ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
04-07-2025, 02:41
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  พระเจ้าจ๊อดด!! ปรับโครงสร้าง ตร.ให้ “คนนอก” สมัครเป็น ผบ.ตร.ได้? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
พระเจ้าจ๊อดด!! ปรับโครงสร้าง ตร.ให้ “คนนอก” สมัครเป็น ผบ.ตร.ได้?  (อ่าน 2958 ครั้ง)
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« เมื่อ: 08-01-2007, 23:51 »

ฮือฮาไม่เบา ปรับโครงสร้างตำรวจใหม่ เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ารับการแข่งขันสมัครเป็น ผบ.ตร.ได้ พร้อมยกเลิกชั้นยศของตำรวจชั้นประทวน ให้เหลือแค่ “นายดาบตำรวจ” เท่านั้น ส่วนตำรวจที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านกฎหมายสามารถปรับขึ้นเป็น ชั้นสัญญาบัตรได้ทันที
       
       ที่กระทรวงยุติธรรม วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ผลสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการพัฒนาตำรวจ ที่จะประมวลเสนอ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งที่ให้รายงานความคืบหน้าทุก 2 เดือน ได้ข้อสรุปแนวทาง ว่า โครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แยกเป็นสองส่วน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธรทั้ง 9 ภาค ส่วนคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ยังมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานบอร์ด แต่กรรมการคัดเลือกจากบุคคลภายนอก ทั้ง ศาล อัยการสูงสุด สภาทนายความ นักวิชาการ นักการเมืองฝ่ายค้าน เอกชน จำนวน 5-8 คน เช่นเดียวกับระดับกองบัญชาการที่มีคณะกรรมการตำรวจกำกับเช่นกัน ป้องกันไม่ให้มีการแทรกแซงทางการเมือง และเข้ามาควบคุมคานอำนาจของ ผบ.ตร.เพื่อให้เกิดความโปร่งใส รวมทั้งตั้งคณะกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนเป็นอิสระในการตรวจสอบ การทำงานของตำรวจตามคำร้องทุกข์ได้ โดยคณะกรรมการตำรวจในทุกระดับ ต้องปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาเพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
       
       ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการปรับโครงสร้างในประเด็นดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังได้เสนอให้ปรับยศตำรวจชั้นประทวน ให้เหลือเพียงยศดาบตำรวจ เพราะภารกิจไม่แตกต่างกัน แต่ปัจจุบันตำรวจชั้นประทวนมีชั้นยศห่างกันถึง 5 ตั้งแต่พลตำรวจไปถึงดาบตำรวจ รวมทั้งให้ปรับตำแหน่งตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ ให้ปรับตำแหน่งเป็นชั้นสัญญาบัตรแทน ส่วนหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมโดยตรง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม ตำรวจป่าไม้ ขึ้นอยู่กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตำรวจท่องเที่ยว ให้ขึ้นตรงกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนการคัดเลือก ผบ.ตร.เปิดโอกาสให้ตำรวจ หรือบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติ มาสมัครเพื่อเสนอวิสัยทัศน์ ให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ คัดเลือกผู้ที่มีเหมาะสมดำรงตำแหน่งผบ.ตร. ส่วนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พิจารณายกเป็นสถาบันวิชาการตำรวจแห่งชาติ
       
       “วันที่ 18 ม.ค.จะมีการสัมมนาตำรวจกับความคาดหวังจากสังคมไทย ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกฯ เป็นประธาน โดยช่วงเช้านายกฯ จะปาฐกถาเกี่ยวกับนโยบายพัฒนาตำรวจ ส่วนช่วงบ่ายจะประชุมกลุ่มย่อยรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการพัฒนา โครงการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเปลี่ยนตามแนวทางที่คณะกรรมการพัฒนาฯ เสนอในจุดใดบ้าง ขึ้นอยู่กับนายกฯ และรัฐบาลที่พิจารณาในท้ายที่สุด” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว


http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000002168

 
ตื่นเต้นอีกแล้วครับพี่น้อง
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 08-01-2007, 23:59 »

คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ยังมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานบอร์ด แต่กรรมการคัดเลือกจากบุคคลภายนอก ทั้ง ศาล อัยการสูงสุด สภาทนายความ นักวิชาการ นักการเมืองฝ่ายค้าน เอกชน จำนวน 5-8 คน เช่นเดียวกับระดับกองบัญชาการที่มีคณะกรรมการตำรวจกำกับเช่นกัน ป้องกันไม่ให้มีการแทรกแซงทางการเมือง และเข้ามาควบคุมคานอำนาจของ ผบ.ตร.เพื่อให้เกิดความโปร่งใส


คอยฟัง อชิรวิทย์ ให้สัมภาษณ์   Cool
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 09-01-2007, 00:07 »

ถ้าเป็นตำแหน่งที่ได้รับการสรรหาจากองคมนตรีก็คงจะเห็นด้วยครับ อย่าลืมว่าสำนักงานตำรวจมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่ข้างในนะครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #3 เมื่อ: 09-01-2007, 00:11 »

ว่าแล้วเชียว ใน สตช. คงจะหาคนดีๆ มาเสียบแทนโกวิทยากจริงๆ เลยต้องออกมาท่านี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2007, 00:58 โดย 1ktip » บันทึกการเข้า
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #4 เมื่อ: 09-01-2007, 00:24 »

     ให้คนนอกเป็น ผบตร. ได้ อะไรมันจะตลกเช่นนี้

เชื่อว่าผมตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบรอบก็คงไม่มีโอกาส

ได้เห็น...
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #5 เมื่อ: 09-01-2007, 00:52 »

ลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆดู ก็น่าอาจดีเหมือนกันนะคะ

เพราะที่ผ่านมาอย่างที่เราๆท่านๆก็เห็นกันอยู่ว่าทุกสิ่งอย่างในวงการสีกากี

เหมือนย่ำเท้าอยู่กับที่ ไม่มีอะไรพัฒนาไปในแนวทางที่น่าจะเป็นความหวัง

ให้ประชาชนเลย


 
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 09-01-2007, 00:58 »

ตำรวจเป็นนายกได้ นักการเมืองหรือนักวิชาการก็สามารถเป็น ผบ.ตร. ได้

มันเป็นงานนโยบายนี่นะ...
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #7 เมื่อ: 09-01-2007, 01:25 »

หากตำรวจยังยึดรูปแบบทหาร  ไม่ว่าจะเป็นยศ - ลำดับขั้นการบังคับบัญชา ( หมวดหมู่ ) - สาย - ย้ายท้องถิ่น ฯลฯ
...ยังไง ๆ ก็ไม่มีทางสนองตอบต่อ "ระบบการปกครองอันไม่สนับสนุนระบบทรราชย์"



ถึงเวลาที่ตำรวจต้องแบ่งแยก "งาน" ได้แล้ว
เช่น 

1. ตำรวจท้องที่  ก็ให้เป็นคนในท้องที่ ( ซึ่งรู้จักพื้นที่และคนในพื้นที่นที่ ) นั้น ๆ   ตั้งแตเริ่มเข้ารับราชการไปจนตาย
..เป็นงาน "สอบสวน" และดูแลสวัสดิภาพของประชาชนอย่างทั่ว ๆ ไป ( พื้นที่ใหญ่ ก็ใช้ตำรวจเยอะ / พื้นที่แออัดก็อาจใช้มอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ เอาความสะดวกว่องไว ...แตกต่างกันตามเหมาะสม )
ซึ่งโดยมโนสำนึกของตำรวจกลุ่มนี้ "ต้องอยู่ในพื้นที่ - อยู่กับประชาชนในพื้นที่ ไปจนแก่ตาย" ( ถ้ายังรักงานตำรวจ )  ดังนั้นเขาย่อมจะต้อง "รักษาชื่อเสียง - เกียรติยศ - ความน่าเชื่อถือ - มิตรสัมพันธ์" กับประชาชน ให้มากที่สุด ( หลักการ : เมื่อเห็นว่าตำรวจคุ้มครองประชาชน - ประชาชนย่อมยินดีช่วยเหลือและปกป้องตำรวจ )
โดย "ผู้บังคับบัญชาสูงสุด" ของตำรวจท้องที่  ก็คือ "ผู้ว่าราชการจังหวัด" ซึ่ีง "ต้องมาจากการเลือกตั้ง ( ทั้งประเทศ )"

แบบว่า...
...คนในจังหวัดไหน "เอี่ย" ย่อมเลือก "เอี้ย" เป็นผู้บริหาร  แล้วก็ได้ "เอี้ย" เป็นตำรวจ...จนในที่สุดจังหวัดนั้นก็วิบัติฉิบหา่ยไปเอง  เพราะ "เป็นเมืองนิยมเอี้ย" ( สมควรแก่เวรกรรม )"
...จังหวัดไหนคนดี มีศีลธรรม  ย่อมเลือกคนดี - ได้ตำรวจดี มาปกครองดูแล   อันจะทำให้จังหวัดนั้นเจริญก้าวหน้า - ผาสุก

2. ตำรวจกลุ่มที่สองคือพวกสืบสวน - กองปราบ - สอบสวนกลาง ( ดูแลงานอาชญากรรม - ระดับรุนแรง )
พวกนี้ต้อง "ไม่คุ้นหน้า" เพราะอาจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอาชญากรรม ( งานสา่ยสืบ )
จึงต้องใช้ระบบการบริหารงาน "กลาง" อันอาจจะคล้ายกับ DSI ในปัจจุบัน
...พวกนี้ฟังเผิน ๆ อาจรู้สึกว่ามีี้อำนาจคับแผ่นดิน
แต่ความจริงก็คือ "หย่ายยยย" เฉพาะ "เมื่อได้รับคำสั่งแต่งตั้ง" ลงไปจาก "ส่วนกลาง ( ซึ่งอาจไม่ใช่กรุงเทพ ฯ ) เท่านั้น
ถ้าไม่มีคำสั่งแต่งตั้ง หรือหมดระยะเวลาแล้ว - หากเสนอหน้า่ไปที่ไหน เขาก็คือ "ประชาชนในการดูแลของตำรวจท้องที่ นั้น ๆ"
ไม่มียศ - ไม่มีตำแหน่ง - ทำงานเป็นทีม - รับงานเป็นโปรเจ็ค - ไม่มีเครื่องแบบ ( สามารถถูกยิงตายได้ทุกเวลา  จากทุกฝ่าย  อาจได้ใส่เครื่องแบบตำรวจบ้างก็เฉพาะเวลามีงานพิธี  เช่น  พิธีศพของเพื่อน...และของตัวเอง )
...ไปไหนมาไหนไม่มีสิทธิกร่าง
...เงินดี งานมันส์  ไ้ด้ตอบสนองตัณหาตัวเอง
แต่ "ไม่มีบริษัทไหนอยากทำประกันชีวิตให้" ว่ะ


3. สุดท้ายก็ "ตำรวจหน่วยงานเฉพาะ"
เช่น ตำรวจในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ( คอร์ทมาแชล / ขึ้นตรงกับอธิบดีผู้พิพากษา ), ตำรวจน้ำ ( ไม่ใช่ตำรวจขายน้ำ / ขึ้นตรงกับผู้ว่าการท่า ฯ ), ตำรวจชายแดน, ตำรวจในสังกัดงานกระทรวงการต่างประเทศ ( งานด้านการท่องเที่ยว - ศุลกากร ), งานอารักขาบุคคล, ตำรวจทางหลวง ( และการทางพิเศษ ) ฯลฯ
...เครื่องแบบ "ต่างกัน - ตามความเหมาะสมของงาน"
...บางหน่วยอาจจัดสรรกำลังพลตามกำลังการใช้อาวุูธก็ได้ ( บางหน่วยอาจมี "ฮ.แบบกันชิป" )


สรุปง่าย ๆ ก็คือ
1. ยุบ สตง.ทิ้ง ซะ
เลิกหรือล้างระบบ "วิ่งเต้น" เพื่ิอ 1 ลงพื้นที่ ( ทำเลทอง ) หรือ 2 ตำแหน่งราชการ
เพราะต้องให้ตำรวจ "อยู่กับงาน - อยู่ใน Field" ที่ตนเองนั้น "จำต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง" ไปตลอดชีวิต  ด้วยการยึดมั่นในหลักคุณธรรมหรืออย่างน้อยก็หลักจริยธรรม  เพราะธรรมเท่านั้นที่จะคุ้มครองพวกท่านให้ "อยู่รอด" ไปจนแก่ หรือแม้แต่ "ก้าวหน้า" ในหน่วยงาน ( เพราะประชาชนในพื้นที่สนับสนุน - ผลงานเกื้อหนุนให้เป็นที่ประจักษ์ - เป็นที่รักใคร่และพึ่งพาได้ของคนทำงานร่วมกัน / ในขณะที่ตัวตำรวจคนนั้นก็ไม่กล้ามั่ว - ไม่กล้าซ่า - ไม่กล้าเกาะนาย เพราะอาจกลายเป็นตำรวจหัวเน่า หากนายคนนั้น "ปิ๋ว" )
2. แบ่งงาน  ทำให้สายงานสั้นลง - คล่องตัวขึ้น  โดยทำให้ "ตำรวจเข้าไปใกล้งานมากขึ้นกว่าเดิม" ( เดิม - ที่พยายามดิ้นรนเข้าไปรับใช้คนใหญ่คนโต - แสวงหาลาภ ( พื้นที่ ) ยศ ( ตำแหน่ง ))"

"งาน" ของ ตร.ท้องที่ คือ "ดูแลความสงบสุขให้ประชาชน ( งานไกล่เกลี่ย - ส่วนใหญ่เป็นคดีแพ่ง / คดีความทั่วไป  ซึ่ง "ผู้ต้องหา" ยังไม่ถึงกับจะต้องถูกเรียกว่า "อาชญากร" )"
"งาน" ของหน่วยกลาง ( FBI - DSI ) คือ "นำตัวอาชญากรสำคัญออกจากสังคมโดยเร็วที่สุด ( งานกำจัด )"
"งาน" ของตำรวจพิเศษต่าง ๆ คือ "ช่วยรักษาผลประโยชน์และความมั่นคง ( งานเกื้อกูล - ต่อหน่วยงานหลัก )"
...ไม่มีงาน "กิน" ( แสวงหาลาภ )
...ไม่มีงาน "กุม ( กะปก )" ( แสวงหาบารมี "คุ้มหัว" )
...ไม่มีงาน "กร่าง" ( แสวงหาบริวาร )
...ไม่มีงาน "กระดื๊บ ๆ" ( แสวงหายศ - ตำแหน่ง )

3. ยุบ "โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน" หรือเปลี่ยนเป็น "วิทยาลัยตำรวจ" ซึ่งเป็นสถาบันอัน "ไม่สร้างลักษณะของทหาร ( เลิก "สี" ...กากี )"   
นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่คัดสรรบุคคล "ทุกภาคส่วน" เข้ารับราชการตำรวจ   ใช้เป็นที่พัฒนางานตำรวจอย่างเป็นสากล ( นิติวิทยาศาสตร์ + พยาบาล + วิทยาศาสตร์/วิศวกรรมความปลอดภัยและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ  อยู่ในสังกัดหน่วยงานนี้ทั้งหมด )
4. ระบบค่าตอบแทนของตำรวจแต่ละส่วนงาน "แยกบัญชีกันไป" หรือแม้แต่ระเบียบการเข้ารับราชการ - วินัย ก็ต่างกัน ( มีสิ่งเดียวที่ยังเหมือนกัน คือ คำว่า "ตำรวจ" )
เพราะพฤติวิสัย - ภวสันดาน ของงานแต่ละอย่างย่อมไม่เหมือนกัน
ตำรวจ DSI อาจเพี้ยน ๆ นิดหน่อย  ดูกะเร้อกะรัง - ไม่เป็นระเบียบ - โสโครก นิดหน่อย ก็ไม่น่าเป็นไร
ในขณะที่คอร์ทมาแชล  ต้อง "เปรี๊ยะ" ในด้านบุคลิกภาพและกฎบัตรกฎหมาย ( ป.วิ ฯ )
หรือตำรวจท่องเที่ยว  จะดูเป็นตุ๊ดนิด ๆ กุ๊กกิ๊กหน่้อย ๆ ก็ไม่น่าเกลียด
...แบบนี้แล้วจะให้ค่าตอบแทนเหมือนกันได้ไง - ใช้ระเบียบวินัยเดียวกัน ได้ยังไงล่ะ ??
5 6 7. ยังคิดไม่ออก  และ/หรือให้คนอื่นต่อยอด - ตอดย่อ บ้าง




กะอีแค่ "หัวที่เปลี่ยนไป" ตามแรงการเมือง "ภาคพยายามสร้างภาพว่าเอาใจประชาชน"
มันไม่มีค่าอะไรหรอก

พิมพ์ไปก็เมื่อยมือ
ถ้าไม่ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาระหว่างดาวน์โหลดหนังโป๊  จะไม่เสียเวลาบ่นเลยฟว่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2007, 01:53 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #8 เมื่อ: 09-01-2007, 01:37 »


หรือตำรวจท่องเที่ยว  จะดูเป็นตุ๊ดนิด ๆ กุ๊กกิ๊กหน่้อย ๆ ก็ไม่น่าเกลียด


แป่ววว 

ก่อนถึงบรรทัดนี้ผมเดาว่า ตร ท่องเที่ยว จะต้องสุภาพ เป็นมิตร มีใจรักบริการ
หักมุมซะแทบหงายท้องเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2007, 01:40 โดย Cherub Rock » บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #9 เมื่อ: 09-01-2007, 01:44 »


หรือตำรวจท่องเที่ยว  จะดูเป็นตุ๊ดนิด ๆ กุ๊กกิ๊กหน่้อย ๆ ก็ไม่น่าเกลียด


แป่ววว 

ก่อนถึงบรรทัดนี้ผมเดาว่า ตร ท่องเที่ยว จะต้องสุภาพ เป็นมิตร มีใจรักบริการ
หักมุมซะแทบหงายท้องเลย


อิ ๆๆ
ก็กลัวจะไม่มีคนอ่านอยู่เหมียนกัลล์
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 09-01-2007, 05:57 »

การปรับโครงสร้างตำรวจ หมายถึงเปลี่ยนตามภาะหน้าที่ที่แท้จริง

ไม่จำเป็นต้องเป็นกองทัพตำรวจ


คล้าย ๆ กระทรวงสาธารณะสุข ที่มีทุกสาขาอาชีพเช่นเดียวกัน
บันทึกการเข้า

นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #11 เมื่อ: 09-01-2007, 07:30 »

หรือ...จะเป็นเพราะชายที่ชื่อโกวิทคนเดียวแท้ๆทำให้ตำรวจจะต้องโดนผ่าตัดทั้งพวง

น่าสงสารปนสมเพชจริงๆ
บันทึกการเข้า
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #12 เมื่อ: 09-01-2007, 07:55 »

ก็เห็นด้วยในระดับหนึ่งนะครับ..เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งสายและการวิ่งเต้น

แต่ที่เห็นด้วยที่สุด และอยากให้ทุกองค์กรราชการได้ทำ คือ มีการเลือกตั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดในองค์กรเอง  โดยแคนดิเดทคือ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกคน

ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ องค์กรไม่มีความเป็นประชาธิปไตยเลย  มีแต่ผู้ออกคำสั่ง กับ ผู้ถ่ายทอดคำสั่ง  มันเหมือนเผด็จการในองค์กร
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 09-01-2007, 12:01 »

ผมไม่รู้เรื่องราชการ แต่ระวังการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง แก้ได้ผล แต่ไปเปิด "ช่องโหว่" ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงอีกอันหนึ่งล่ะครับ

เมืองไทยมีแนวโน้มจะเป็นแบบนั้นทุกครั้งไป
บันทึกการเข้า

kumtong
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #14 เมื่อ: 09-01-2007, 19:40 »

เห็นด้วยกะความเห็นคุณ*bonny  ในภาพรวม 
โดยเฉพาะในมุมของตำรวจ   ควรอย่างยิ่ง  ที่จะมีการเลือกตั้งผู้บังคับบัญชาตำรวจ  โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร.   เพราะตำแหน่งนี้มีอำนาจให้คุณให้โทษ  แก่สังคมตำรวจ และเลยมาถึงในสังคมประชาชนโดยรวม   แตกต่างจากข้าราชการอื่นค่อนข้างมาก
การเลือกตั้ง ผบ.ตร. โดยตำรวจหรือประชาชนโดยตรง    ย่อมเป็นหลักประกันได้ระดับหนึ่งว่าจะได้คนดี   
ดีกว่าใครก็ไม่รู้แต่งตั้ง  คนๆหนึ่งมาเป็น ผบ.ตร. มาดูแลสังคมโดยรวม และบังคับบัญชาตำรวจหลายแสนคน ให้ทำตามนโยบายของตนเองที่ไม่รู้รับใช้ใคร   แต่ปากพร่ำว่ารับใช้ประชาชนซึ่งแทบไม่มีความจริงเลย
  ที่ผ่านมาก็เป็นอำนาจของนายก  กับ คณะกรรมการ ก.ตร.  ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว  เมื่อได้รับการแต่งตั้งมาจากบุคคลและกลุ่มบุคคลหนึ่ง  ผบ.ตร. ย่อม  รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ต่อคนกลุ่มนั้น   ซึ่งไม่ใช่ประชาชน   อย่างที่เห็น  นอกจากไม่สำนึกถึงประชาชนแล้ว ยังเลยเถิดคิดว่าตนเองเป็นนายประชาชนอีกด้วย   
และจะได้เลิกบังคับให้ลูกน้องส่งส่วย   ซึ่งลูกน้องไม่รู้จะไปหาที่ไหน ก็จ้องรีดใถประชาชนอย่างที่เป็นอยู่
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: