น่าเสียดายส่วนของผู้จัดการมรดกนะครับ
ที่จริง กรมที่ดินมีบริการให้ ไม่ต้องผ่าน"ผู้จัดการมรดก" แต่อย่างใด ( ระเบียบออกมาหลายปีแล้ว )
แต่ "ทายาทโดยธรรม" สามารถชักชวนกันไปให้ครบ ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนมรดก ( ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ) ได้เลยครับ
ส่วนใหญ่ การจดทะเบียนรับมรดก จะจบในวันเดียว ( หากมีเอกสารครบถ้วน )
เมื่อจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ร่วมแล้ว ก็ยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม
หากมีการจดทะเบียนจำนองอยู่ก่อน มีข้อให้ปฏิบัติ 2 วิธี
1. ไถ่ถอนจำนองก่อน
2. จดทะเบียนได้ โดยคำยินยอมของ "ผู้รับจะนอง" ( มีหนังสือยินยอมจากผู้รับจำนอง )
หากไม่ได้รับความไม่สะดวก ขอพบเจ้าพนักงานที่ดิน หรือ ที่ปรึกษาเจ้าพนักงานที่ดินประจำสำนักงานนั้น ( ที่ปรึกษาเจ้าพนักงานที่ดินเป็นเอกชน ซึ่งทางกรมแต่งตั้งให้ช่วยเหลือประชาชนอีกแรงหนึ่ง )
ไอ้เรื่องนี้มันก็แปลกดีนะครับลุงแคน
ระเบียบมี แต่ในทางปฏิบัติพนักงานเจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมดำเนินการให้
สมมตินาย ก. ชวนนาย ข. นาย ค. กับนาง ง. อันเป็นทายาทโดยธรรมของนายเฉย + นางเฉื่อย ไปติดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดฟากฟ้า สาขาตกนรกหมกไหม้ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในฐานะผู้ปกครองท้องที่และพยานซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อ(อยู่ที่ดินข้างเคียง)ไปยืนยันว่าคนทั้ง 4 เป็นทายาทโดยธรรมของนายเฉย+นางเฉื่อย ผู้วายชนม์จริงและมีสิทธิ์ในการได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากผู้วายชนม์ทั้งสอง
พนักงานเจ้าหน้าที่มองหน้า มองหลัง ไม่แม้แต่จะหยิบเอาเอกสารขึ้นมาดู จากนั้นก็บอกหน้าตาเฉยว่า "แม้ทายาทจะมากันครบทุกคน แถมมีพยานมาด้วย ก็ไม่สามารถที่จะจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้วายชนม์มาเป็นของคนใดคนหนึ่ง หรือแบ่งแยกที่ดินให้กับทายาทได้ เพราะไม่มีพินัยกรรม ต้องไปยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลและศาลมีคำสั่งให้คนใด คนหนึ่งในจำนวนทายาททั้งหมดเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อนจึงสามารถจะดำเนินการให้ได้"
นี่คือคำตอบจากพนักงานเจ้าหน้าที่
หลังได้รับคำแนะนำทายาททั้งสี่ของนายเฉย+นางเฉื่อยผู้วายชนม์พร้อมพยานที่พามาด้วย ก็หอบหิ้วกันไปปรึกษาทนายความ เจอทนายความดีก็จะได้รับคำแนะนำให้กลับไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่ใหม่อีกรอบหนึ่ง พร้อมกับแนะนำวิธีการให้เสร็จสรรพ แถมพกด้วยคำสั่งกลาย ๆ ให้บอกพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยว่า "เมื่อทายาทมาพร้อมเพรียงกันแล้วต้องดำเนินการให้ ถ้าไม่ทำจะกลับไปหาทนายความให้พาไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" นั้นแหละพนักงานเจ้าหน้าที่ถึงจะยอมทำให้
แต่ถ้าเจอทนายความเห็นแก่ได้ ก็จะกุลีกุจออีกเช่นกัน ขอเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน ทายาททั้งหมด จากนั้นบอกเอา 5,000 บาทขาดตัว แล้วอีก 45 - 50 วันนัดให้มาศาลไต่สวนคำร้อง พร้อมกับรับคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกไปดำเนินการ(ทุกวันนี้นอกจากทนายความแล้วพนักงานอัยการก็ยังเอากับเขาด้วยนะครับ คิดค่าดำเนินการถูกกว่าทนายความหน่อย คือ 2,500 - 3,000 บาท มีศัพท์เรียกกันว่า "คดีหาค่ากับข้าวและเหล้าเย็น")
ร้อยทั้งร้อยท้ายคำร้องไม่ว่าจะเป็นทนายความหรือพนักงานอัยการทำ เขียนว่า "ผู้ร้องได้ไปติดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้วายชนม์ แต่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งเหตุขัดข้อง พร้อมกับแนะนำให้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อนจึงจะดำเนินการให้ได้"
นี่มันเป็นอย่างนี่แหละครับลุงแคน