ฤๅเป็นเพราะตะกวดย่อมไม่ไล่จับตะกวดด้วยกันเอง?รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ตื่นตัวปราบทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร?
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นี่ย่อมเป็นข้อหาหนักหน่วงและรุนแรงยิ่ง หากเป็นจริงอย่างที่ คุณแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ออกมาพูดในที่สาธารณะหลายครั้งด้วยน้ำเสียงของคนที่ค่อนข้างจะผิดหวังกับรัฐบาล "ขิงแก่" ที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้แสดงความขึงขังเอาจริงเอาจังกับการเปิดโปงเรื่องโกงกินของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อันเป็นหนึ่งใน 4 เหตุผลหลักของการปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน
หรือนี่เป็นการ "วางตัว" และจัดลำดับความสำคัญไม่ถูกของทั้ง คมช. รัฐบาล และ คตส.ที่แยกไม่ออกว่า บทบาทของใครคืออะไรในการจับคนฉ้อฉลมาลงโทษ?
คงไม่มีใครบอกว่า นายกฯ สุรยุทธ์ไม่เห็นความสำคัญของการปราบคนโกง
แต่เมื่อไม่เห็นการลงมือลงไม้อย่างจริงจังของผู้นำคนปัจจุบันในเรื่องนี้ อีกทั้งรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลก็ไม่ได้สำแดงความกระตือรือร้นในประเด็นนี้เพียงพอ จึงทำให้เกิดความเข้าใจอย่างที่คุณแก้วสรร และหลายคนใน คตส. เข้าใจ...
นั่นคือ "เอ๊ะ หรือนี่คือเกียร์ว่างของขิงแก่?"เพียงแต่สงสัยว่า รัฐบาลชั่วคราวชุดนี้ที่อาสามาทำงานหลังปฏิวัติไม่มีความมุ่งมั่น ที่จะ "ชำระสะสาง" ความชั่วร้ายของรัฐบาลเก่า ก็ทำให้เกิดความหงุดหงิดในหัวใจของคนไทยจำนวนไม่น้อยแล้ว
ถ้ารัฐบาลคิดว่าเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชันเป็นเรื่องของ คตส. และป.ป.ช. ตัวเองไม่ต้องทำอะไร ก็ต้องถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะแม้ว่าสององค์กรหลังนี้ จะถือว่าเป็น "องค์กรอิสระ" และรัฐบาลไม่ต้องการเกิดภาพของการเข้าไปแทรกแซง แต่รัฐบาลย่อมหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ที่จะต้องแสดงบทของตนในการปราบปรามเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างไม่ลดละ
การที่รัฐบาลเดินหน้าพร้อมๆ กับ คตส. และ ป.ป.ช. ด้วยการสั่งเป็นนโยบายอย่างเด็ดขาดชัดเจนให้หน่วยราชการทั้งหลายทั้งปวงทำงานร่วมกับทุกองค์กร ที่มีหน้าที่สอบสวนเรื่องไม่ชอบมาพากลในระบบราชการที่โยงใยไปถึงการโกงกิน และทับซ้อนของผลประโยชน์นั้นย่อมไม่ถือว่าเป็น "การแทรกแซง" อย่างที่รัฐมนตรีมหาดไทย อารีย์ วงศ์อารยะ ให้สัมภาษณ์วันก่อน
หาไม่แล้ว คนมีตำแหน่งเป็นอธิบดีหรือปลัดกระทรวงทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีไว้เพื่ออะไร หากมิใช่เพื่อปกปักรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และทำงานให้เกิดความมั่นใจว่า ทุกบาททุกสตางค์ของภาษีประชาชนจะได้รับการดูแลและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด?
นายกฯ สุรยุทธ์ จะต้องตอกย้ำถึงความสำคัญของการที่หน่วยราชการร่วมมือในการส่งมอบเอกสาร หลักฐานและเบาะแสของการทุจริตของรัฐบาลก่อนและรัฐบาลชุดนี้ เพื่อแสดงว่านโยบายต่อต้านการโกงกินนั้นไม่ใช่เพียงแค่แนวทาง "ตั้งรับ" เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการปราบคนฉ้อราษฎร์บังหลวงใน "แนวรุก" อีกด้วย
การที่หน่วยราชการไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นในการ "ร้องทุกข์กล่าวโทษ" ในคดีที่ คตส.ชี้มูลความผิดแล้วนั้นอีก ส่อไปในทางที่เสียหายต่อภาพลักษณ์ของคนในรัฐบาลชุดนี้ว่า ต้องการจะ "เอาตัวรอด" แต่เพียงอย่างเดียวเพราะยังเชื่อในสุภาษิตโบราณที่ขัดต่อการต่อสู้กับความเลวร้ายของสังคมที่ว่า "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี"
หากตัวเองรอด แต่ประเทศชาติล่มจม นั่นย่อมเป็นการละเว้น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองที่มีความผิดฉกาจฉกรรจ์ยิ่งนักคุณแก้วสรร บ่นว่ารัฐบาลปล่อยให้ คตส. "ไล่จับตะกวด" อยู่ฝ่ายเดียว
บางทีรัฐบาลอาจจะต้องจัดการกับ "ตะกวด" ในบ้านของตัวเอง...เพราะตะกวดย่อมไม่ไล่จับตะกวดกันเองhttp://www.bangkokbiznews.com/2007/03/13/WW12_1238_news.php?newsid=58566ถ้านักปฏิบัติธรรมสมานฉันท์กับตะกวด แล้วจะไปจับตะกวดได้ไง?? หรือนักปฏิบัติธรรมก็.......