ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-01-2025, 04:52
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ถ้าเป็นคนปกติ...ตั้งกระทู้ ตอบกระทู้ ก็มีศีลธรรมทันทีแล้ว ยกเว้นพวก .........@@ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ถ้าเป็นคนปกติ...ตั้งกระทู้ ตอบกระทู้ ก็มีศีลธรรมทันทีแล้ว ยกเว้นพวก .........@@  (อ่าน 803 ครั้ง)
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« เมื่อ: 04-11-2006, 09:30 »

....พวกประเภท ไม่ปกติ  หรือแกล้งไม่ปกติ.....ไม่ทราบเหมือนกันว่า
มีศีลธรรมหรือไม่ 


....แต่ถ้า  มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา  โดยปกติ ...จะตั้งกระทู้
ตอบกระทู้เจตนาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านทั้งนั้น.....




    ศีลธรรม  จริงๆแล้ว  แปลว่า.....ปกติ
 ( ท่านพุทธทาส กล่าวเช่นนี้เสมอลองค้นหาต้นตอข้อมูลดู)

...เจตนากระทู้นี้ ต้องการสื่อว่า ....ศีลธรรมเป็นเรื่อง
ใกล้ตัว  ลืมตาอ้าปาก...ตื่นนอนก็เจอแล้ว...



** แค่ตื่นมา...แล้ว ตั้งสติ พูดในสิ่งที่ถูกต้อง
คิดในสิ่งที่ถูกต้อง  ทำในสิ่งที่ถูกต้อง...ตลอด
เวลา  ก็มีศีลธรรมเต็มเปี่ยมแล้ว .....

ใช่หรือไม่ .....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2006, 09:38 โดย คำตัดพ้อของใบไม้ » บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
Sky
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 913



« ตอบ #1 เมื่อ: 04-11-2006, 16:49 »

http://www.tmctoday.com/Forum/showthread.php?t=315
บันทึกการเข้า
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #2 เมื่อ: 04-11-2006, 18:15 »

...ขออนุญาตินำความหมายที่แท้จริง
ของคำว่า  ศีลธรรมมาให้อ่านกันนะคะ

อดไม่ได้ค่ะที่จะให้ความสำคัญกับคำๆนี้
เพราะเป้นเรื่องที่ฝังอยู่ในตัวเรา  ตั้งแต่ลืม
ตาตื่นนอน  จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน
บางครั้งเรามีศีลธรรมโดยบังเอิญ  จนเรา
แทบจะไม่รู้ตัวเลย ...


..............................................................

ความหมายของศีลธรรม
          “ความหมายทางภาษา... คำว่า สี-ละ หรือศีลนี้ ตัวหนังสือแท้ ๆ ก็แปลว่า ปรกติ, อะไรที่คงอยู่ตามปรกติ ก็เรียกว่า สี-ละ หรือ ทำอยู่เป็นปรกติ ไม่ผิดแปลกออกไป ; นี้ก็เรียกว่า สี-ละ ถ้าผิดปรกติก็เรียกว่าไม่ใช่ สี-ละ. ที่เอามาใช้เป็นชื่อของการปฏิบัติที่เรียกว่า “ศีล” นี้ ก็คือ การทำให้ปรกตินั่นเอง. การฆ่ากันไม่ใช่ปรกติ ; ต่อเมื่อไม่ฆ่ากันจึงเรียกว่าปรกติ...ทีนี้ ก็มาถึงความหมายของคำว่า “ธรรม” คำว่า ธรรม นี้มีความหมายหลายอย่าง : ความหมายทั่วไป ก็หมายความว่า “ทรงตัวอยู่”. คำว่า ธรรม นี้ แปลว่า ทรงตัวอยู่ ; ฉะนั้น “ศีลธรรม” ก็แปลว่า “การทรงตัวอยู่อย่างปรกติ” มันก็เท่านั้นเอง. ทางภาษาจึงได้เห็นภาพพจน์ขึ้นมาว่า มีความปรกติทางปรากฏการณ์ ที่แสดงให้เห็นทั้งทางรูปธรรม และนามธรรมของทุก ๆ สิ่ง...

http://www.buddhadasa.org/html/articles/1_bdb/dhm_soc.html#14
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
Neoconservative
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 407


We protect the Kingdom


« ตอบ #3 เมื่อ: 04-11-2006, 18:19 »

กิเลส ต่างๆ รัก โลภ โกรธ หลง มันตัดกันได้ง่ายๆที่ไหน คู๊ณณณณ

ถ้างั้น บ้านเมืองก็ สงบไปนาน แล้ว

ยังไงก็ ขอเป็น กำลังใจให้ คุณ คำตัดฯ สู้ต่อไป

ผมคนนึงแล้ว ที่ จะพยายาม คิดดี ทำดี ไม่ให้ใครเดือดร้อน

 
บันทึกการเข้า
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #4 เมื่อ: 04-11-2006, 18:48 »



วิพากษ์สภาพการเมืองในปัจจุบัน

          “...เราจะมองดูระบบการเมืองในโลกปัจจุบันกันสักสามแง่ คือ ดูที่ต้นเหตุของมัน, ดูที่ความเจริญของมัน, แล้วก็ดูที่มันพัวพันกันอย่างสับสน แง่อย่างแรก ที่ว่าต้นเหตุของปัญหาการเมืองทั้งโลกนี้มันมีอยู่ที่ไหน? อาตมาอยากระบุลงไปว่า โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ไปหลับหูหลับตาหลงใหลในเรื่องความเจริญทางวัตถุมากเกินไป ไม่มีใครรู้สึกตัว ไม่มีใครละอายในการที่จะกอบโกยวัตถุ. เมื่อตกเป็นทาสของกิเลสหรือตกเป็นทาสของวัตถุเสียแล้ว, จิตใจก็ไม่อาจจะรู้สึกละอายได้ ก็ไม่รู้สึกกลัวด้วย... เป็นทาสของเนื้อหนังมันก็ละทิ้งพระเจ้า ; พวกฝรั่ง เขาเคยมีพระเจ้า เขาก็ละทิ้งพระเจ้า เขาจัดให้พระเจ้าตายแล้ว ไม่มีอยู่แล้ว.


          ฝ่ายตะวันออกนี้ก็ละทิ้งพระธรรม ซึ่งมีฐานะอย่างเดียวกับพระเจ้า ละทิ้งศาสนา ละทิ้งพระธรรม แม้แต่วัฒนธรรมของบรรพบุรุษฝ่ายตะวันออก อย่างจีน อย่างไทยแท้นี้ มันก็ถูกละทิ้งไป ไปเป็นทาส ของเนื้อหนัง...


          ทีนี้ แง่ที่ ๒. มองดูถึงความเจริญ ต้นเหตุอันนั้นได้ทำให้เกิดความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น เจริญไปแต่ในทางเกลียดศีลธรรม, เจริญไปแต่ในทางเกลียดศาสนา เห็นแต่ความสุขทางเนื้อหนัง, เห็นแต่ส่วนเกินยิ่ง ๆ ขึ้นไป ในความสนุกสนานทางเนื้อหนัง...


          ทีนี้ ในแง่ที่ ๓. ดูอาการที่มันพัวพันกัน ผูกพันกันในระหว่างมนุษย์ หรือระหว่างระบบการเมือง ทั้งหลาย. ความพัวพันนี้มันเป็นความพัวพันหลายอย่างหลายทาง ; เช่นประโยชน์มันเกี่ยวเนื่องกัน หรือมันเป็นปัจจัยให้แก่กันและกัน, ต่างฝ่ายต่างต้องอาศัยกัน ; มันก็เป็นเหตุให้ระบบการเมืองในโลก มันเกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งว่า แม้เป็นข้าศึกแก่กันมันก็ยังต้องพัวพันเกี่ยวข้องกัน.


          อย่างระบบเสรีประชาธิปไตย กับระบบคอมมูนิสต์โดยตรงนี้ มันด่าก็ด่ากันไป ; อีกทางหนึ่ง ก็ติดต่อกัน สัมพันธ์กัน จะล่อหลอกเอาประโยชน์จากกันและกันนี้. มันพัวพันกันอย่างคดโกงและ ทั้งอย่างซื่อตรง ทั้งอย่างต่อหน้าทั้งอย่างลับหลัง.


          แล้วแต่ละพวกก็ต้องการขยายตัว ขยายตัว ขยายตัวเรื่อยไป มันก็เกิดการพัวพันกันยุ่ง : ความรู้ก็แลกเปลี่ยนกัน, การปฏิบัติงานค้นคว้าก็แลกเปลี่ยนกัน, ผลที่ได้มาก็ต้องแลกเปลี่ยนกัน ; เพราะมิฉะนั้น แล้วมันไม่รู้จะเอาไปไหน. นี่มันก็มีทั้งทางสนับสนุนกัน, แล้วก็มีทั้งที่จะทำลายล้างกันพร้อมกันไปในตัวอย่างหน้าไหว้หลังหลอก. นี่ก็ยิ่งเห็นว่าเป็นการพัวพันที่น่าสังเวช ความจำเป็นบังคับให้ต้องทำอย่างนั้น ธรรมะก็ไม่มีในโลก, ธรรมะก็ไม่มีสำหรับที่จะครองโลก.

          นี่เป็นอันว่า เราได้มองดูพอเข้าใจว่า โลกในสภาพปัจจุบันนี้มันเป็นอย่างไร, ถ้าจะดูว่า ทำไมยิ่งเจริญ ยิ่งไม่มีสันติภาพ? ก็ขอให้ดูให้เป็น เพราะว่า คำว่า “เจริญ ๆ” นี้ มันหมายแต่เพียงว่า มันมากเข้าเท่านั้น มันมากเข้ามันหรูหราขึ้น ; แต่มันไม่ได้หมายความว่า ถูกต้องยิ่งขึ้น.”๗



http://www.buddhadasa.org/html/articles/1_bdb/dhm_soc.html#14
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #5 เมื่อ: 04-11-2006, 18:58 »

ก็อยากตอบดีๆครับ มันมีกระทู้ไร้ศีลธรรมของพวกขี้ข้า  เชียร์ไอ้เหลี่ยมข้างๆคูๆ อ้างประชาธิปไตย ปลุกปั่นความวุ่นวาย ต้องล้างโคตร


...ขอยืนยันนะคะว่า...  แม้กระทั่งกลุ่มคนที่ชื่นชมศรัทธา
อดีตท่านนายกทักษิณ  ต่างก็ล้วนใช้ศีลธรรมในการดำเนิน
ชีวิตทั้งนั้น  เพียงแต่เค้าอาจจะมองข้าม  หรือคาดไม่ถึงว่า
สิ่งนี้ล่ะคือศีลธรรม....ยกตัวอย่างนะคะ

 การที่เค้ามีความกตัญญูกตเวที  ดูแลเอาใจใส่ดูแลทุกข์
สุขของพ่อ แม่และผู้มีพระคุณทั้งปวง ...ก็ถือว่าเค้ามีศีลธรรม
ในด้านการู้คุณคนแล้ว  คือคิดในสิ่งที่ถูกต้อง

  การใช้ชีวิตอย่างมีศีลธรรม  ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใช้ในวัดนี่นา
อยู่บ้านนี่ล่ะ  ใช้ได้ทุกวัน  และได้ทุกเรื่อง  แม้กระทั่งเรื่องการ
เมือง  จึงไม่แปลกเลยที่รัฐบาลชุดนี้จะเน้น  ศีลธรรม
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #6 เมื่อ: 04-11-2006, 19:08 »

กิเลส ต่างๆ รัก โลภ โกรธ หลง มันตัดกันได้ง่ายๆที่ไหน คู๊ณณณณ

ถ้างั้น บ้านเมืองก็ สงบไปนาน แล้ว

ยังไงก็ ขอเป็น กำลังใจให้ คุณ คำตัดฯ สู้ต่อไป

ผมคนนึงแล้ว ที่ จะพยายาม คิดดี ทำดี ไม่ให้ใครเดือดร้อน

 


  Smile Smile Smile  ขอบคุณนะคะที่เป็นกำลังใจให้  ก็ไม่ได้คิดต่อสู้
อะไรมากมายหรอกค่ะ  แค่มองศีลธรรม  คล้ายๆเรื่อง  กิน
เรื่องนอน  เรื่องขับถ่าย  ซึ่งในข้อเท็จจริง  เป็นเรื่องที่ดึง
ศีลธรรม  มาใช้ทุกวันอยู่แล้ว ....

  ในวันๆหนึ่ง  คงไม่มีใครคิดเอาเปรียบเพื่อนตลอดเวลา
คงไม่มีใครคิดเบียดเบียนใครตลอดเวลา  คงไม่มีใคร
คิดโลภ  คิดโกรธ  ตลอดเวลา ....เพราะฉะนั้น แม้ในวัน
หนึ่ง  ต่างคนต่างก็มีช่วงหนึ่งของเวลาล่ะที่มีศีลธรรม
จิตว่าง  จิตเป็นสุข  เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรมองข้าม
คำว่าศีลธรรม .....

***รัฐบาลคงเล็งเห็นจุดนี้  จึงดึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย
กับจิตใจของคนเรา มาพูดถึง  มาตระหนักให้เห็นคุณค่า
เพื่อให้เกิดความสงบของบ้านเมือง
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
หน้า: [1]
    กระโดดไป: