ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
21-06-2025, 04:05
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เศรษฐกิจเน่าหนัก คลังถังแตก ประชาชนเตรียมเจอ Vat 10% แน่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เศรษฐกิจเน่าหนัก คลังถังแตก ประชาชนเตรียมเจอ Vat 10% แน่  (อ่าน 1389 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 07-03-2007, 17:08 »

"สมหมาย"คาดสรุปปรับ VAT ไปที่ 10% ในเดือนเม.ย.นี้

นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง ในฐานะรักษาการ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะรัฐมนตรีจะมีการแต่งตั้งให้นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ดำรงตำแหน่งรมวส.คลังคนใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่าจะให้ใครมาดำรงตำแหน่งรมว.คลัง ทั้งนี้หากนายฉลองภพ ได้เข้ามาทำงานจริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี โดยส่วนตัวรู้จักกันมานานและเห็นว่าเป็นคนมีศักยภาพ มีความรู้และเป็นคนที่เหมาะสมที่จะเข้ามารับตำแหน่ง และพร้อมช่วยงานอย่างเต็มที่ ส่วนนโยบายด้านการคลังโดยเฉพาะมาตรการกันเงินสำรองร้อยละ 30 ของธนาคารแห่งประเทสไทย ที่นายฉลองภพ ได้คัดค้านมาตั้งแต่ต้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาอีกครั้งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด

สำหรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะสิ้นสุดการลดภาษีเหลือร้อยละ 7 จากเดิมร้อยละ 10 ในเดือนมิถุนายนนี้ รมช.คลัง กล่าวว่า อยู่ระหว่างรอกรมสรรพากรเสนอรายละเอียดมาให้พิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนเมษายนนี้
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=246868


ขอแสดงความดีใจนะคับพี่น้อง ที่ได้ทั่นนายกแอ้ด ผู้ไม่รู้กฎหมายแม้กระทั่งเรื่องไอทีวี จะได้มาดูภาพรวม
เศรษฐกิจประเทศไทยที่ใกล้เน่า โดยมีนายฉลองภพเป็นลูกน้อง และของขวัญที่พี่น้องจะได้รับในเดือน มิ.ย.
นี้ ก็คือ Vat 10% เนื่องจากรัฐบาลต้องเพิ่มงบ พาทหารหาญวีรบุรุษไปเที่ยวนอก รักชาติ รักวีรบุรุษต้องเสีย
ภาษีนะคับ จำไว้ให้แม่น
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 08-03-2007, 12:30 »

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2550 15:12 น.

       เราเห็นด้วยกับความริเริ่มและความพยายามผลักดันของนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะให้ปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันอัตรา 7% เป็นอัตรา 10%
       
       แต่ความเห็นด้วยนี้ไม่ใช่ความเห็นด้วยเดี่ยว ๆ โดด ๆ หากมีเงื่อนไขบางประการ ซึ่งหากดำเนินการได้แล้วก็มีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นส่วนรวม
       
       เรายังมีข้อกังขาต่ออดีตของนายสมหมาย ภาษี และเราก็รู้ว่านายสมหมาย ภาษี ไม่ค่อยชอบใจเรา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชน ย่อมอยู่เหนือความกังขาในตัวบุคคล ตลอดจนความชอบใจและความไม่ชอบใจทั้งปวง
       
       ก่อนอื่นต้องบอกกล่าวเพื่อความเข้าใจแก่พี่น้องร่วมชาติทั้งปวงว่าสิ่งที่เรียกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นคือภาษีที่เรียกเก็บเอาจากผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ หรือที่เรียกว่าเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากคนจ่ายเงิน คือใครจ่ายเงินเป็นค่าซื้อสินค้าก็ดี เป็นค่าบริการใด ๆ ก็ดี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
       
       และนับแต่ประเทศไทยนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาใช้แล้ว ได้เรียกเก็บในอัตรา 7% ของยอดซื้อหรือยอดค่าบริการ ทั้ง ๆ ที่หลักการเดิมนั้นกะกันว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 10% เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และเพื่อเป็นในอัตราเดียวกันกับประเทศส่วนใหญ่โดยเฉพาะในเอเชีย
       
       แต่รัฐบาลในขณะนั้นเห็นว่าประเทศไทยเพิ่งนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาใช้ใหม่ ๆ จะเรียกเก็บกันถึง 10% ก็ออกจะโหดร้ายเกินไป เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงจัดเก็บกันเพียง 7% และจัดเก็บในอัตรานี้มาจนถึงปัจจุบันนี้
       
       ผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตลอดมาปรากฏว่าทำให้รายได้แผ่นดินเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับมา จนขณะนี้กล่าวได้ว่ารายได้ของแผ่นดินจากภาษีมูลค่าเพิ่มคือรายได้ที่สูงที่สุดในบรรดารายได้ทั้งปวง
       
       พูดกันให้ชัดๆก็คือรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายได้หลักของแผ่นดินที่รัฐบาลนำมาใช้จ่ายเป็นงบประมาณแผ่นดินของประเทศ
       
       นายสมหมาย ภาษี เคยพูดเรื่องนี้มาสองครั้งแล้วเมื่อสองเดือนมานี้ และทุกครั้งก็ถูกทักท้วงชนิดตบหน้าจากหม่อมอุ๋ย โดยเฉพาะครั้งหลังที่หม่อมอุ๋ยยัวะนายสมหมาย ภาษี ในเรื่องนี้ ถึงกับตอกหน้าเอาทางหนังสือพิมพ์ เพราะนายสมหมาย ภาษี ไปเปรยเรื่องการเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่ไม่ผ่านการปรึกษาหารือในกระทรวงการคลังและในคณะรัฐมนตรี
       
       คนแบบหม่อมอุ๋ยก็เป็นเช่นนั้นแหละ ไปถือสาหาความอะไรไม่ได้ และความจริงรัฐบาลหรือรัฐมนตรีใด ๆ ก็ไม่ควรไปพูดเรื่องการปรับอัตราภาษีก่อนที่จะมีการกำหนดอัตราให้มีผลบังคับแล้ว
       
       เพราะมีเรื่อง 3 เรื่องที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีทั้งหลายจะพูดต่อสาธารณะออกไปก่อนไม่ได้เลย คือเรื่องการประกาศสงคราม เรื่องการปรับปรุงอัตราภาษี และเรื่องการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
       
       ทำไมนายสมหมาย ภาษี จึงกล่าวถึงเรื่องนี้? ทั้ง ๆ ที่ควรจะรู้ว่าเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้
       
       เราพยายามทำความเข้าใจในทางที่ดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงของบ้านเมือง หากจะผลุนผลันผลีผลามให้รัฐบาลทำการไปเลย รัฐบาลก็อาจจะพังหรืออาจจะถอยหลังแบบยูเทิร์นเช่นเดียวกับเรื่องหวยบนดิน หรือเรื่องกฎหมายต่างด้าว หรือเรื่องไอทีวี
       
       เพราะเหตุนี้นายสมหมาย ภาษี จึงอาจยอมพลีตัวเองเข้าเสี่ยงโยนก้อนหินถามทางโดยแอ่นอกรับก้อนหินก้อนดินเอาเสียเอง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้การตัดสินใจแบบนี้ต้องถือว่าเป็นการทำการด้วยความเสียสละ ขอให้เราเข้าใจเรื่องนี้ได้ถูกต้องเถิด
       
       แต่ถ้านายสมหมาย ภาษี ออกมาพูดเรื่องนี้โดยมีวาระอย่างอื่นในใจ การพูดเช่นนั้นก็ควรถูกตำหนิติเตียน แต่ก็ต้องคอยดูผลบั้นปลายว่าจะกลายเป็นฉันใด
       
       เพราะเหตุที่ความคิดประชาธิปไตยเฟ้อในประเทศไทยเกิดขึ้นและลุกลามขยายตัวไป รายจ่ายแผ่นดินจึงสูงตามเพราะมีการจัดตั้งองค์กรอิสระจำนวนมาก รวมทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายประจำและเป็นภาระแผ่นดิน จนรายได้ปกติหรือที่เรียกเก็บกันตามปกติแทบไม่มีเงินเหลือไปพัฒนาประเทศ
       
       คนที่รับผิดชอบหน้าที่งานด้านการคลังจึงมีหน้าที่ต้องจัดหาเงินมาจับจ่ายใช้สอยให้พอเพียง เพราะเหตุนี้จึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่นที่จะเกิดความเป็นธรรมทั่วทั้งประเทศ นอกจากการปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นมาตรฐานคืออัตรา 10%
       
       บางคนเคยตำหนิว่าภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เป็นธรรม เพราะคนรวย คนจน ถูกเรียกเก็บในอัตราเท่ากัน นี่คือการพูดด้านเดียวโดยไม่ได้พูดให้หมดว่าคนจนมีเงินจับจ่ายใช้สอยน้อย แม้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวนเงินรวมก็ไม่มาก เป็นการเสียน้อยตามฐานะ ในส่วนคนร่ำรวยจับจ่ายใช้สอยมาก ถึงถูกเก็บ 7% ในอัตราเท่ากัน แต่จำนวนเงินก็ไม่เท่ากัน ตรงนี้คือความเป็นธรรมในระบบภาษีอากรที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้เกิดขึ้น
       
       แต่เรื่องนี้จะพูดหรือทำแต่ด้านเดียวไม่ได้ กระทรวงการคลังจะต้องพูดให้หมดและต้องทำให้ครบถ้วน มิฉะนั้นก็จะเป็นการซ้ำเติมภาระให้แก่ประชาชนเป็นส่วนรวม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
       
       สิ่งที่กระทรวงการคลังจะต้องพูดและจะต้องทำเพื่อให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรมแก่ส่วนรวม เห็นจะมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้
       
       ประการแรก กระทรวงการคลังต้องร่วมกับสำนักงบประมาณในการควบคุมรายจ่ายประจำไม่ให้เพิ่มเกินกว่า 72.25% ของงบประมาณแผ่นดิน หน่วยงานใดมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จะต้องหาทางตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือที่ฟุ่มเฟือย หรืองบประเภทที่ตั้งไว้เพื่อใช้จ่ายแบบอีลุ่ยฉุยแฉก หรืองบประเภทแดกด่วนเพื่อเอาเงินมาทดแทนรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้น
       
       หากไม่จัดการเรื่องนี้ ถึงจะเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มก็มีแต่จะทำให้เกิดโอกาสเพิ่มรายจ่ายประจำสูงขึ้นไปอีก และถึงวันหนึ่งก็แก้ไขอะไรไม่ได้
       
       ประการที่สอง เมื่อจะเพิ่มภาษีที่เก็บจากการใช้จ่ายเงินก็ต้องลดอัตราภาษีที่เก็บจากการได้เงินหรือที่เก็บจากเงินรายได้ หรือที่เรียกว่าภาษีเงินได้ ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเรียกเก็บในอัตราแทบจะสูงที่สุดในเอเชียอยู่แล้ว
       
       จะปรับปรุงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่ลดอัตราภาษีเงินได้ ย่อมไม่เป็นธรรมและเป็นการซ้ำเติมภาระแก่ประชาชน
       
       ขณะนี้สิงคโปร์หรือจีนหรือประเทศอื่น ๆ ในเอเชียได้ลดอัตราภาษีเงินได้ เหลืออย่างสูงสุดก็ไม่เกิน 25% แล้ว แต่ของไทยเรายังเรียกเก็บถึงอัตรา 37% สำหรับบุคคลธรรมดา และ 30% สำหรับนิติบุคคล
       
       การเรียกเก็บในอัตราสูงเช่นนี้จูงใจให้มีการหลีกเลี่ยงภาษี และไม่ส่งเสริมต่อการลงทุน ไม่เอื้ออำนวยต่อการค้าขายหรือการทำธุรกิจ
       
       กระทรวงการคลังจึงต้องตัดสินใจเลือกเอาสักขาหนึ่งว่าจะเน้นจากฐานเงินได้ หรือจากฐานรายจ่ายของประชาชน
       
       เราเห็นว่าเพื่อนำพาประเทศไทยสู่ความเป็นมาตรฐานสากล เพื่อขยายฐานภาษี และเพื่อความเป็นธรรม สมควรที่จะต้องลดอัตราภาษีเงินได้ลงให้เหลือจัดเก็บสูงสุดไม่เกิน 25%
       
       ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ เราสนับสนุนให้มีการปรับปรุงภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นอัตรา 10%.
 


ความเห็นห่วยแตกหลอกสาวกปัญญาอ่อน จากหนังสือพิมพ์ห่วยแตก

ให้ลดรายจ่ายอีลุ่ยฉุยแฉกรายจ่ายวีรบุรุษเที่ยวนอก กร๊ากกกก เอาเลย มีปัญญา ก็เอาเลย

ให้ลดอัตราภาษีคนรวยและนิติบุคคล เพิ่ม vat ซึ่งประชาชนทั่วไปต้องจ่าย คิดได้เห็นแก่ตัวฉิบ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-03-2007, 23:11 »

ถ้า สปน. จะช่วยเหลือรัฐบาลนี้
ฟ้องผู้บริหารและบริษัทITV ล้มละลาย.......
อาจจะได้เงินคืนบ้าง........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ลับ ลวง พราง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 945



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-03-2007, 23:31 »

เหอ เหอ เหอ แถคุณธรรม พูดเรื่องความเป็นธรรมในการเสียภาษี 
บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
หน้า: [1]
    กระโดดไป: