ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
10-07-2025, 20:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  แฉ"แม้ว"คุมเองหาช่องเลี่ยงภาษีโทรคม 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
แฉ"แม้ว"คุมเองหาช่องเลี่ยงภาษีโทรคม  (อ่าน 1061 ครั้ง)
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« เมื่อ: 21-02-2007, 23:44 »

"แก้วสรร"แฉแม้วนั่งหัวโต๊ะ หาช่องเลี่ยงภาษีโทรคมนาคม ระบุ"บุญคลี"เคยทำวิทยานิพนธ์การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ด้าน สนง.สลากฯวิ่งโร่ ส่งเอกสารการประชุมออกหวยบนดิน หลัง คตส.ทำหนังสือถึงนายกฯว่าไม่ได้รับความร่วมมือ อนุไต่สวนที่ดินหญิงอ้อเตรียมสรุปสำนวน 26 ก.พ.นี้ ขณะที่อนุฯ ซีทีเอ็กซ์เผยต้องข้อหา"เสี่ยเช"เพราะกันไว้เป็นพยานแต่ให้การเท็จ ไม่เป็นประโยชน์
       
       นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะผู้รับผิดชอบตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรี ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ในส่วนของภาษีสรรพสามิตเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมได้เชิญนายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง มาให้ข้อมูล
       
       อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ได้รับทราบความชัดเจนว่า จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้ มาจากใคร โดยเรื่องนี้เริ่มต้นในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่มีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงเข้าร่วม เมื่อวันที่ 25 ก.พ.45
       
       นายแก้วสรร กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนั้นมีการหารือเกี่ยวกับการแปลงองค์การโทรศัพท์ เป็นบริษัทเอกชน โดยในที่ประชุมได้มีการหารือว่า สิทธิสัมปทานที่ ทศท.ได้รับจากเอกชน จะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร และพ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการพูดเรื่องนี้ ให้ผู้รับผิดชอบไปพิจารณา แนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม
       
       "ข้อมูลดังกล่าวทำให้เรารับรู้ว่า แนวคิดเรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากกรมสรรพาสามติ แต่เริ่มมาจากในการประชุมครั้งนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธาน ส่วนเรื่องนี้จะถูกผิดอย่างไร ไม่ขอให้ความเห็นในขณะนี้ เพราะจะต้องมีการสรุปปัญหาทั้งหมดเข้าที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ พิจารณาก่อนว่าจะให้เดินหน้าต่อไปอย่างไร"
       
       นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในส่วนของภาครัฐ แต่เคยปรากฏในวิทยานิพนธ์ ของนายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)ที่ทำขึ้นเสนอต่อวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.)ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
       
       **คตส.แจ้งนายกฯกองสลากไม่ร่วมมือ
       
       นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)กล่าวว่า ได้ลงนามในหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ประสานงานไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการให้ความร่วมมือกับ คตส.จัดส่งเอกสารบันทึกการประชุมของคณะกรรมการกองสลากฯ ทั้งหมด นับตั้งแต่ที่มีการดำเนินโครงการหวยบนดินมาให้ คตส. ซึ่งนอกจากหนังสือดังกล่าวแล้ว คตส.จะทำหนังสือในลักษณะเป็นหมายเรียกเอกสารไปถึงกองสลากด้วย โดยถ้าหากองสลากไม่ดำเนินการตามหมายเรียกของคตส.ภายใน 7 วัน ก็จะถือว่ากองสลากกระทำการขัดหมายเรียก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น คตส.ก็จะขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเอาผิดกับการกระทำที่ขัดหมายเรียกต่อไป
       
       ส่วนเรื่องการไต่สวน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในหลายคดีที่ คตส.ได้มีมติชี้มูลความผิดไปนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถใช้สิทธิในการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ถ้าต้องการที่จะขอให้ คตส.ไปรับฟังคำชี้แจงของพ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ คตส.คงต้องหารือกันอีกครั้งว่ามีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปหรือไม่
       
       ประธาน คตส.กล่าวว่า คาดว่าในเดือนมี.ค.คดีที่เหลืออยู่จะสามารถสรุปตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ครบ จากนั้นคตส.จะประชุมเพื่อพิจารณารับเรื่องใหม่เข้าตรวจสอบ จะมีประมาณ 4-5 เรื่อง ซึ่งจะกำหนดกรอบเวลาในการตรวจสอบและไต่สวน หากกำหนดระยะเวลาได้แล้ว คตส.ก็จะสามารถรับเรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบได้เป็นครั้งที่สาม ทั้งนี้ ยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการทุจริตอีกมาก จึงต้องตรวจสอบว่ามีมูลทุจริตที่ คตส.รับได้อีกหรือไม่ แต่ต้องทำภายในระยะเวลา คตส.1 ปี
       
       นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบการออกสลากพิเศษ 2-3 ตัว หรือหวยบนดิน กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการออกข่าวทางสื่อ ทวงเอกสารรายงานการประชุมจากกองสลาก ปรากฏว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันทางกองสลากได้ส่งเอกสารมาให้แล้ว โดยในสัปดาห์หน้า อนุกรรมการจะประชุมเพื่อสรุปเรื่องและเสนอให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ในวันที่ 5 มี.ค.นี้
       
       "การเสนอตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ถูกกล่าวหามากกว่าของอนุฯ กล้ายาง ที่แจ้งข้อกล่าวหาไปประมาณ 60 กว่าคน เพราะเป็นโครงการที่ทำกันมาหลายปี มีการทำผิดร่วมกัน จะแยกใครออกไม่ได้ ซึ่งอนุกรรมการฯ ต้องพยายามชี้แจงให้คนอื่นเข้าใจ เพราะการแจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะนี้ไม่เคยมีมาก่อนทำให้การทุจริตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทุจริตเชิงนโยบาย เพราะฉะนั้นอนุกรรมการฯจึงคิดว่าต้องแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมอย่างนี้อีก" นายอุดม กล่าว
       
       **สรุปที่ดินหญิงอ้อ 26 ก.พ.นี้
       
       ช่วงบ่ายวานนี้ (20 ก.พ.)มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยมีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ เป็นประธานในที่ประชุม และได้เชิญข้าราชการกรมที่ดินระดับ 9 ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับที่ดินเขตห้วยขวาง มาให้ข้อมูล โดยบุคคลนี้น่าจะเป็นคนที่รับทราบกระบวนการเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินดังกล่าวมากที่สุด เช่น การออกโฉนด รวมทั้งการโอนที่ดินด้วย
       
       นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกระหว่างคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เชิญหัวหน้าสำนักงานที่ดินเขตห้วยขวาง เข้าชี้แจง โดยเป็นบุคคลที่ทำการจดทะเบียนการโอนที่ดินดังกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีการใช้กำลังภายในจากบุคคลใดเข้าสั่งการให้ทำ ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนจะฟังได้หรือไม่ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการที่จะลงความเห็นกัน
       
       ทั้งนี้ในวันที่ 22 ก.พ. อนุกรรมการฯจะเชิญตัวแทนจากบริษัทเอกชนมาให้ข้อมูล ซึ่งถือว่าเป็นคนสุดท้ายที่อนุกรรมการจะเชิญมา จากนั้นในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 26 ก.พ.อนุกรรมการฯจะประชุมเพื่อสรุปเรื่อง และส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองบุคคลเพื่อแก้ข้อกล่าวหาต่อไป
       
       **แจงเหตุตั้งข้อกล่าวหา"เสี่ยเช"
       
       นายอำนวย ธันธรา ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 กล่าวถึงกรณีการชี้มูลความผิด นายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือ เสี่ยเช โดยก่อนหน้านี้คณะอนุฯตรวจสอบซีทีเอ็กซ์ระบุว่า จะกันตัวไว้เป็นพยานว่า ทางอนุฯไต่สวนตรวจสอบพบว่า นายวรพจน์ มีการปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงที่สำคัญ เนื่องจากทางอนุกรรมการไต่สวนได้มีการตรวจสอบข้อมูลจากหลายที่มาแล้ว แต่ข้อมูลที่นายวรพจน์ ได้ให้ถ้อยคำและเอกสารกลับไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งเอกสารบางอย่าง คตส.ได้ตรวจพบเอง ดังนั้นอนุกรรมการฯ จึงมีการลงมติชี้มูลความผิด เนื่องจากเป็นผู้กระทำการแทนนิติบุคล
       
       "การที่อนุกรรมการไต่สวนจะกันบุคคลใดเป็นพยานบุคคลนั้น จะต้องให้ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ ต้องให้ถ้อยคำและข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่มาปิดบังกันอย่างนี้" นายอำนวย กล่าว
       
       แหล่งจาก คตส.เปิดเผยถึงสาเหตุการแจ้งข้อกล่าวหากับนายวรพจน์ ว่า เนื่องจากนายวรพจน์ ได้สำแดงข้อมูลอันเป็นเท็จต่ออนุกรรมการตรวจสอบ โดยเฉพาะกรณีการนำเข้าเครื่องตรวจสอบวัถตุระเบิดซีทีเอ็กซ์ โดยได้ระบุคุณสมบัตรของเครื่องว่า เป็นเครื่องวิเคราะห์สารเสพติด จึงต้องได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าตาม ป.คลัง ทส.-ที่ ลว.28-12-44 ซึ่งทำให้อนุกรรการตรวจสอบข้อจริงสับสน และต้องติดตามว่าเครื่องดังกล่าวนำไปติดตั้งที่ใด โดยนายวรพจน์ ไม่ยอมระบุว่านำไปติดตั้งที่ไดบ้างตามที่ คตส.ได้สอบถาม ทำให้การทำงานล่าช้าและลำบาก จนต้องลงพื้นที่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า เครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องตรวจจับละอองวัตถุระเบิด จึงถือว่านายวรพจน์ ให้ข้อมูลเป็นเท็จ และในการชี้แจงต่อคตส.นายวรพจน์ ได้ให้ข้อมูลกลับไปกลับมา และอ้างว่าจำเอกสารไม่ได้ จึงไม่เกิดประโยชน์ต่อ คตส.
       
       **เพิ่มดาบ ป.ป.ช.สอบโดยไม่มีผู้ร้อง
       
       พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า กระทรวงยุติธรรม เสนอร่างกฎหมายที่จะแก้ไขร่างกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเฉพาะมาตรา 66 โดยมีสาระสำคัญในกรณีที่จะให้ป.ป.ช.มีอำนาจในการไต่สวน สอบสวน โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน
       
       ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเรื่องนี้ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณา ก่อนเสนอ สนช.ต่อไป
       
       ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมเสนอให้ บทบัญญัติ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 เกี่ยวกับการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงของป.ป.ช.ในกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกระทำผิด ยังมีข้อจำกัดบางประการ โดยกำหนดให้ต้องมีผู้เสียหายมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.จึงจะสามารถไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ทำให้บางกรณีถึงแม้มีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลดังกล่าวกระทำผิด ป.ป.ช.ไม่สามารถดำเนินการเพื่อให้บุคคลนั้นได้รับการลงโทษ
       
       ดังนั้น คณะอนุกรรมการศึกษาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และพิจารณาเสนอความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามคำสั่งป.ป.ช.ที่ 68 /2550 ลงวันที่ 30 ม..ค.50 ซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ได้มีมติเห็นควรให้มีการแก้ไขพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวและเสนอครม.ให้พิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไป จึงได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
       
       สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปราบปรามทุจริต หรือตามกฎหมายอื่นโดยเร็ว และกำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการ
       
       **เตรียมเชือดคนเอี่ยวค่าโง่ทางด่วนเพิ่ม
       
       นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีการหยิบยกคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีทุจริตโครงการก่อสร้างทางด่วนบางนา-บางพลี-บางปะกง มาหารือ และได้ข้อสรุปว่า ให้คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวนำเรื่องไปพิจารณาอีกครั้ง ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะดำเนินการกับผู้ใดบ้าง รายละเอียดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวน
       
       ขณะที่นายเมธี ครองแก้ว กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า คณะอนุไต่สวนได้หารือในเบื้องต้นแล้วเห็นพ้องว่า คำพิพากษาของศาลฏีกาสามารถขยายผลได้ และคาดว่าจะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีและเข้าข่าย มาไต่สวนเพิ่มเติมได้อีก ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีจำนวนเท่าใด ซึ่งต้องรอหารือในรายละเอียดกับคณะอนุกรรมการไต่สวนกันอีกครั้ง
       
       นายกล้านรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีแถลงข่าวตั้งอนุกรรมการไต่สวน พล.ต.อ.สันต์ และพวก ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในโครงการก่อสร้างที่ทำการ และที่พักอาศัย สถานีตำรวจดับเพลิงยานนาวา และโครงการก่อสร้างอาคารหอพักพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการแถลงผลการประชุมของคณะกรรมการ ซึ่งเป็นการแสดงข้อเท็จจริงโดยสุจริต ในฐานะที่ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. เป็นเจ้าพนักงาน ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ และเป็นการแถลงผลการประชุม ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งทำด้วยความเป็นธรรม เพราะฉะนั้น กรณีที่ประธานป.ป.ช. ถูกฟ้อง เป็นเรื่องที่ต้องสู้กันในชั้นศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม นายปานเทพได้ยืนยันว่า ไม่ได้มีอคติต่อ พล.ต.อ.สันต์ และไม่ได้ท้อถอยต่อการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใดทั้งสิ้น

www.manager.co.th
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 22-02-2007, 09:59 »

ดำเนินการเองทุกเรื่องนั่นแหละค่ะ สั่งการเองทุกเรื่องนั่นแหละค่ะ และปากที่จะยืนยันเหตุการณ์ได้ ก็คือคนที่เข้าร่วมประชุมรับฟังในทุกเรื่อง ที่มันหาทางโกงกิน

ถามสมคิดดูสิคะ 
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23-02-2007, 17:37 »

แถ กับ จ๊ะ ไม่เห็นมาตอบเลยอ่ะ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: