ระบบทุนนิยม เป็นระบบที่เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า วัตถุนิยม นั่นคือเป็นระบบหยาบ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการในทางหยาบของมนุษย์ มุ่งหวังที่การตอบสนองต่อกิเลสตัณหาราคะ และความอยากได้ใคร่มี ความอยากเหนือผู้อื่น อยากสุข อยากสบาย อยากมีอำนาจ อยาก อยาก อยาก และอยาก
ทุนนิยมเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันเป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยกิเลสตัณหาราคะซึ่งมีอยู่ชุกชุมในตัวของมนุษย์ ซึ่งต่างก็ช่วยกันหมุนกงล้อของทุนนิยมให้เคลื่อนไป โดยไม่ได้คำนึงถึงความจริงที่ว่า พลังและการหล่อลื่นให้ระบบนี้หมุนไปได้นั้น คือเลือดและน้ำตาของผู้ด้อยโอกาศ
นายทุนสักคนหนึ่งตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นมา จ้างแรงงาน ซื้อวัตถุดิบ หาพลังงาน หาเงินทุน เข้ามาประกอบการ นายทุนนั้นอ้างกันเสมอว่า เป็นผู้สร้าง สร้างงาน สร้างสินค้า สร้างเศรษฐกิจ หากแต่ความจริงในระบบทุนนิยมที่ดำเนินไปนั้น นายทุนผู้นั้นเป็นผู้ทำลาย ทำลายด้วยพลังอันรุนแรง
นายทุนพรากแรงงานเกษตรกรรม มาตกนรกในโรงงานอุตสาหกรรม ขโมยเวลาอันน้อยนิดในชีวิตของแรงงานนั้น ให้มาทำงานเหมือนเครื่องจักร หรือสัตว์แรงงาน หมดโอกาศพัฒนาตนเองให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ ทำงานเพื่อแลกเงิน แล้วเอาเงินนั้นไปซื้ออาหาร ทั้งๆที่คนเหล่านั้น สามารถผลิตอาหารได้ หากไม่ถูกสังคมที่นิยมทุน ล้างสมองให้โง่จนยอมมาตกนรก
ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แทบไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และถูกปล้นอนาคตจากการกดขี่ค่าแรงงาน กำไรของโรงงานอุตสาหกรรมหรือกิจการในระบบทุนนิยม ฟ้องชัดเจนว่า แรงงานถูกปล้น ใช้แรงงานทำงานกลับได้ค่าแรงน้อยนิด ใช้เงินมาลงทุนกลับได้กำไรมหาศาล คนทำงานหนักรายได้น้อย วิปริตผิดธรรมชาติ เกษตรกรทำงานหนัก นั่นหมายถึงผลผลิตที่เพิ่มจำนวน แรงงานในระบบทุนนิยม อยู่อย่างผิดธรรมชาติแท้ๆ
การจะให้ระบบทุนนิยมดำเนินต่อไปได้นั้น ต้องประกอบด้วยของราคาถูกสี่อย่าง นั่นคือ เงินทุนราคาถูก แรงงานราคาถูก วัตถุดิบราคาถูก และพลังงานราคาถูก มาถึงวันนี้ เหลือเพียงแรงงานเท่านั้น ที่ยังมีราคาถูกอยู่
ทุนนั้นเหมือนของเหลว ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ ที่ต่ำนั้นหมายถึงแรงงานราคาถูก ค่าจ้างต่ำๆ จีนมีอัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงจนเหลือเชื่อ เวียดนามกำลังแซงไทยในอัตราการเจริญเติบโต นายทุนต่างโวยวายว่าประเทศไทยเสียโอกาศ อ้างโน่นอ้างนี่ แต่ความจริงแล้ว ประเทศเรากำลังจะพ้นทุกข์
โสเภณีเพิ่มจำนวนในจีนและเวียดนามจนน่าตกใจ สำหรับทุนนิยมแล้ว ทุกอย่างขายได้เพื่อแลกเงิน แม้กระทั่งร่างกาย ศักดิ์ศรี อัตราการบริโภคน้ำมันของจีนกำลังพุ่งขึ้นอย่างยั้งไม่อยู่ รถยนต์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เวียดนามก็เช่นกัน บ้านเมืองเจริญในทางวัตถุอย่างรวดเร็ว เกษตรกรทิ้งไร่นาเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม มลพิษ ปัญหาสังคม ความเสื่อมโทรมของพลเมือง กำลังทำลายจีนและเวียดนาม
จะเกิดอะไรขึ้น หากการผลิตน้ำมันในโลกนี้เข้าสู่จุดชะงักงัน เกิดสงครามในตะวันออกกลาง หรือน้ำมันร่อยหรอจนราคาแพงมหาศาล รถยนต์จะกลายเป็นเศษเหล็ก โรงงานอุตสาหกรรมจะกลายเป็นซากของมลพิษขนาดมหึมา ไฟฟ้าจะแพง เครื่องปรับอากาศจะกลายเป็นของไม่กล้าใช้ คอนโดมิเนียมจะอยู่ไม่ได้ น้ำประปาขาดแคลน เมืองจะเข้าสู่ภาวะเสื่อโทรม เหมือนแม่น้ำจรเข้สามพันเปลี่ยนทิศทาง โรคระบาดจะเข้าสู่เมือง ความพินาศจะมาเยือน
ไม่ว่าอย่างไร ในระยะ 50 ปีนี้ น้ำมันจะหมด ไม่ถึงกับแห้งจนหาไม่ได้สักหยด แต่มันจะแพงจนไม่อาจนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยได้อีก จะใช้ไฟฟ้าแทนหรือ ไฟฟ้านั้นมาจากไหน ฟ้าผ่าก็เอามาใช้ไม่ได้ นอกจากจะให้ผ่าหัวไอ้เหลี่ยม ไฟฟ้าต้องผลิตมาจากพลังงานอื่น น้ำจากเขื่อนซึ่งไม่พอใช้ ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกำลังจะหมด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่มีปัญญาสร้าง ต้องซื้อเทคโนโลยีจากฝรั่ง และมันก็ขายแพงจนค่าไฟก็ต้องแพงตามไปด้วย
หายนะมารออยู่เบื้องหน้าเห็นๆนี่เอง ระบบทุนนิยมกำลังจะล่มสลาย อย่าไปฝันถึงพลังงานทดแทน หากอัตราการใช้พลังงานยังสูงปรี๊ดอยู่เช่นนี้ หากไม่มีน้ำมัน ไม่มีก๊าซ การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย มีเพียงแค่เลี้ยงห้างสรรพสินค้าได้ไม่ครบทุกแห่ง ถึงปิดห้างจนหมด ก็ไม่พอให้ประชาชนใช้ในครัวเรือน ด้วยอัตราที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
เรามีเวลาไม่เกิน 30 ปีนับจากนี้ ก่อนวิกฤติน้ำมันรอบสุดท้ายของโลกจะปรากฎ หากคนไทยสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงได้ ผลิต ใช้ เท่าที่จำเป็น หยุดภาวะโรคจิตของทุนนิยมที่มุ่งหวังความมั่งคั่ง รู้จักกลับไปอยู่กับธรรมชาติ ไม่เสพ ไม่สะสม ไม่โลภ รู้จักพอเพียง พัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ และขัดเกลาไม้แก่ที่เติบโตในระบบทุนนิยม ให้หันกลับไปสร้างชาติ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม
ประเทศเกษตรกรรมเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้เมื่อระบบทุนนิยมล่มลง สิงคโปร์ต้องขอทานข้าวเรากิน ไม่ขายให้หรือบริจาคให้มันมันก็อดตาย
โลกในอนาคต ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ มนุษยเคยพึ่งสองขาเพื่อเดินทาง และจะต้องกลับไปใช้สองขาเมื่อผลาญพลังงานสำรองของโลกหมดไป เตรียมตัวกันหรือยังคะ