หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศ "เว้นวรรค" ปรากฏว่ามีการเปิดตัวของกลุ่มก๊วนต่างๆ อย่างเปิดเผย ไม่ปิดบัง
ไม่ว่า กลุ่มวังน้ำยมได้เรียกประชุม ส.ส. ของกลุ่มเกือบ 100 ชีวิต ที่บ้านพักย่านสนามบินน้ำของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
และตามด้วยการปรากฏตัวขึ้นของ "กลุ่มบ้านริมน้ำ" อันประกอบส่วนขึ้นจาก นายสนธยา คุณปลื้ม นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และ นายสุชาติ ตันเจริญ ซึ่งว่ากันว่ามี ส.ส. ในสังกัด 62 ชีวิต
ซึ่งยังไม่รวมถึงวังพญานาค ของ นายพินิจ จารุสมบัติ
กลุ่มวังน้ำเขียวของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
กลุ่มกรุงเทพมหานครของ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
กลุ่มวังนำเย็นที่แม้จะขาดผู้นำ แต่ก็มีการจับตัวเป็นกลุ่มก้อนพร้อมที่จะเป็นเงื่อนไขและตัวแปรในพรรคได้ตลอดเวลา
ยังไม่รวมถึง "กลุ่มทุน" ที่รับจัดส่งเสบียงกรังเข้าคลังพรรคอีก ซึ่งมาจากกระเป๋าตังค์ของ ประชา มาลีนนท์, อดิศัย โพธารามิก, ประยุทธ มหากิจศิริ, ธนินทร์ เจียรวนนท์ และ เจริญ สิริวัฒนภักดี
และแน่นอน ย่อมต้องรวมถึงวังจันทร์ส่องหล้า ด้วย
การปรากฏตัวของ วัง หรือ กลุ่ม ก๊วน เหล่านี้ คงไม่จบลงที่การต่อรองเรื่องผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทน พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
หากแต่น่าจะมีการต่อรองอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองตั้งแต่เก้าอี้รัฐมนตรี, ประธานคณะกรรมาธิการ, ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล), คณะกรรมการบริหารพรรค ฯลฯ
ซึ่งนี่ย่อมมองเห็นอนาคตอันใกล้ว่า จะยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดไหน
ความคาดหวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้อำนาจเพื่อสยบกลุ่มการเมืองเหล่านี้ให้เชื่องเหมือนเดิมคงไม่ได้อีกแล้ว
เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งอีกต่อไป เพราะในด้านหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังต้องเผชิญกับกระแส "ท้ากกก สิน ออกไป" แม้ว่าในขณะนี้ จะมีภาพการรุกไล่เช็คบิลแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยอาศัยกลไกรัฐ และการดำเนินคดี
แต่พลังเสียง "โนโหวต" ที่ยืนเป็นแบ๊คให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ยังคงเหนียวแน่น พร้อมที่จะออกมาแสดงพลังตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ หากมีการรุกไล่จนเลยขอบเขตที่จะยอมรับได้
ขณะเดียวกัน การที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องจำใจถอยออกไปเป็นคนนอก ย่อมทำให้ "ความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด" ลดน้อยถอยลงอย่างมาก
แม้ว่าอำนาจภายในพรรคไทยรักไทยจะยังคงอยู่ในกำมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แปรเปลี่ยน แต่กลุ่มก๊วนต่างๆ ที่รวมตัวกันเหนียวแน่น ก็คงไม่ตัวสั่นงันงกยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวหน้าพรรคเช่นเดิมแน่นอน
การต่อรอง-แลกเปลี่ยน ย่อมเป็นไปอย่างเข้มข้นแน่นอน
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0406210449&srcday=2006/04/21&search=noระบอบประชาธิปไตยไทยๆ แบบเสี่ยทักษิณ ที่รวบรวม กวาดต้อนกลุ่มนักธุรกิจการเมือง ทุนนิยมใหญ่เจ้าของธุรกิจที่ต้องพัวพันหรือรับสนับสนุนจากข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการประจำนั้น จัดตั้งรัฐบาล โดยแบ่งสรรตำแหน่ง แบ่งสรรผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนนิยมที่สนับสนุน มากน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวน"
มือ"ของสส.ในวัง ในคุ้ม ในซุ้ม ในบ้าน เป้าหมายเป็นรัฐบาลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากสัมปทาน โครงการ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อน กีดกันกลุ่มผลประโยชน์ นักธุรกิจที่ไม่เข้ารวมกลุ่มด้วย ....
เสี่ยทักษิณจะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ อีกแล้ว เพราะ 5 ปีที่ผ่านไป หัวหน้ากลุ่มวัง กลุ่มคุ้ม กลุ่มซุ้ม ได้รับรู้แล้วว่า เสี่ยทักษิณได้รวบรัด รวบยอดผลประโยชน์ชิ้นโต มหาศาลให้กับเด็นในบริษัท ในบ้าน และเด็กข้างรั้วไปบริหารจัดการ เหลือเพียงส่วนน้อย ตกหล่นให้พวกเขา....
แม้ว่าอำนาจภายในพรรคไทยรักไทยจะยังคงอยู่ในกำมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แปรเปลี่ยน แต่กลุ่มก๊วนต่างๆ ที่รวมตัวกันเหนียวแน่น ก็คงไม่ตัวสั่นงันงกยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวหน้าพรรคเช่นเดิมแน่นอน
การต่อรอง-แลกเปลี่ยน ย่อมเป็นไปอย่างเข้มข้นแน่นอน