'จารย์จ๊ะ' copy & paste บทความฮ่วยแตกมาให้ทุกท่านช่วยกันด่าหน่อยเถอะ...จะจริงจะเท็จยังไงก็ไม่สมควรเอามาพูด เพราะขณะนี้บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์เท่านั้น chipจะหายกับประเทศไทยหรือไม่...'จารย์จ๊ะ' ทนด้ายฮ้า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2192 15 ก.พ. - 17 ก.พ. 2550
'รอยร้าวสุวรรณภูมิ' จบหักมุม ความเสียหายของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการ
ทหารบก ในฐานะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.การท่าอากาศยานไทย หรือทอท. เกี่ยว
ก้อย อาจารย์ ต่อตระกูล ยมนาต กรรมการ ทอท.ในประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ออก
มาแถลง
"ผลการตรวจสอบเบื้องต้น"
เท่าที่สดับฟังถ้อยแถลง อาจาร์ยต่อตระกูล สรุปความเสียหาย และทางแก้ไว้เสร็จศัพท์!!!
แบบที่ว่าปิดทาง คนสวนกลับว่าเก่งติแต่ไม่มีข้อเสนอทางออกให้
ในส่วนความเสียหายนั้น อาจารย์ ต่อตระกูล แบ่ง เป็น 2 ส่วนหลัก หนึ่ง คือความเสียหายใน
ลักษณะร่องล้อเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางขับ และทางขับเข้าหลุมจอด และสอง
ความเสียหายอาจเกิดจากปัญหาคุณภาพชั้นยางมะตอยที่ได้ออกแบบและก่อสร้างไว้
สำหรับทางแก้ไขนั้น อาจารย์ต่อตระกูล เสนอว่า ความเสียหายจากร่องล้อ ด้วยการจัดทำ
ระบบระบายน้ำใต้ดิน และต้องตรวจสอบว่า เหตุใดน้ำใต้ดินใต้พื้นทางจึงยังคงสูงตลอดมา
จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าระดับน้ำในคลองข้างเคียงจะลดลงต่ำแล้วก็ตาม
นอกจากนี้อาจารย์ยังขยายความต่อ ถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมขังนาน ด้วยว่า จากการ
ประเมิน ซึ่งถือเป็นการ"เดา" อีกรูปแบบหนึ่ง ว่า อาจจะมาจากสาเหตุ 4 ประการคือ สภาพ
เดิมของพื้นดินซึ่งเป็นที่ต่ำมีคลองและบ่อปลา เกิดจากน้ำไหลล้นคลองระบายน้ำ การขวาง
ทางน้ำไหลของท่อระบายน้ำ หรือ โครงสร้างใต้ดินอื่นๆ และ อาจมีการเชื่อมต่อของชั้นน้ำ
ใต้ดินระดับตื้นของพื้นทราย
หลังแจงเหตุและแนวทางแก้ไขอาจารย์ต่อตระกูล ก็สรุปว่า ความเสียหาย ในส่วนทางวิ่งขึ้น
ลงของเครื่องบินที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยมากที่สุดนั้น "เล็กน้อยเท่านั้น" ซึ่งสามารถ
ซ่อมได้ และยังสรุปปิดท้ายแบบเหมาเข่งอีกด้วยว่า "ทุกฝ่ายอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความ
เสียหายครั้งนี้" ตั้งแต่ผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง ผู้ควบคุมงาน และผู้บริหารโครงการ
บทสรุปดังกล่าวถือว่า "หักมุม" สุดๆ จากข้อมูลที่หลายฝ่ายออกมาแถลงปาวๆกันก่อนหน้า
นี้ !!!
ย้อนกลับไปสามสี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ หลายฝ่าย ตั้งแต่คนใน บอร์ดทอท. ท่านผู้ใหญ่ใน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ช่วยกันขย่ม สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างต่อเนื่อง ใครที่
ติดตามข่าวในช่วงนั้น คงคิดเหมือนๆ กันว่า ดูท่า สุวรรณภูมิ จะกลายเป็นสนามบินมรณะไป
แล้ว เพราะไม่แน่ใจว่า "รันเวย์" ที่บรรดาท่านๆทั้งหลายออกมา " ปูด"นั้นกำลังจะอ่อนยวบ
หรือจะทรุดลงไปทันทีหากเครื่องบินยักษ์ใหญ่ แบบ แอร์บัสรุ่น เอ 380 ขึ้นลงซ้ำๆบ่อยๆ
ช่วงเวลาดังกล่าวน้น ภาพปัญหาในสนามบินที่ถูกขยายใหญ่จนมี กระแสเรียกร้องให้ปิดใช้
ชั่วคราวแล้วกลับไปใช้สนามบินดอกเมือง ยิ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้รื้อฟื้นสนามบินดอนเมือง
ขึ้นมาแล้วให้ใช้ 2 สนามทำให้ตีความไปกันใหญ่ว่ารัฐบาลเครียมพร้อมเพื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน
กับ สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในท้ายที่สุด ผลการศึกษาได้ผลออกมาทำนองว่า "มีความเสีย
หายจริง " เป็นแค่ความเสียหายทางเทคนิค ไม่ใช่โครงสร้างและสามารถซ่อมแซมเป็นส่วนๆ
ไปได้
ข้อสรุปจากกรณีข้างต้น ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าบรรดา"ผู้ใหญ่"ที่ออกมาละเลงสี ให้สนาม
บินสุวรรณ กันอย่างสนุกสนาน ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ควรรอผลการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์ และ
ตรวจสอบข้อมูล ลงลึก ไปถึงการคอรัปชันของรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อน เพื่อจับให้อยู่ชนิด
สามารถดำเนิน คดีตามกฎหมายได้ แล้วค่อยออกมาแถลง ไม่ใช่สักแต่เล่นกับกระแสสร้าง
ผลงานตามหน้าหนังสือพิมพ์แบบนักการเมืองส่วนใหญ่ที่มักสร้างผลงานแบบฉาบฉวยด้วย
วิธีนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจสังคมสร้างความจดจำตัวเองไปวันๆ
ตรวจสอบทุจริตแบบนี้ นอกจาก "ประเทศชาติจะไม่ได้อะไรเลย"แล้ว !!!
ในทางตรงกันข้ามยังพลอยเสียหายไปอีกด้วย เพราะถ้ายังเล่นกันด้วยวิธีนี้ต่อไป ไม่
ตระหนักในบทเรียนที่ได้รับ และไม่มีใครสำนึกว่า การพูดเกินความจริง หรือ ขยายความใน
สิ่งที่ยังไม่รู้จริงนั้น เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ต่อไปสังคมจะมีแต่"เด็กเลี้ยงแกะ" และไม่มี
ใครสนใจพิสูจน์ หาความจริง ซึ่งรังแต่จะนำความเสี่อมมาให้บ้านให้เมือง