อาจยาวไปก็อย่าเบื่อนะครับ,เบื่อนักการเมืองได้แต่อย่าเบื่อเรื่องการเมือง
ความผิดของทักษิณ 11 กลุ่มข้อหา !
โดย ผู้จัดการรายวัน 24 กรกฎาคม 2549 00:34 น.
เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเริ่ม อุ่นเครื่อง ก่อนเปิดยุทธการชนฟ้าระยะที่ 1 โดยกลับมา พูดมาก เป็นครั้งแรก เป็นคำพูดในเชิงรุก รุกท่ามกลางภาพรวมของการถอยร่น เขาบอกว่าจะนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่
ที่สำคัญ รักษาการนายกรัฐมนตรีเถื่อนคนนี้บอกว่า ไม่ได้ทำผิดอะไร ! ณ ที่นี้ ผู้จัดการรายวัน ขอประมวลความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมาสรุปเป็นกลุ่ม ๆ ได้เป็น 11 กลุ่ม 11 ข้อหา ดังต่อไปนี้
1. ทำลายระบอบประชาธิปไตยฯ, ละเมิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2540
2. ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ละเมิดพระราชอำนาจ)
3. ทำลายสถาบันศาสนา
4. ฉ้อราษฎร์บังหลวง
5. ขายสมบัติชาติ
6. แบ่งแยกดินแดน
7. ทำลายทำนบกั้นกระแสไหลบ่าของโลกาภิวัตน์
8. ทำลายวินัยทางการคลัง
9. ใช้นโยบายการต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
10. ทำลายกระบวนการยุติธรรม
11. ทำลายจิตวิญญาณของชาติ ขอขยายความแต่โดยสังเขปให้เหมาะกับเนื้อที่ ดังต่อไปนี้
ทำลายระบอบประชาธิปไตยฯ, ละเมิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
หัวใจของระบอบประชาธิปไตยฯ คือการตรวจสอบ ถ่วงดุล เป็นระบบที่มีเหตุมีผล สังคมเปิดกว้าง ไม่ปิดกั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิและเสรีภาพ เพราะประชาธิปไตยเชื่อว่า สังคมเปิดที่ไม่มีการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร และมีกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดี จะเป็นเครื่องกำกับการใช้อำนาจของผู้ปกครอง แต่ระบอบทักษิณได้ทำลายกลไกทั้งหมด
* ทำลายและครอบงำกลไกการตรวจสอบถ่วงดุล -- คือ ส.ส. (ใช้กุศโลบายยุบรวมพรรค) ส.ว. (ซื้อ, แทรกแซง) และองค์กรอิสระ (ซื้อ, แทรกแซง และเข้ากำกับตั้งแต่ขั้นสรรหาและขั้นเลือกในวุฒิสภา)
* ทำลายหลักสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน ครอบงำสื่อ ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารทั้งทางตรงและทางอ้อม
นอกจากนั้น ระบอบทักษิณยังทำลาย วัฒนธรรมทางการเมืองประชาธิปไตย อย่างถึงราก
รูปแบบการเมืองแบบประชาธิปไตยสากลจะใช้ได้ผล ต้องควบคู่ไปกับวัฒนธรรมทางการเมืองแบ[ประชาธิปไตย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรปากอ้างกติกา ๆ แบบนกแก้วนกขุนทอง แต่ไม่รู้ว่ากติกาประชาธิปไตยสากลนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเลือกตั้งและเสียงข้างมาก เขาไม่เคยรู้ว่าวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย ก็คือ การเคารพสิทธิ การเคารพเสรีภาพ และการมีมาตรฐานทางจริยธรรม
นายกรัฐมนตรี และฝ่ายบริหาร ต้องมีมาตรฐานของความรับผิดชอบมากำกับ ยกตัวอย่างเช่น
* กฎหมายไม่ผ่านขั้นตอน ต้องลาออก
* มีข้อครหาเรื่องคนใกล้ชิดและโคตรเหง้าคอรัปชั่น -- ก็ต้องออก
* หรือแม้แต่ประชาชนจับได้ว่าโกหก -- ก็ต้องออก
แต่นี่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรท่องแต่คาถา กูไม่ออก, กูไม่สน และ กูไม่ผิด พระราชกฤษฎีกาแปรรูปกฟผ.ถูกศาลปกครองพิพากษาว่าเป็นโมฆะ 2 ฉบับ ตัวเองในฐานะผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโอกงการก็ไม่ยอมลาออก, คอร์รัปชั่นกันโครม ๆ ก็ไม่ออก, โกหกครั้งแล้วครั้งเล่า ก็หน้าด้านอยู่ได้เรื่อย ๆ
ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
มีพฤติกรรมจาบจ้วง ใช้วาจาไม่เหมาะสม ละเมิดพระราชอำนาจ ซ้ำซ้อน หลายเรื่อง
ล่าสุดก็คือกรณีเปิดยุทธการชนฟ้าระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 กล่าวถึงผู้เสมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
ทำลายสถาบันศาสนา
ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนาพุทธ แบ่งแยกคณะสงฆ์ และสร้างความแตกแยกให้พี่น้องมุสลิม
การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในสมัยรัตนโกสินทร์ แยกไม่ออกจากราชประเพณี โดยธรรมเนียมการแต่งตั้ง ต้องมีความเห็นชอบส่วนพระองค์ลงมาด้วย แต่บังอาจสร้างกติกาใหม่ เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ทำให้เกิดสภาวะสมเด็จพระสังฆราชซ้อน 2 พระองค์ โดยไม่กราบทูลขอพระราชทานคำชี้แนะ
ทะเลาะกับองค์กรมุสลิมโลก -- แนะให้เลขาธิการโอไอซี กลับไปอ่านอัลกุรอานใหม่
ศาสตราจารย์อิกเมเล็ดดิน อิซาโนกลู เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (OIC) ออกแถลงการณ์ที่นครเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2548 แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยระบุว่า กังวลกับข่าวความรุนแรงต่อชาวมุสลิมในภาคใต้ของไทย เน้นถึงความสำคัญของการเคารพในสิทธิมนุษยชนในทุกสถานการณ์ และการใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับบุคคลที่พิสูจน์ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว
โลกมุสลิมมองว่าไทยเกี่ยวข้องกับการทำร้าย และไม่ให้สิทธิที่เท่าเทียมกับชาวมุสลิม เป็นปัจจัยเสริมให้ความรุนแรงในภาคใต้มากขึ้น
ล่าสุดสนับสนุนให้คนของตัวเองเข้าไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และตั้งพรรคการเมืองใหม่
อภิมหาฉ้อราษฎร์บังหลวง
สมัยก่อน โคตรโกง แต่สมัยนี้ โกงกันทั้งโคตร หนักไม่หนักคิดดูก็แล้วกันว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ต้องมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 ทรงแช่ง
เป็นการโกงแบบใหม่ที่เนียนกว่าเก่า ใช้อำนาจหาผลประโยชน์มิชอบแก่ตนและพวกพ้อง ผ่านนโยบายสาธารณะที่มีวาระซ่อนเร้นทับซ้อนอยู่
สร้างมาตรฐานค่าคอมมิชชั่นใหม่ จากเดิม 10 % มาเป็น 30 %
ขายสมบัติของชาติ
เป็นการขายโดยผ่านนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยึดสมบัติชาติเป็นสมบัติตัวและพวกพ้อง ผ่านทางการกระจายหุ้นในตลาด และให้ Nominee ทั้งไทยและฝรั่งเข้ามาถือครอง
ดึงต่างชาติเข้ามาร่วมถือครองรัฐวิสาหกิจที่เป็นสมบัติชาติ
ขายสถานีโทรทัศน์ และดาวเทียม ซึ่งมีความละเอียดอ่อนเรื่องความมั่นคง ให้ต่างชาติ
แบ่งแยกดินแดน
กระบวนทัศน์แบบพ่อค้าทำให้ปัญหาภาคใต้ถึงวิกฤต และแบ่งแยกคนในชาติเป็นฝ่ายไทยรักไทย กับฝ่ายไม่ใช่ไทยรักไทย ตอนแรกคิดว่าโจรกระจอก เด็ดแต่ตัวหัว ๆ สัก 200 กว่าคนก็พอ
ประกาศสาเหตุว่าเพราะภาคใต้ไม่ได้รับการพัฒนา จึงทุ่มเงินลงทุน ซึ่งก็คือกระบวนท่าเงินฟาดหัวแบบเดิม ๆ ทำไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจ เชื่อขันทีใกล้ชิด รื้อโครงสร้างการจัดการใหม่ จนเหตุเลวร้ายถึงที่สุด
ทะเลาะกับมาเลเซีย และโลกมุสลิม ไม่กล้าลงไปภาคใต้ ไม่เน้นพัฒนาภาคใต้จริง ๆ จัง ๆ เพราะภาคใต้ไม่เลือกไทยรักไทย
ประกาศว่าพื้นที่ไหนเลือกส.ส.พรรคไทยรักไทยยกจังหวัด จะมาช่วยก่อนเป็นอันดับแรก
ทำลายทำนบกั้นกระแสไหลบ่าของโลกาภิวัตน์
ละเลยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมก่อนการเผชิญหน้ากับกระแสทุนโลกาภิวัตน์
ภูมิคุ้มกัน = ปรัชญาแห่งความพอเพียง รู้เท่าทัน
เดินตามกระแสทุนนิยมโลกาภิวัตน์แบบรู้เท่าไม่ทัน เร่งรัดเอฟทีเอ. อย่างมีเงื่อนไขผลประโยชน์ตัวเองทับซ้อน (เจรจาดาวเทียม สื่อสาร - ยานยนต์)
ความรู้เท่าทันและพอเพียง ต้องเริ่มจากระดับจิตใจ กระบวนทัศน์ โลกทัศน์ คุณธรรม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนเริ่มจากจุดนี้
นโยบายเศรษฐกิจแบบสุ่มเสี่ยงบ้าระห่ำ แทนที่จะ ลดด้านทุกข์ กลับ เพิ่มแต่ด้านสุข โดยไม่บันยะบันยัง
ความสุขที่พอดี ๆ พอเพียงมีองค์ 4
1. สุขจาการหาทรัพย์
2. สุขจากการใช้ทรัพย์
3. สุขจากการไม่มีหนี้สิน
4. สุขจากการทำประโยชน์ให้สังคม
แต่รักษาการนายกรัฐมนตรีเถื่อนคนนี้ส่งเสริมแต่ สุขด้านที่ 2 ซึ่งก็คือ ส่งเสริมด้านมืดของมนุษย์ ส่งเสริมกิเลศ มอมเมาว่าการเป็นหนี้คือการสร้างตัวเอง วางนโยบายแต่ส่งเสริมการใช้จ่าย การบริโภค
มองอย่างตื้น ๆ ในระยะแรกก็อาจเข้าใจว่าตัวเขาสำคัญผิด, หลงผิด
แต่เวลาผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาและโคตรเหง้าบริษัทบริวารไปทำธุรกิจรองรับ
ทำลายวินัยการคลัง
สร้างธรรมเนียมใหม่ การคลังที่ไม่ต้องผ่านสภาฯ คือ ใช้เงินหวย ภายใต้การบริหารของเพื่อนร่วมรุ่นนรต. 26 ที่กลายเป็นกระเป๋าเงินติดสอยห้อยตามโตงแตงไปทุกที่ ทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์แจกเงินเป็นว่าเล่น ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินที่ต้องแลกด้วยการตกต่ำทางด้านศีลธรรมจริยธรรมของสังคม
เศรษฐีขาดวินัย = บริหารโดยไม่ยึดวินัยทางการคลัง
โครงการที่ชี้นิ้วสั่งตรง เป็นโครงการไม่เหมาะสม เพียงต้องการหาเสียง เช่น ไนท์ซาฟารี เป็นต้น
โยกงบฯกลางมาใช้เองตามอำเภอใจ โดยไม่ผ่านระบบงบประมาณ และสภา
ใช้นโยบายการต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
กรณีโด่งดังที่นิติภูมิ นวรัตน์นำมาแฉ คือ ดอด (แจ๋น) ไปพบประธานาธิบดีเม็กซิโก ตื๊อขอนั่งเครื่องบินไปด้วยกัน เพื่อจะของานโทรศัพท์ให้บริษัทที่มีลูกเป็น Nominee ถือหุ้นแทน
ทะเลาะกับมาเลเซียทำปัญหาใต้ลุกลาม
เอาใจสิงคโปร์ให้มามีอธิปไตยเหนือดินแดนไทยบางส่วน เพราะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน ทำให้มาเลเซียยิ่งไม่พอใจ
ทำลายกระบวนการยุติธรรม
สร้างรัฐตำรวจ, ละเมิดสิทธิมนุษยชน จนถูกจับตามองจากโลกทั้งโลก ติดบัญชีรัฐที่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด
ส่งสัญญาณอุ้มฆ่า, ฆ่าตัดตอน
ส่งเสริมกลไกรัฐตำรวจ และสร้างกองกำลังติดอาวุธของตนเอง เช่น กรณีชรบ.(ตำรวจบ้าน)เชียงราย มาบุกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
มาตรฐานการยุติธรรมตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ใช้กลไกยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง
คดีอื่น ๆ คืบหน้า แต่คดีชาวเชียงใหม่เถื่อนบุกชกต่อยขว้างน้ำปัสสาวะใส่อดีตนายกฯชวน หลีกภัยและคณะไม่คืบหน้า ส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกและเกลียดชังระหว่างชาวใต้กับชาวเหนือ คดีแจ้งความทักษิณ ชินวัตรไม่คืบหน้า แต่คดีแจ้งความนายสนธิ ลิ้มทองกุลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คืบหน้าเร็วเหลือเกิน
ทำลายรากเหง้า-จิตวิญญาณของชาติ
เป็นการทำลายชาติอย่างสมบูรณ์แบบในขั้นสุดท้าย จนไม่เหลือสิ้นกระทั่งจิตวิญญาณ นั่นคือละเมิดขนบธรรมเนียม ประเพณี ซึ่งเป็นสายใยยึดโยงชาติ ที่สืบเนื่องกันมาแต่โบราณ แล้วสร้างแบบแผน-ธรรมเนียมใหม่ ให้คนในชาติหลงมัวเมาในวัตถุ หนี้สิน กระแสบริโภคนิยม
มอมเมาให้คนในชาติหลงยึดกับตัวบุคคล ผู้เป็นผู้นำหลักหนึ่งเดียว แล้ว ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก
รื้อทิ้งระบบคุณธรรม และมาตรฐานจริยธรรม
ตอกย้ำค่านิยมใหม่ให้แพร่หลาย จากเดิมนับถือคนดี มาเป็นนับถือความรวย
นายกรัฐมนตรีเดินแต่ห้างเอมโพเรียม สยามพารากอน กินกาแฟร้านแบรนด์เนมนอก ซื้อสบู่ราคาก้อนละ 2,000 บาท วันว่างก็ออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนเศรษฐี หยุดลองวีคเอนด์ก็ไปต่างประเทศ (ลอนดอน, นิวซีแลนด์, ฮ่องกง, สิงคโปร์)
เคยบ้างไหมที่จะไปวัดฟังธรรม
เคยบ้างไหมที่จะไปเดินเที่ยวตลาดนัดจตุจักร และตลาดอื่น ๆ แล้วข้างบนใครหนอจะถูกดำเนินคดี 11ข้อหา...หรือใครบ้างจะโดนแจ้งความเท็จ