พิสูจน์คนโกงด้วย จินตนาการ และ สำเนียงส่อภาษา บ้าได้ที่แล้ว
เข้าใจแล้วว่าเวลาไปล่อเป้าถึงมีคนด่าเป็นร้อย ถ้าความคิดเห็นแบบนี้
ไปล่อเป้าที่อื่นอีก คราวนี้คงมีคนด่าเป็นพัน
ประเด็นแรก ลองเปลี่ยนชื่อ ชอบแถ เป็น
ชอบคิด ชอบใคร่ครวญ ก็น่าจะดีเน้อ-----
ประเด็นที่สอง ถ้าสายตาไม่ดีอ่านเนื้อกระทู้
ไม่เห็น กลองไปหาแว่นใส่ดูนะ แก่แล้ว
ก็ยอมรับซะหน่อย ไม่ยากหรอก--------------------------------------------------------------------------------
--- จะลงโทษคนโกงทั้งที ถ้าว่ากันตาม
ตัวบทกฏหมายของบ้านเมือง เราใช้
ยึดหลักฐานเป็นตัวตั้ง ต้องตรวจ
สอบให้หลักฐานส่อว่ามีการโกง
ก่อนจึงจะเอาความผิดบุคคลนั้นได้
และมีบทลงโทษตามกระบวนการ
อย่างถูกต้องได้ เรายึดกันเช่นนั้น
---ถามว่า กระบวนการยุติธรรม
คิดเช่นนี้ เกิดประโยชน์อะไรหรือไม่
ก็แน่นอน ย่อมมีผลที่เกิดขึ้นทั้งทางบวก
และทางลบ
คือ ช่วยคนที่บริสุทธิ์จริงๆ ให้
ได้รับความยุติธรรม ในทำนองเดียว
กัน ก็ยากที่จะเอาผิดคนที่มีทักษะ
แยบยลในการโกง คนที่มีการเตรียม
การเรื่องการป้องกันหลักฐานมิให้
มีความผิด เค้าวางแผนไว้อย่างดีแล้วล่ะ
ถกเถียงเรื่องนี้กันไป ก็เหมือนเถียง
กันในวังวน เสียเวลาเปล่าๆ กี่ปี
กี่ชาติก็คงจะจบได้ยาก และส่วน
มากจะรอดและปลอดจากความผิด
ในทำนองเดียวกัน ก็จะมีคนที่มี
อุดมการณ์เดียวกัน ศรัทธา
ในแนวคิดเดียวกัน ออกมา
ท้าเหย็งๆว่า --- หาหลักฐานมาสิ ไหนล่ะ
หลักฐาน -----แค่ท้าหาหลักฐานแต่ไม่
ยอมสร้างความกระจ่างในคำครหาหรอก
ถ้าผิดจริง พูดอย่างไรก็ไม่เคลียร์
ถ้าไม่ผิดจริง ไม่ต้องพูดมากก็เคลียร์
ตนเองได้ นี่คือสัจธรรม
เอางี้ดีกว่า ----ใครผิดใครถูก
ใครโกง ไม่โกง ไม่มีใครรู้จริง
เท่าเจ้าตัวตนที่ปฏิบัติหรอก----
ถ้าเค้าโกงจริง ปากที่เค้าจะอ้า
จะออกมาชี้แจงว่า ไม่โกง คำพูด
ก็สื่อออกมาเองว่า -- โกงจริงหรือไม่
โกงจริง---สำเนียงส่อภาษา
ยิ่งกว่านั้น ใจของเค้าเองสำคัญ
ที่สุด ที่จะบอกตัวเองว่า โกง
จริงหรือไม่โกงจริง ใจจะร่มเย็น
เป็นสุข หรือร้อนเป็นไฟ อันนี้
ธรรมชาติมีบทลงตัวโดยธรรมชาติ
อยู่แล้ว ถ้าโกงจริงๆ-----แล้วจะ
ออกมาตะโกนว่า ข้าสุขใจ
ใจข้าร่มเย็นไม่ได้โกง ----ก็ถือว่า
ลวงหัวใจตนเองเจ็บปวดมากอยู่แล้ว
----ถูกธรรมชาติลงโทษไปโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องมีใครไปด่าเค้ามากมายนักหรอก
เจ้าตัวรู้ดี