อย่า'เคี้ยวเอื้อง'ปัญหาดอนเมือง

1 กุมภาพันธ์ 2550 กองบรรณาธิการ

ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า "ครม.สุรยุทธ์" ท่านจัดอันดับความสำคัญของปัญหาบ้านเมืองที่ต้อง "ใส่ใจเป็นพิเศษ" มีเรื่องใดบ้าง ผมจึงขอเสนอให้ยกเรื่อง

"สนามบินสุวรรณภูมิ" ขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วน

เพื่อตัดสินใจกันให้สมกับ "ภาวะผู้นำ" ในยาม "ผู้ตามลังเล"!

ใครๆ จะบอกว่า ความอัปยศที่สนามบินสุวรรณภูมิคือ "จุดตาย" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

หรืออย่างที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์   เก่งเรียน   ทุบเปรี้ยงว่า "ปัญหาสุวรรณภูมิคือหลุมฝังศพทักษิณ"

ผมว่า..ช่างหัวมันเถอะ!

ที่แน่ๆ และที่สำคัญสูงสุดคือ เหตุจากสุวรรณภูมิที่ทักษิณก่อกรรมทิ้งไว้ มันกลายเป็นเครื่องทำลายประเทศไทยเรา ให้พินาศยับเยินกว่าที่คิดกัน

เพราะสิ่งที่เกิด   นั่นคือคุณสมบัติบ่งชี้ชัดว่า ประเทศไทยไม่ได้ก้าวหน้าเป็นประเทศ "กำลังพัฒนา" อย่างที่พูดกัน แท้จริงแล้วก็ยังอยู่แค่.. ประเทศ "บ้านป่า-เมืองเถื่อน" สมบูรณ์แบบ!

ก็ดูซี ถ้าศิวิไลซ์ซักนิด มีความเป็นคนบ้างซักหน่อย คนระดับผู้นำประเทศที่ชื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" มีหรือจะเป็นตัวนำในการ "โกงบ้าน-กินเมือง"

สิ้นคิด-สิ้นคน ขนาดนี้?

ไม่เว้นแม้กระทั่ง "สนามบินแห่งชาติ" อันเป็น "ห้องรับแขกของประเทศ" โดยตรงแท้ๆ!
นี่แหละคือทักษิณ คนที่ข้าราชการไทยส่วนหนึ่งยอมใส่ "เกียร์ว่าง" เพราะเขาคนนี้

และจากพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ก็คิดในมุมสะท้อนเอาก็แล้วกันว่า อนาคตประเทศไทย-ชาติไทยมันจะเป็นอย่างไร?

เห็นพูดกันแต่ "ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง" การพูดกว้างๆ อย่างนี้ เป็นการปรักปรำ ให้ร้ายกับระบบราชการไทยเกินไปหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครเจาะจงยกเป็นตัวอย่างซักแห่งว่า ที่ไหน..ใส่เกียร์ว่าง?

ก็ลองฟัง "พลเอกมนตรี สังขทรัพย์" เสนาธิการทหารบก ท่านพูดหลังการประชุมที่ กอ.รมน.ร่วมกับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.วานนี้ดูบ้าง

คือนักข่าวถามเรื่องประสิทธิภาพของตำรวจ ในการคลี่คลายระเบิดกรุงเทพฯ ท่านพูดตอนหนึ่งว่า

"ขณะนี้ที่หวังอยู่คือข้อมูลของ DSI ในการติดตามสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว เพราะท่านบอกว่ามีข้อมูลเพิ่มเติม ดังนั้นต้องรอการพบกันระหว่าง ผบ.ทบ. กับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ   ข้อมูลดังกล่าวคงจะชัดเจนมากขึ้น เพราะต้องการจะเคลียร์ตัวเองด้วย นายกรัฐมนตรีก็ถามทุกวันว่าการทำงานมีความคืบหน้าหรือยัง

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือข้าราชการทำตัวเป็นเกียร์ว่าง   เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำตามหน้าที่ของตนก็มีปัญหา มีบ่อนเกิดขึ้น ตำรวจไม่ไปจับบ่อน มียาเสพติด ตำรวจรู้ก็ไม่ไปจับ ทั้งนี้ถ้าใครมีหน้าที่แล้วไม่ปฏิบัติก็แย่ ดังนั้น กอ.รมน.ก็มีหน้าที่ในการประเมินว่าใครไม่ทำงาน   และการปรับย้ายครั้งใหญ่ก็จะนำคนที่ตั้งใจทำงานมาปฏิบัติงานแทน"

นั่นด้านความมั่นคง และด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองที่มีตำรวจรับผิดชอบอยู่นะครับ

ยุคนี้ ไม่ใช่ยุค "ตำรวจ-ข้าราชการไทย" รอคอย "พระศรีอาริย์"

แต่พวกเขารอคอย "ทักษิณอวตาร"!

มาดูด้านเศรษฐกิจและสังคมชาติบ้าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และ รมว.คลัง ท่านกล่าวด้วยความคับแค้น วานนี้ว่า

"ในช่วง ๔-๕ ปี ระบอบทักษิโณมิกส์บริหารประเทศ ถือเป็นความผิดพลาด เนื่องจากได้หมกหนี้จำนวนกว่า ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาทไว้นอกงบประมาณแผ่นดิน หลายโครงการเริ่มลงทุนแล้ว ก็ประสบกับปัญหาและไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้"

มาถึงเรื่องร้อนในหัวอก คือเรื่องสุวรรณภูมิกันบ้าง   รัฐมนตรีคมนาคม "พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ" หลังจากละล้าละลังมาหลายวัน ก็เพิ่งตัดสินใจในจุดที่ควรตัดสินใจไปแล้วตั้งนาน คือ

ย้ายสายการบินภายในประเทศ เฉพาะสายที่คิดว่าผู้โดยสารไม่บินต่อ จากสุวรรณภูมิกลับมาที่ดอนเมืองภายในเวลาไม่เกิน ๒ เดือนนี้!

ผมก็ติดตามดูว่าเขาจะย้ายกันอย่างไรมา ๓-๔ วันแล้ว ดูแล้วก็ปวดหัวใจ พานคิดไปว่ารัฐบาล ฒ.ผู้เฒ่าเหล่านี้ อยู่แค่ ๑ ปีก็นานเกินไปแล้ว

เรื่องง่ายๆ ชอบทำให้เป็นเรื่องยากๆ จนน่ารำคาญ   บริหารกิจการอันสัมพันธ์กับโครงสร้างธุรกิจแบบ "เรดเทป" เช่นนี้ จะไปสู้อะไรกับชาวบ้านเขา เพราะอย่างนี้คนเขาถึงหยามว่า "ระบบราชการ"

ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ "คนชอบทักษิณ" เพราะเกิดการเปรียบเทียบวิธีการตัดสินใจในการบริหารปัญหา

ขนาด "เร็วแต่โกงฉิบ..." คนยังชอบ

แล้วถ้ารัฐบาลไหน นายกฯ ไหน รัฐมนตรีไหน "เร็วและซื่อสัตย์" คนจะไม่ยกขึ้นทูนหัว-ทูนเกล้าหรือ?

ในกรณีเพิ่งกล้าตัดสินใจให้ย้ายสายการบินในประเทศกลับดอนเมือง ก็ "นั่งไม่เต็มก้น" อีกแหละ

ท่านบอกว่า "ย้ายชั่วคราว"

แล้วแถมยังบอกว่า "สุดแต่สายการบินไหนจะสมัครใจ"!

คำว่าสมัครใจ   มันคืออะไรในเชิงนโยบายและเชิงธุรกิจ   และชั่วคราวของท่านน่ะ พูดง่าย แต่ปฏิบัติยากนะครับ การย้ายอุปกรณ์ การลงทุนร้านค้าร้านขาย การย้ายคน เรียกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง "มันมีต้นทุน" ในการดำเนินงาน และวิถีชีวิตของแต่ละคนทั้งนั้น ไม่ง่ายเหมือนย้าย ผบ.ตร.หรอก!?

ฉะนั้น คำว่า "ชั่วคราว" นี้ ในเชิงธุรกิจ-การลงทุน คือ "ความเสี่ยง-ความไม่แน่นอน" ในเรื่องสำคัญๆ ไม่ควรอย่างยิ่งที่ "ระดับผู้กำหนดนโยบาย" จะสั่งการอะไรด้วยคำสั่งในลักษณะ

"ถ้า-มั้ง-บางที-หรือว่า" คำสั่งกั๊กๆ อย่างนี้ คือนโยบายหรือคำสั่งที่บ่งบอกถึง "ภาวะผู้นำบกพร่อง" เพราะเป็นคำสั่งที่ต้องตีความ คือคำสั่งที่ "ไม่ได้ความ" ปฏิบัติตามแล้ว "เสี่ยงสูง"

ทางด้าน ร.อ.พินิจ   สาหร่ายทอง ผอ.การท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่านก็บอกว่า

"จะปรับปรุงสภาพภายในของ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ   อาคาร ๑ ออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศจากเครื่องบินเช่าเหมาลำ และส่วนที่รองรับผู้โดยสารในประเทศ.."

ก็มาดูทาง ร.ท.อภินันทน์ สุมนะเศรณี ดีดีการบินไทยบ้าง ท่านพูดถึงการกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพโดยสมัครใจว่า

"การบินไทยพร้อมอยู่แล้ว โดยจะมีเพียงเที่ยวบินในประเทศบางส่วน เช่น เชียงใหม่-กรุงเทพฯ, กระบี่-กรุงเทพฯ และภูเก็ต-กรุงเทพฯ บางเที่ยวบินที่จะยังใช้สนามบินสุวรรณภูมิต่อไป...

การบินไทยได้ทำหนังสือถึง ทอท.ขอใช้อาคารผู้โดยสารภายในประเทศเดิม   ซึ่งออกแบบสำหรับให้บริการเที่ยวบินในประเทศอยู่แล้ว   ซึ่งผู้โดยสารเข้าไปเช็กอิน เดินต่อไปเพียงอีกไม่กี่ก้าวก็ขึ้นเครื่องบินได้ทันที อุปกรณ์ต่างๆ ก็มีพร้อมอยู่แล้ว ทอท.ไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลย ถือว่าพร้อมที่สุด"

ครับ..ที่ผมยกมาให้ดูจะเห็นสภาพเหมือน   ตาบอดคลำช้าง จากช้างตัวเดียวกัน ต่างคนต่างคลำ แล้วบอกกันไปคนละอย่าง-สองอย่าง

คือสนามบินดอนเมือง   ก็มีอาคารสำหรับสายการบินต่างประเทศ แยกออกไปต่างหากจากอาคารสายการบินภายในประเทศ ดังที่เห็นกันอยู่

แล้วผลจากคำสั่งรัฐมนตรีคมนาคมที่ให้ย้าย "สายการบินในประเทศ" สุดแต่ใครจะสมัครใจมาดอนเมืองชั่วคราว..เป็นไง?

ทาง ผอ.การท่าฯ ท่านก็ตระเตรียม "อาคารผู้โดยสารต่างประเทศ" ไว้ให้สายการบินภายในประเทศที่จะย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ชั่วคราว

ทางการบินไทยก็หมายมั่นปั้นมือ ตระเตรียมจะไปใช้ที่เดิม คืออาคารสายการบินภายในประเทศเดิม!?

สรุปแล้วจะเอายังไง อยู่ที่ไหนกันแน่ จะประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านชาวเมืองเขารู้ล่วงหน้าได้ชัดเจนอย่างไรภายในเวลาจำกัด   แล้วร้านค้า-ร้านขาย คนที่ต้องไปทำธุรกิจติดต่อด้วยเขาจะวางแผนกันยังไง?

งงตายหะ?

เรื่องสำคัญ-เร่งด่วนอย่างนี้ รัฐบาลน่าจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่า การท่าฯ ดอนเมือง การท่าฯ ทอท. ขนส่งทางอากาศ การบินไทย และท่านเจ้ากระทรวงคมนาคม มาคุยกันแบบ "วัน สต็อป เซอร์วิส" ตกลงให้มันเบ็ดเสร็จ-เด็ดขาดไปเสียทีเดียวล่ะ!

นี่อีก ๒ เดือนจะเปิด แต่ยังเถียงกันไม่สะเด็ดน้ำเลยว่าจะใช้อาคารไหน?

แล้วนี่ วานนี้ "คุณต่อตระกูล ยมนาค" ประธานคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาแท็กซี่เวย์และรันเวย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่านบอกว่า ๒ ก.พ.นี้จะรายงานผลตรวจต่อรมว.คมนาคม ด้วยข้อกังวลว่า

"เพราะความเสียหายของผิวแท็กซี่เวย์และรันเวย์ ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องและลุกลามไปทั่ว   แสดงให้เห็นชัดเจนว่า   โครงสร้างด้านล่างเสียหายหมดแล้ว..."

ที่น่าสนใจคือ คุณต่อตระกูลเสนอทางแก้ ๒ ทางเลือก คือ ซ่อมแซม หรือทุบสร้างใหม่ เมื่อเป็นอย่างนี้เราจะรับรายงานวัน-คิดวัน ไม่ทันการณ์แล้วหละครับ ต้องกล้าสั่ง กล้าตัดสินใจภายใต้ข้อมูล และแผนที่ชัดเจนแล้วหละว่า "พร้อมยกดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ ๒ ในกรุงเทพฯ หรือไม่?" และโปรดอย่ามีคำว่า "ชั่วคราว-สุดแต่สมัครใจ" เลย..ขอร้อง!.

เปลวสีเงิน

จากกระแสข่าวที่มีรายงานกันมาจนถึงวันนี้ .........ผมไม่คิดว่าจะมีการปิดซ่อมเป็นบางส่วน...........หากการแตกร้าวของรันเวย์และแท็กซี่ เกิดจาก โครงสร้างด้านล่างจริง...........ผมคิดว่าสุดท้ายเราคงต้องปิดสุวรรณภูมิ ไม่ว่าจะชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมทั้งหมด หรือ การปิดอย่างถาวร เพราะการซ่อมแซมยุ่งยาก และสิ้นเปลืองงบประมาณเกินไป....

ขี้ก้อนนี้เก็บยากจริง ๆ เพราะมันเปรอะไปหมด