อย่าประมาทเหลี่ยมของ ทรท.- กกต.

หากกระบวนการยุติธรรมไทยยังคงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรมจริงคงตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะผิดกฎหมายหลายกรณีไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กรณีแจกเงินกลางงานอาชีวะช่วยชาติก็ดี กรณีข่มขู่ชาวบ้านที่ จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมาว่า ถ้าหากไม่เลือก ทรท. โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน และหมู่บ้านเอสเอ็มแอลไม่ต่ออายุนะ
ทั้งๆที่หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังท่องเป็นคำเดียวว่า ขอหลักฐานเพิ่มอีกได้ไหมข้อมูลยังไม่ชัดเจน ท่าน กกต.ครับ คดีความค้างเก่ายังไม่ได้รับการชำระเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีขารับมติแม้วจัดวันเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 ทั้งๆที่รู้ว่า “ไม่ชอบธรรม” มีอย่างที่ไหนจัดวันเลือกตั้งกระชั้นชิดเพียง 30 วัน ท่าน กกต. และผู้นำบ้าอำนาจรู้จักคำว่า “มารยาททางการเมือง” หรือไม่
ผมขอถามสั้นๆว่า การจัดวันเลือกตั้งอย่างน้อยต้องกำหนดวันเลือกตั้ง 45 – 60 วันหลังจากวันยุบสภาตามกรอบของกฎหมายใช่หรือไม่
ผลจากการคิดแต่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ไม่เลิกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดปัญหาไม่จบไม่สิ้น ไล่เรียงตั้งแต่ ฉีกบัตรเลือกตั้งประท้วงระบอบทักษิณก็ดี คะแนนไม่เลือกใครประสานเสียงไม่เอาทักษิณ 10 ล้านเสียง บัตรเสีย 3 ล้านเสียงมีแต่ข้อความ “ท้ากกสิน...ออกไป” “ท้ากกสิน...ขายชาติ” และที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคงหนีไม่พ้นการเวียนเทียนลงสมัครข้ามเขตของพรรคนอมินีทั้งๆที่หลายคนคุณสมบัติไม่ครบ
ตอนนี้รอเพียงศาลฎีกา ศาลปกครอง และศางรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะหรือไม่
หากผลสรุปออกมาเป็น “โมฆะ” แน่นอนว่าต้องมีการเลือกตั้งใหม่!!!
อย่าพึ่งดีใจไปครับ เพราะรัฐบาลเดิมที่ประกาศยุบสภาหนีการตรวจสอบจะกลับมาอยู่ในสถานะรักษาการต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวันเลือกตั้ง และถ้าหาก กกต.ไม่ลาออก (สงสัยใช้ครีมหน้าด้านของอดีต รมว.สาธารณสุข)
บอกให้เข้าใจโดยง่ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะหาทางลงให้กับตัวเองด้วยการประกาศเลิกเว้น “วรรค” กลับมาใช้อำนาจที่มีอยู่ในมืออย่างเต็มรูปแบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนจากช่วง 6 ปีที่ผ่านมาฉะนั้น ทางออกที่ไม่ทำให้เสียเลือดเนื้อก็คือ รัฐบาลรักษาการต้องลาออกทันที (กรณีศาลมีมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ)
เหตุผลมีดังนี้ครับ 1.รัฐบาลรักษาการคิดเองเออเองว่าเลือกตั้ง 30 วันเป็นช่วงเวลาที่เหมาสม เมื่อกระบวนการยุติธรรมตัดสินว่า “โมฆะ” ต้องแสดงสปิริตของผู้นำด้วยการประกาศ “ลาออก” จะมาโบ้ยความผิดให้ทางเทคนิคเหมือนกรณีการไฟฟ้ามิได้
2.รัฐบาลรักษาการข่มขืนเงินภาษีประชาชนจัดการลากตั้งทั้งๆที่รู้ว่า ไม่มีทางครบ 500 คน ส่งผลให้เปลืองภาษีประชาชนไปแล้ว 2000 กว่าล้านบาท รัฐบาลจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรจะยอมเสียเงินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณจัดการเลือกตั้งใหม่ในครั้งหน้าหรือไม่
และ 3.รัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเชื่อระบบสภา เข้าไปตอบกระทู้ในสภาเพียง 6 ครั้งจาก 2000 กระทู้ ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ เชื่อหรือไม่ว่า ระดับผู้นำประเทศจะตอบคำถามวกไปวนมา เมื่อเจอจี้หนักเข้าก็บีบบังคับให้ลูกพรรคลงเสียงโหวตเพื่อเอาชนะฝ่ายค้านแถมยังกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ข้อหากระทู้นี้ผมหมดแล้วนะ กระทู้อื่นตอบวันหลังนะ
น่าอายไหมครับ ผู้นำบ้าอำนาจคนนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนตรวจสอบด้วยการยุบสภาหนีความผิดก็ดี จัดการลากตั้งหาเสียงสนับสนุนเพื่อลบข้อครหาต่างๆนานาก็ดี
สรุปให้เข้าใจง่ายๆว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จัดการเลือกตั้ง 30 วันเพื่อเอาผลการเลือกตั้งฟอกตัวแทนการถูกซักฟอกในสภา กระบวนการยุติธรรม และการเมืองภาคประชาชนเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง
กลัวอะไรกับการลาออกครับ กลัวลาออกแล้วอายุสภายังเหลืออยู่ใช่หรือไม่ ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจลาออก พรรคทีได้คะแนนอันดับ 2 จะขึ้นมาเป็นรัฐบาลรักษาการแทนชั่วคราว โดยรัฐบาลเฉพาะการณ์นี้จะมีหน้าที่รักษาการอายุสภาในช่วงเวลาที่เหลือหรือจัดการเลือกตั้งใหม่ทุกอย่างเป็นไปตามระบบรัฐสภาครับ
เท่ากับล้างไพ่ใหม่หมด!!!
แต่ถ้าหากรัฐบาลยังตะแบงไม่เลิกว่า “กูไม่ออก” รัฐบาลก็จะดูแลการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกครั้ง ยิ่งได้ กกต.ชุดเดิมคุมการเลือกตั้ง ผมเชื่อว่า ปัญหาเดิมๆ น่าจะกลับมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เห็นไหมครับ ถ้าหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ทรท.ก็ยังคงชักใย กกต. เช่นเดิม แต่ถ้าหาก ทรท. เห็นแก่ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ประกาศ “ลาออก” เลิกวางตัวเหนือกติกาหัดมาสู้ในระบบที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายรู้จักแพ้ รู้จักชนะเสียบ้างปัญหาก็คงไม่ลุกลามถึงเพียงนี้
ผมคงไม่ต้องอธิบายต่อแล้วนะครับว่า ผู้นำบ้าอำนาจรายนี้นอกจากหน้าจะเหลี่ยมจัดแล้วยังรู้จักเปลี่ยน “กติกา” เป็น “กติกู” เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพรรคพวกได้เหลี่ยมจัดสมชื่อจริงๆ