ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-11-2024, 11:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ครม.ตั้งองค์กรพิเศษบริหาร TITV 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ครม.ตั้งองค์กรพิเศษบริหาร TITV  (อ่าน 1349 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 13-03-2007, 16:01 »

ครม.ตั้งองค์กรพิเศษบริหารTITV

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ครม. มีมติให้ตั้งองค์กรพิเศษบริหารงาน ทีไอทีวีโดยให้กรมประชาฯ เป็นผู้ดูแล ให้กพร.ไปร่างระเบียบรองรับ พร้อมให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำประชาพิจารณ์"ทีวีเสรี"ใน1 เดือน ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้อัยการสูงสุดรับผิดชอบ

คุณหญิง ทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการคลื่นยูเอชเอฟ ระบุ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ทางกรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการพิจารณาจัดรูปแบบการบริหารสถานี โทรทัศน์ทีไอทีวี ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอต่อ ครม. วันนี้ ส่วนรูปแบบการบริหารจัดการได้มีการตั้งหน่วยงานบริหารพิเศษเฉพาะกิจขึ้นมาเป็นผู้ดูแล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ บริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ.2548 ก่อนที่จะเสนอให้สำนักงานพัฒนาระบบราชการหรือ กพร. เป็นผู้พิจารณาซึ่งในวันพรุ่งนี้ กพร. จะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการ โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ส่วนการดำเนินกับอดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวีนั้น มอบหมายให้ ทาง สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบ

คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า สำหรับรูปแบบบริหารจัดการองค์กรนั้น เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ระบุให้เป็นไปตามการจัดการของสปน. ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง สปน.ก็ได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ดูแล

รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยืนยันว่างบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ ของทีไอทีวีขณะนี้ไม่ได้เป็นงบประมาณที่ได้จากรัฐบาลแต่เป็นเงินที่ได้จากค่าโฆษณาที่ได้จากผู้ผลิตรายการ ที่ผลิตรายการให้กับทีไอทีวีขณะนี้ เท่านั้น

http://www.posttoday.com/topstories.php?id=153861

วิธีแก้ปัญหา กรณี TiTV จากครม ในวันนี้
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 13-03-2007, 16:03 »

ทีดีอาร์ไอเสนอรัฐแปลงทีไอทีวีเป็นสื่อสาธารณะ 
15:22 น.

ทีดีอาร์ไอเสนอรัฐแปลงทีไอทีวีเป็นสื่อสาธารณะ เผยผลการศึกษาต้นทุนต่ำ-สร้างหลักประกันความเป็นทีวีเสรี โดยออกพระราชกฤษฏีกาจัดตั้งเป็นหน่วยงานสังกัดสำนักนายกฯ แนะ “นายกรัฐมนตรี” เร่งประกาศเป็นวาระแห่งชาติด้านการปฎิรูปสื่อ-จัดตั้งทีวีสาธารณะเพื่อเด็กและครอบครัว จะเกิดผลเร็วที่สุด
 
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=248021&lang=T
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 13-03-2007, 16:19 »

แปลงวิกฤติ เป็นโอกาส
บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-03-2007, 17:27 »

แปลงวิกฤติ เป็นโอกาส

กลัวจะต้องแปลงวิกฤติเป็นโอกาศกับ รสพ. อีกอ่ะดิ๊
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 13-03-2007, 17:51 »

พวกทนายกระไดล่อที่ไปยื่นร้องตรวจสอบที่ คตส.  คงหัวทิ่มกันเป็นแถว

เขี้ยวที่สุด คือ "พรรคข้าราชการ" บอกแล้วว่าถ้าพวกนี้ แพ็คทีม นักการเมืองยังต้องแหยง
บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-03-2007, 19:44 »

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย จาก TDRI ให้สัมภาษณ์ ทาง FM 105 ว่ามติครมวันนี้ไม่ได้แก้ปัญหา iTV ยังไม่เป็นนิติบุคคล

FM 92.25 วีระ สมความคิด + อดีตสว การุณ ใสงาม บอกว่า มติครมวันนี้ นอกจากไม่ได้แก้ปัญหา แล้วยังสร้างปัญหาใหม่ตอกย้ำปัญหาเดิม พร้อมชี้ทางออก ให้นายกขอโทษ พร้อมยกกรณี อดีตปปชขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองเป็นตัวอย่าง

ครม.แก้แห! พลิกบริหารไอทีวีแบบพิเศษ-ใช้เครดิตเงินผ่อน
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000029203



*** ยังต้องลุ้นกันอีก  ถ้ารัฐบาลแก้ไม่ดีแย่เอาง่ายๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2007, 20:14 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
noppon
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165



« ตอบ #6 เมื่อ: 14-03-2007, 12:50 »

แก้ปัญหารายวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เปลี่ยนอีก ไม่รู้จะมีอีกกี่พิเศษ อีกกี่องค์กร
บันทึกการเข้า

สมาชิกลำดับที่ #71 ครับ
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #7 เมื่อ: 14-03-2007, 13:23 »

มือนึงก็จะอุ้ม อีกมือนึงก็จะตี ชาวบ้านงง ไม่รู้จะเอาไงแน่

ลำพังแค่เอาหลังไปพิงกับกฤษฎีกา ถึงตอนมีเรื่องมีราวจริง ๆ ไม่พอนะครับท่านนายก

มติ ครม. ก็ไม่ใช่ว่าจะไหญ่ไปกว่ากฎหมายนะครับ

ทำตามกฏหมาย ปลอดภัยที่สุดครับ กฏหมายจัดซื้อจัดจ้างก็เขียนไว้ชัดเจน เดินไปให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องลำบากทีหลัง คนที่ฟ้องท่านก็รอถอนฟ้องอยู่ จะทำอะไรก็รีบทำ

ตอนนี้ TITV ออกอากาศกินค่าโฆษณาฟรี ๆ ระหว่างรอความชัดเจนมาหลายวันแล้ว รายได้ตรงนี้จะเอายังไง ขืนปล่อยไว้นานจะมีปัญหาหนักกว่านี้

ขึ้นศาลตอนแก่ ไม่สนุกนะครับ
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 14-03-2007, 20:57 »

ตั้งหน่วยบริหารรูปแบบพิเศษเข้าบริหารทีไอทีวี "ทิพาวดี"ตั้งกรรมการอิสระฟังความเห็น ปชช.

ก.พ.ร.มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงโครงสร้างกรมประชาฯ จัดตั้งหน่วยบริหารรูปแบบพิเศษ"เอสดียู"เข้าบริหาร ทีไอทีวี ระบุมีลักษณะเฉพาะกิจหรือชั่วคราว "จุลยุทธ์-ปราโมช" ต้องไปทำการบ้าน ก่อนเสนอ ครม.พิจารณาตามขั้นตอนหากมีมติเห็นชอบจึงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปลัด สปน. ระบุเก็บค่าโฆษณาเดือนละ 100 ล้านใช้ในกิจการของทีไอทีวี

ทำเนียบรัฐบาล - 14 มี.ค.-- ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)ว่า เมื่อเวลา 09.30 น.นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุม ก.พ.ร. โดยมีคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. นายชัยอนันต์ สมุทรวนิช กรรมการ ก.พ.ร. ร่วมประชุม ทั้งนี้นายจุลยุทธ์ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมประชุมในวาระที่เกี่ยวข้องด้วย

ภายหลังการประชุม คุณหญิงทิพาวดี นายจุลยุทธ์ และนายทศพร ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายทศพร กล่าวว่า ที่ประชุม ก.พ.ร.มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงโครงสร้างกรมประชาสัมพันธ์ และเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งหน่วยบริหารรูปแบบพิเศษ(เอสดียู)ขึ้น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ก.พ.ร. ได้พิจารณาว่า การที่จะจัดตั้งหน่วยงานบริหารรูปแบบพิเศษจะต้องมีภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ เสียก่อนจึงจะจัดตั้งหน่วยงานรูปแบบพิเศษได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีขั้นตอนที่กรมประชาสัมพันธ์จะต้องมีการกำหนดภารกิจให้ชัดเจน

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์รับผิดชอบบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ เหตุนี้กรมประชาสัมพันธ์จึงต้องปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงของกรมประชาสัมพันธ์ ให้มีความชัดเจนในการดำเนินการบริหารสถานีฯ โดยเรื่องนี้ ก.พ.ร.จะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 19 มี.ค.เวลา 15.30น .เพื่อสรุปขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากมีเงื่อนไขบางอย่างจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ.2548 ฉะนั้น นายจุลยุทธ์และนายปราโมช ต้องไปทำการบ้านมาให้ถูกระเบียบดังกล่าว ก.พ.ร.จึงจะสามารถตัดสินใจในขั้นสุดท้ายได้ ก่อนที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณาตามขั้นตอน และหาก ครม.เห็นชอบก็จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา

เมื่อถามว่า ลักษณะของหน่วยงานที่จะตั้งขึ้นจะเป็นอย่างไร นายทศพรกล่าวว่า ลักษณะของหน่วยงานดังกล่าวจะอยู่รายละเอียดที่กรมประชาสัมพันธ์จะเสนอเข้ามาในวันที่ 19 มี.ค.โดยหน่วยงานนั้นจะมีลักษณะเฉพาะกิจหรือชั่วคราวเท่านั้น เพื่อให้การดำเนินการสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยหน่วยงานลักษณะนี้ที่เห็นได้ชัด 2-3แห่งเช่น โรงพิมพ์สำนักงานเลขาธิการ ครม. ที่ได้แปรสภาพเป็นสำนักพิมพ์ของ ครม.ไปเรียบร้อยแล้ว โดยหน่วยงานนั้นก็มีความคล่องตัว เพราะไม่ได้ใช้ระเบียบของส่วนราชการในรูปแบบเดิมๆ

เมื่อถามว่า ระยะเวลาในการทำงานของหน่วยงานเฉพาะกิจนี้จะทำงานนานเท่าใด นายทศพรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน ส่วนใหญ่เมื่อมีกฎหมายใหม่ คำวินิจฉัยเพิ่มเติม หน่วยงานนี้ก็คงจะต้องยกเลิกไปโดยปริยาย เมื่อถามว่า หน่วยงานนี้จะมีกาบริหารงานโดยอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์หรือคณะกรรมการ นายทศพรกล่าวว่า สามารถทำได้ทั้งสองแบบ แต่การจากที่จัดตั้งขึ้นมาสองหน่วยงานคือ โรงพิมพ์สำนักเลขาธิการครม.และสถาบันบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของ ก.พ.ร.ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารที่มีไม่เกินห้าคน กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันคงต้องแนะนำกรมประชาสัมพันธ์ว่าควรจัดตั้งให้เป็นคณะกรรมการบริหาร

เมื่อถามว่า จะเป็นคณะกรรมการชุดใหม่หรือเป็นคณะกรรมการชุดที่คุณหญิงทิพาวดีเป็นประธาน นายทศพรกล่าวว่า ต้องคณะกรรมการตั้งขึ้นมาใหม่ เมื่อถามว่าอำนาจการกระทำนิติกรรมจะเป็นของใคร นายทศพรกล่าวว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะต้องมอบอำนาจให้กับผู้อำนวยการสถานีทีไอทีวี

เมื่อถามว่า หน่วยงานนี้จะสังกัดกรมประชาสัมพันธ์และจะมีอิสระในการบริหารงานหรือไม่ นายทศพรกล่าวว่า การทำงานในรูปแบบพิเศษไม่ได้เป็นนิติบุคคลที่แยกออกไปเพราะระเบียบสำนักนายกฯระบุชัดเจนว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานต้นสังกัด ในที่นี้หมายถึงกรมประชาสัมพันธ์

เมื่อถามว่า ระหว่างที่ทีไอทีวีเป็นหน่วยงานเอสดียู รายได้ต่างๆจะจัดการอย่างไร นายทศพรกล่าวว่า ตามระเบียบสำนักนายกฯนั้น กระทรงการคลังได้ออกระเบียบว่า เงินรายได้ที่ได้รับจากการให้บริการทั้งปวงของหน่วยงานเอสดียูสามารถเก็บไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยไม่ต้องส่งให้กระทรวงการคลัง

เมื่อถามว่า การจ้างพนักงานจะเป็นไปในรูปแบบใด นายทศพร กล่าวว่า โดยหลักผู้บริหารของหน่วยเอสดียูใหม่จะต้องจัดทำระเบียบสำคัญๆ 4 ระเบียบ คือระเบียบบริหารทั่วไป ระเบียบพัสดุ ระเบียบการเงินและระเบียบการบริหารงานบุคคล ซึ่งหน่วยงานพิเศษตรงนี้จะต้องมีระเบียบการบริหารงานบุคคลขึ้นมา รองรับว่าจะสรรหาบุคลากรมาจากที่ใด เงินเดือนจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของบอร์ดใหม่และผู้บริหารทีไอทีวี

เมื่อถามว่าสถานะของพนักงานทีไอทีวีจะเป็นอย่างไร นายทศพรกล่าวว่า จะไม่ใช่ข้าราชการแต่จะเป็นพนักงานของหน่วยเอสดียู

เมื่อถามว่า เอสดียูจะมีอำนาจการทำงานย้อนไปถึงวันที่ 7 มี.ค.หรือไม่ นายทศพรกล่าวว่า ราชกิจจานุเบกษาประกาศบังคับใช้ในวันใด ก็ถือว่าเริ่มต้นในวันนั้น

เมื่อถามว่า แต่การดำเนินการของทีไอทีวีตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.-ปัจจุบัน จะถือว่าเป็นหน่วยงานใด นายทศพร ไม่ตอบคำถามนี้แต่มอบให้นายจุลยุทธ์ ตอบคำถามนี้แทนว่า คำสั่งของศาลปกครองกลางได้คุ้มครองชั่วคราว จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้ต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อสัญญาเรื่องการส่งมอบทรัพย์สินที่ไอทีวีต้องส่งมอบให้ สปน.ภายใน60วัน แต่เมื่อยังไม่มีการส่งมอบ ตามหลักของกฎหมายแล้วไอทีวีต้องรับผิดชอบ ส่วนรายได้ที่นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.เป็นต้นมานั้น ต้องตัด เพราะในหลักการแล้วรายได้ตรงนี้จะเป็นของรัฐ ซึ่งต้องใช้กฎหมายเข้ามาช่วย

เมื่อถามว่า ทีไอทีวีจะมีโฆษณาได้หรือไม่ นายทศพรกล่าวว่า ตรงนี้เป็นนโยบายของผู้บริหาร แต่โดยหลักแล้ว เอสดียูจะไม่แสวงหากำไร เพราะหน่วยงานภาครัฐจะไม่แสวงหากำไรได้ แต่จะต้องทำหน้าที่ให้บริการหน่วยงานแม่ ด้วยเหตุนี้กรมประชาสัมพันธ์ต้องกำหนดเงื่อนไขว่า ทีไอทีวีจะต้องทำอะไรบ้าง จะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานแม่กับเอสดียู

เมื่อถามว่า รายได้จากการโฆษณาจะส่งให้ใคร นายทศพร กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีรายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารของเอสดียู ที่จะเป็นผู้กำหนดว่าจะไม่มีโฆษณาเลยหรือจะมีได้กี่เปอร์เซ็นต์และขึ้นอยู่กับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ด้วยเพราะเป็นผู้ให้นโยบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นคุณหญิงทิพาวดี ได้ยกระเบียบกระทรวงการคลังมาอธิบายว่า รายได้ที่ได้รับจากการให้บริการทั้งปวงของเอสดียูนั้น โดยกระทรวงการคลังได้ตอบมติที่เกี่ยวกับเรื่องรายได้ว่าหน่วยบริการเอสดียูสามารถเก็บรายได้จากการให้บริการไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เงินสำรองเพื่อการลงทุนและเงินสำรองอื่นๆเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของเอสดียู โดยไม่ต้องนำรายได้ส่งเข้าคลัง ถือเป็นข้อปฏิบัติตามข้อบังคับขงกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินรายได้ของหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษพ.ศ.2548 ฉะนั้นหน่วยงานดังกล่าวจะไม่ใช่หน่วยราชการและไม่แสวงหากำไรแต่เจตนาตรงนี้คือเพื่อดำเนินกิจการสาธารณะที่รัฐจำเป็นต้องดำเนินการ โดยมีความยืดหยุ่นในการเก็บค่าธรรมเนียมหรือรายได้จากการดำเนินการ ฉะนั้นจึงมีความชัดเจนว่าเงินในการบริหารหน่วยงานนี้ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแต่จะใช้รายได้ที่เกิดขึ้นเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการ สิ่งสำคัญคือหน่วยงานนี้จะไม่แสวงหาผลกำไรและไม่ดำเนินการในเชิงธุรกิจ

เมื่อถามว่าเงินก้อนแรกที่จะนำมาดำเนินการทีไอทีวีจะมาจากไหน คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว และต้องรอให้ ครม.มีมติแต่งตั้งหน่วยงานนี้ก่อน โดยในวันที่ 20 มี.ค.น่าจะมีความชัดเจน

ภายหลังการแถลง นายทศพร ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งองค์กรดังกล่าวว่า การที่กรมประชาสัมพันธ์ เสนอเรื่องนี้เข้ามา เนื่องจากต้องการจะมีหน่วยงานในระบบ SDU เพราะจะสามารถบริหารได้ดีกว่า ซึ่ง ก.พ.ร. เห็นว่า น่าจะทำได้ แต่อย่างไรก็ตามทางกรมประชาสัมพันธ์จะต้องเร่งทำตามกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน หลังจากที่ ครม.มอบหมาย โดยจะต้องไปทำหลักฐานให้มีภารกิจว่ากรมประชาสัมพันธ์จะทำภารกิจอะไร

“แต่ SDU จะมีผลตั้งแต่ ครม.เห็นชอบ และประกาศในพระราชกฤษฎีกา ดังนั้นการที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเดิม ได้ออกอากาศตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 7 มี.ค.เป็นต้นมานั้น SDU จึงไม่มีผลที่จะเข้ามาดูย้อนหลัง”นายทศพรกล่าว

เมื่อถามว่า มติดังกล่าวเห็นชอบมาจาก ครม.แล้ว แต่เหตุใด ที่ประชุม ก.พ.ร.จึงยังไม่ให้ กรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเลย นายทศพร กล่าวว่า ต้องมีเอกสารการมอบหมายที่ชัดเจนส่งมายัง ก.พ.ร.ก่อน และกรมประชาสัมพันธ์ ก็จะต้องทำเอกสารชัดเจนส่งมายัง ก.พ.ร. ด้วย

นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตอนนี้อยู่ในชั้นดำเนินการของพนักงานและไอทีวีเดิม ซึ่งเราไม่สามารถเข้าได้ ดังนั้นจึงจะเป็นเงินหมุนเวียนที่เขาจะนำไปใช้ได้ตลอดจนกว่าจะต้องเป็นหน่วยงานขึ้นมา แต่ว่าเงินที่เป็นกำไรจะต้องตัดมาเป็นของรัฐ โดยการเจรจาระบบเครดิตกับภาคเอกชนที่ทำรายการในสถานทีไอทีวีนั้น เอกชนก็ให้ความร่วมมือดี และเราก็คุยกับเขาแล้ว

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า มีเงินหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายภายในสถานีไอทีวี นายจุลยุทธ กล่าวว่า เท่าที่ดูจากการเช่าเวลามีค่าโฆษณาตกประมาณเดือนละ 100 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินตรงนี้มาใช้ในกิจการของทีไอทีวี โดยตัวเลขเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเช่าเวลาที่เราได้ดูทั้งหมด เบื้องต้นดูจากเดือนมีนาคม โดยเริ่มดูตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่เป็นวันยกเลิกสัญญาก็รู้แล้วว่า มีตัวเลขเท่าใด ทั้งนี้หากจะแปลงเป็นโครงการเอสดียูแล้วจะนำเงินไปลงทุนเบื้องต้นอย่างไรนั้น ยืนยันว่าจะไม่นำเงินงบประมาณไปลงทุนอะไร สำหรับค่าใช้จ่ายพนักงานนั้นก็จะให้ข้าราชการไปบริหารแบบผสมผสาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่เป็นสุญญากาศก่อนที่จะเกิดหน่วยงานเอสดียู การบริหารงานลักษณะเครดิตจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายจุลยุทธ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเท่าที่ได้เจรจากับผู้แทนของพนักงาน ผู้ผลิตรายการต่าง ๆ เขาก็พร้อมใจให้ความร่วมมือ โดยกิจการที่เราทำความเข้าใจ อาทิ การเช่าออกอากาศ การโฆษณา บางทีมันต้องมีการจ่ายล่วงหน้า เงินส่วนนี้ก็สามารถนำมาทดรองจ่ายได้อยู่แล้ว ความจริงกระบวนการตรงนี้รัฐยังไม่เข้าไป เนื่องจากยังไม่ได้รับมอบทรัพย์สินต่าง ๆ

“โดยกระบวนการจะต้องเป็นเรื่องของไอทีวีเดิมหรือพนักงานเขาจะดำเนินการ เมื่อมีการตัดขาดตรงนี้เขาก็ต้องใช้งบของเขาดำเนินการ ซึ่งความจริงมีการตัดขาดตั้งแต่วันเลิกสัญญา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ตรงจุดนี้กำไรต่าง ๆ เราต้องนำมาดู โดยจะมีการตรวจสอบบัญชีและทรัพย์สินทั้งหมด ตรงนี้ถือว่ากำไรต่าง ๆ เป็นของรัฐแล้ว ต้องใช้กฎหมายเข้าไปกำกับด้วยเพื่อนำเงินส่วนนี้เข้ามาดำเนินการทั้งหมด”นายจุลยุทธ กล่าว

ปลัด สปน. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการเรียกร้องค่าเสียหายต่อกรณีที่ไอทีวียกเลิกสัญญาเช่าตึก ทรัพย์สินอื่น ๆ ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ตลอด ซึ่งสำนักงานอัยการฯ ได้ขอคำยืนยันในเรื่องที่จะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการหรือจะดำเนินการทางศาล โดยยืนยันแน่นอนว่าต้องดำเนินการส่งฟ้องศาล โดยจะทำหนังสือยืนยันในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ต้องเพิ่มข้อมูลในเรื่องทรัพย์สินที่จะฟ้องร้องไปให้ อสส.รับทราบด้วย สำหรับกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินนั้นได้มีการตรวจสอบประจำปีของคณะอนุกรรมการฯ ที่มีอยู่เดิม ซึ่งการตรวจล่าสุดเมื่อสิ้นเดือน ธ.ค.49 ก็พบว่า ตัวเลขของทรัพย์สินไม่ตรงกันโดยขาดไปประมาณ 500 ล้านบาท จึงทำเรื่องสงวนสิทธิ์ไปแล้ว

นายจุลยุทธ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามมีคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินอีกชุดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยกรมบัญชีกลาง กรมธนารักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทไอทีวีอีกครั้ง สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีที่เอกชนยกเลิกสัญญาเช่าทรัพย์สินนั้นจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งก่อนจึงจะสามารถสรุปได้

ผู้สื่อถามว่า การยกเลิกการเช่าอาคาร สัญญาณดาวเทียมนั้นจะทำให้เกิดปัญหาในการออกอากาศหรือไม่ นายจุลยุทธ กล่าวว่า ในแง่ของการออกอากาศไม่มีปัญหา เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องของพนักงานไอทีวีเดิม ที่ผู้ผลิตรายการเขาดำเนินการอยู่ เท่าที่ได้ประสานงานก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่มีการออกอากาศโดยใช้อาคารเอกชนนั้นยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะถือว่ามีคำสั่งศาลคุ้มครองอยู่แล้ว และขณะนี้ผู้ประกอบการและพนักงานก็มีการเจรจากันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาคารหรือสัญญาณดาวเทียม ยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่ถูกฟ้องภายหลังอย่างแน่นอน เนื่องจากคำสั่งศาลถือว่าคุ้มครองอยู่ ส่วนเรารอเพียงว่าจะเข้าไปได้เท่านั้น เมื่อเข้าไปแล้วก็จะมีการสานต่อ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนไปร้องเรียนถึงการทำงานของรัฐบาลและ สปน.กับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) นายจุลยุทธ กล่าวว่า ต้องรอดูก่อนว่าเขากล่าวหาเรื่องอะไร เพราะยังไม่รับหนังสืออย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ทราบ ซึ่งตนก็ได้รับข้อมูลจากสื่อเท่านั้น

นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงว่า “ผมจะขอชี้แจงภายหลังจากที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงแล้ว ผมขอพูด after คุณหญิง”

*"ทิพาวดี"เผยตั้งกก.อิสระฟังความเห็นปชช.ถึงรูปแบบไอทีวี*


เมื่อเวลา 16.30 น. คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ เกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ปัญหาสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีว่า การประชุมในช่วงเช้าวันนี้ที่ก.พ.ร. ตนได้รายงานให้นายกฯรับทราบแล้วว่า รูปแบบเอสดียูของทีไอทีวี จะเป็นไปแบบชั่วคราว

เมื่อถามว่า การหารือกับตัวแทนสื่อมวลชนในช่วงเย็นวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปอย่างไร คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า เป็นการหารือและรับฟังความเห็นต่างๆ เพื่อนำไปวางแผนการจัดรูปแบบองค์กรและอนาคตของทีไอทีวี เพราะรัฐบาลมีเจตนารมณ์ว่า จะรักษาเจตนารมณ์การก่อตั้งสถานีทีไอทีวี ว่าต้องเป็นทีวีเสรี และเป็นทีวีสาธารณะ ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการอิสระไปรับฟังความเห็นประชาชน นักวิชาการต่างๆ และข้อเสนอล่าสุดของนายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอด้วยว่า ต้องการให้ทีไอทีวีเป็นอย่างไร หากการทำงานเป็นไปอย่างคู่ขนาน ก็จะทำงานได้รวดเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 12.00 น.นายกฯได้เรียกนายธีรภัทร์และคุณหญิงทิพาวดี มาหารือเรื่องการแบ่งงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า และนายกฯยังเรียกผู้ว่าฯททท. มาหารือเรื่องการจัดงานความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 120 ปี เพราะในช่วงต้นเดือนเม.ย.นายกฯจะเดินทางไปญี่ปุ่น 5 วัน
 
http://www.komchadluek.net/2007/03/14/a001_98499.php?news_id=98499
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
หน้า: [1]
    กระโดดไป: