ส่งรายงานวิชาสังคม : กรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา โหราศาสตร์ การวางดวงเมืองค่ะ
ส่วนดวงศาลาว่าการยังไม่มีใครผูกนะคะ สงสัยเหมือนกันว่าเค้าดูกันหรือเปล่า
ลองมาทั้งดุ้นเลยค่ะ
http://www.lekpluto.com/index01/sub17.htm ดวงเมืองบางกอก หรือดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับการบรรจุเอาไว้ ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เวลา ๐๖.๕๔ น. โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงประกอบพระราชพิธียกเสาหลักเมือง บวงสรวงบูรพมหากษัตราธิราช ถูกต้องตามโบราณราชประเพณีทุกประการ ในพระราชพงศาวดารได้กล่าวถึงปาฎิหาริย์ขณะกำลังประกอบพิธีไว้ว่า ได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ "มีพระอาทิตย์ทรงกลด ถึง ๗ วัน ติดต่อกัน " ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการรับรู้รับทราบของบรรดาทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่เทวดาผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ตามคติของพราหมณ์ อาทิพระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ หรือคติของไทยได้แก่ พระอินทร์ พระยม ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ อันได้แก่ท้าวเวสสุวัณมหาราช ท้าวธตรฐมหาราช ท้าววิรุฬหกมหาราช และท้าววิรูปักษ์มหาราช และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ เทวดาพระเคราะห์ทั้ง ๘ อันได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ฯลฯ ตลอดจนเทพารักษ์ทั้ง ๕ อันได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลอง ต่างก็มาร่วมเป็นทิพสักขี อนุโมทนาสาธุการ ในพิธีการมงคล " ยกเสาเอก หรือเสาหลักเมือง" ของเมืองบางกอก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "เสาหลักประเทศไทย"
ทั้งนี้เนื่องจากกรุงเทพมหานคร ถือเป็นราชธานีหรือเมืองหลวงของไทยนั่นเอง เรื่องปาฎิหาริย์เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดนี้ จริงเท็จประการใดผู้เขียนไม่ขอยืนยัน แต่ที่แน่นอนและกล้ายืนยัน เพราะเห็นด้วยตาตนเอง ก็คือตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวงบูรพมหากษัตราธิราช สมโภชดวงเมืองรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ ในช่วงเช้าก่อนเที่ยง (ขออภัยที่จำเวลาบวงสรวงไม่ได้) ณ ปะรำพิธีมณฑลท้องสนามหลวง เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๐๐ ปี กรุงเทพมหานคร ขณะนั้นผู้เขียนกำลังชมการถ่ายทอดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจอยู่ที่บ้าน ในซอยวัดดีดวด ฝั่งธนบุรี ไม่ไกลจากท้องสนามหลวงเท่าใดนักโทรทัศน์ได้ถ่ายภาพ พระอาทิตย์ทรงกลดที่เกิดขึ้นขณะที่ทรงประกอบพระราชพิธี เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าสถานีโทรทัศน์ไม่ได้ใช้เทคนิคในการถ่ายทำ จึงได้ลุกออกมาดูพระอาทิตย์ที่นอกชายคาบ้าน ปรากฎว่า พระอาทิตย์ทรงกลดจริง ๆ ด้วย เรื่องนี้หากใครสงสัยว่าผู้เขียนจะ "ยกเมฆ" ขึ้นมา ลองหาวีดีโอเทปบันทึกภาพดังกล่าวดูได้ เชื่อว่าบางร้านที่ให้เช่าวีดีโอ คงจะเก็บเอาไว้บ้าง เพราะมีการจัดทำมาสเตอร์เทปออกจำหน่าย เป็๋นจำนวนไม่น้อยทีเดียว
เสาหลักเมืองต้นแรกที่ยกเอาไว้ในรัชกาลที่ ๑ ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวคู่กับบ้านเมืองของเรามาจนถึงรัชกาลที่ ๔ ปรากฎว่า "ศาลหลักเมือง" ชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงโปรดให้ทำองค์ศาล และหลักเมืองพร้อมทั้งบรรจุดวงชะตาเมืองเสียใหม่ เสร็จแล้วมีการสมโภชแผ่นพระฤกษ์ที่ได้บรรจุดวงชาตาพระนครลงซึ่งทำด้วยทองคำหนัก ๑ บาท แผ่กว้าง ๕ นิ้ว จารึกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส, กรมหมื่นบวรรังษี (ทรงผนวชเป็นพระราชาคณะวัดรังษี) และพระสงฆ์ราชาคณะอีก ๓ รูป รวม ๕ รูปได้เจริญพระปริตรเวลาจารึก ในวันอาทิตย์ เดือนอ้าย แรม ๙ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๑๔ หรือพุทธศักราช ๒๓๙๕
เสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
ดังนั้นหากท่านเข้าไปในศาลหลักเมือง ซึ่งปัจจุบันทำเป็นทรงจตุรมุข ท่านจะเห็นเสาหลักเมืองทั้งของเก่าและของใหม่ ต้นเล็กเป็นของเก่า ส่วนต้นใหญ่เป็นของใหม่ วางคู่กันอยู่ ในด้านทิศเหนือของศาลหลักเมืองจะมีหอพระ ติดกับประตูทางเข้าประตูเล็ก ยกเป็นศาลาทรงไทย ยกพื้นสูงประมาณ ๑ เมตร มีบันไดทางขึ้น ๒ ด้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ภายในประดิษฐานพระปางประจำวันเกิด พระสยามเทวาธิราช (จำลอง) และพระเสี่ยงทาย ซึ่งพระเสี่ยงทายนี้เป็นของเก่าแก่คู่ศาลหลักเมืองมานาน ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีมาแต่ยุคสมัยใด เป็นพระที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก หน้าตักกว้างประมาณ ๑ ฟุต สูงประมาณ ๑ ฟุตกว่า ๆ ไม่ใหญ่และไม่หนักมากคติความเชื่อมีอยู่ว่า "ถ้าคนใดเข้าไปไหว้พระเสี่ยงทายแล้ว อธิษฐานขอพรอันใดแล้วถ้าสิ่งที่อธิษฐาน หรือบนบาน สำเร็จหรือได้ผล ก็จะยกพระเสี่ยงทายขึ้นแต่ถ้าสิ่งที่อธิษฐานบนบานไม่สำเร็จลุล่วงก็จะยกพระเสี่ยงทายไม่ขึ้น"
ซึ่งเรื่องนี้ถ้าว่ากันตามหลักการและเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือน่าเชื่อถือเท่าไรนัก แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ผู้เขียนเองไปทีไร ชอบที่จะอธิษฐานบนบานขอพรให้สำเร็จและยกพระเสี่ยงทายทุกครั้ง และก็ยกขึ้นทุกครั้งเสียด้วย ส่วนผลของคำอธิษฐานจะออกมาในรูปไหน สำเร็จสมหวัง หรือผิดหวังนั้น ช่างมันเถอะครับ ที่ทำลงไปก็เพื่อเสริมขวัญและกำลังใจ ในอันที่จะต่อสู้กับกระแสชีวิตในโลกที่เชี่ยวกราก ให้รอดพ้นไปวัน ๆ มันก็เท่านั้นเอง
นอกจากหอพระที่อยู่ทางด้านทิศเหนือซึ่งมีพระประจำวันเกิด พระเสี่ยงทายและองค์พระสยามเทวาธิราช จำลองแล้ว ในด้านทิศตะวันออกของศาลหลักเมือง จะมีศาลเทพารักษ์ทั้ง ๕ ซึ่งประดิษฐานเทวรูปสำคัญ คู่บ้านคู่เมือง อันได้แก่พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลอง อันเป็นที่เคารพสักการะบูชาอย่างสูงยิ่งของพระมหากษัตริย์และประชาชนทั่วไปทั้งแผ่นดิน จะถือได้ว่าเป็นเทพบริวารขององค์พระสยามเทวาธิราชก็ว่าได้ ในการพระราชพิธีต่าง ๆ จะต้องมีการอัญเชิญองค์พระสยามเทวาธิราช และเทพารักษ์ทั้ง ๕ ให้มาประทับในพระราชพิธี เป็นทิพสักขี เพื่อความเป็นสิริมงคลสวัสดีในการประกอบพระราชพิธีทุกครั้งไป