุคคลทั้ง 2 คน ต้องรับผิดชอบในฐานะอดีตกรรมการบริษัท แอมเพิลริช และต้องนำส่งรวมเงินเพิ่มที่ชำระช้าอีก 4,884,513,341.85 บาท และต้องชำระภายในวันที่ 7 เมษายน ไม่เช่นนั้นจะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมทั้ง 2 ยอด เป็นเงิน 10,575 ล้านบาท นายวิโรจน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท แอมเพิลริช ถูกขายกิจการให้มาดามโรเกอร์ เกียง ชาวสิงคโปร์ ในราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 และมีสำนักงานอยู่ที่สิงคโปร์ แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการมาจ่ายภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนบริษัทฯ จำนวน 4,884 ล้านบาท คือ กรรมการบริษัทชุดเก่าในขณะที่ประเมินภาษี ซึ่งคือ นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา และขั้นตอนต่อไป ทาง คตส. จะส่งเรื่องไปให้กรมสรรพากรประเมินภาษีโดยเร็ว ซึ่งล่าสุดทราบว่า บุคคลทั้ง 2 คน ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีแล้ว แต่เป็นการขอคืนเงินภาษี ไม่ใช่เป็นการชำระภาษีเพิ่มเติม แสดงว่าไม่ได้ชำระภาษีในส่วนนี้ จึงเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะต้องเรียกเก็บให้ครบถ้วน โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อเดือน จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และหากไม่ชำระภายในกำหนดที่กรมสรรพากรประเมินไป อาจจะต้องถูกยึดทรัพย์ เว้นแต่มีการนำเอาหลักทรัพย์มาค้ำประกันไว้ก่อน โดยบุคคลทั้ง 2 คน มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้
ก่อนหน้านี้เคยมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับภาษีอากร เมื่อปี 2538 แล้วว่า หากบริษัทใดนำหุ้นไปแจกหรือขายพนักงานลูกจ้าง กรรมการหรือที่ปรึกษา โดยมีราคาต่ำกว่าราคาตลาด ย่อมถือว่าบุคคลนั้นมีเงินได้ต้องเสียภาษี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายกันในตลาดหรือนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งอนุกรรมการตรวจสอบฯ ก็เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยนี้ จึงให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจากนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ กล่าว
ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. กล่าวว่า
อนุกรรมการตรวจสอบฯ กำลังตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพิ่มอีก 2 ประเด็น คือ การพยายามหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งมีความผิดทางอาญา และกรณีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=42262คตส.ฟัน โอ๊ค-เอม จ่ายภาษีหมื่น ล.- ลั่นเบี้ยวเจอยึดทรัพย์ - ยัดคุก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2550 20:02 น.
...
ถ้าหากทั้งสองคนไม่ชำระเงินดังกล่าวให้ตรงตามกำหนดเวลา
อาจจะต้องถูกยึดทรัพย์ เว้นแต่จะมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน และวงเงินก็จะขยายขึ้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ นายวิโรจน์ ระบุ
...
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000038097เพียบ...