ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-01-2025, 03:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ  (อ่าน 1231 ครั้ง)
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« เมื่อ: 20-10-2006, 06:46 »

ความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ

โดย เกษียร เตชะพีระ

เช้านี้ ผมเพิ่งไปไหว้วีรชน 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ มา...

ปกติสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ครั้ง ผมจะซื้อพวงมาลัย 2 พวง ไปไหว้ประติมากรรม
อนุสรณ์เหตุการณ์ประชาชนลุกขึ้นสู้เผด็จการ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และเหตุการณ์
ล้อมปราบฆ่าหมู่นักศึกษาประชาชน 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่หน้าหอประชุมใหญ่
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มาลัยพวงหนึ่ง ผมจะคล้องมือรูปจำลองวีรชน 14 ตุลาฯ แล้วพนมมือไหว้พลางน้อม
รำลึกถึง "สิทธิเสรีภาพ"

อีกพวงหนึ่ง ผมจะวางบนกลางแท่นหินอ่อนรำลึกวีรชน 6 ตุลาฯ แล้วพนมมือไหว้
พลางน้อมรำลึกถึง "ความเป็นธรรมทางสังคม"

แน่นอน คำว่า "ความเป็นธรรมทางสังคม" เมื่อ 30 ปีก่อนนั้นถูกตีความว่าเท่ากับ
"ลัทธิสังคมนิยม" ก่อนที่วิกฤตทางการเมืองของขบวนการปฏิวัติไทยใต้การนำของ
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยและวิกฤตอุดมการณ์สังคมนิยมสากลในสอง
ทศวรรษต่อมาจะทำให้การตีความนี้ค่อยๆ เลือนหายไป

แต่กระนั้น ความใฝ่ฝันถึง "ความเป็นธรรมทางสังคม" ก็ยังดำรงอยู่

สำหรับ "คนเดือนตุลาฯ" รุ่นผม, แนวคิดอุดมการณ์ทั้งสองที่แทนตนโดยเหตุการณ์
ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาฯ 2516 และ 6 ตุลาฯ 2519 มีความแตกต่าง แต่ก็มีความ
ต่อเนื่องเกี่ยวพันกันอยู่ อาจกล่าวได้ว่า ในแง่หนึ่ง ถ้าไม่มีสิทธิเสรีภาพ ก็ไม่อาจต่อสู้
แสวงหาความเป็นธรรมทางสังคม, ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีความเป็นธรรมทางสังคม
สิทธิเสรีภาพที่ได้มาก็ไม่มีความหมาย-อย่างน้อยก็ไม่มีความหมายต่อสังคม ต่อเพื่อน
มนุษย์ร่วมชาติร่วมโลกและร่วมทุกข์ร่วมสุขคนอื่นๆ แม้ว่ามันอาจจะมีความหมายต่อ
ปัจเจกบุคคลก็ตาม แต่นั่นไม่เพียงพอ

การแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของความแตกต่างทว่าต่อเนื่องเกี่ยวพันของสองแนวคิด
อุดมการณ์ดังกล่าวก็คือ (พันธมิตรสามประสาน: กรรมกร-ชาวนา-นักศึกษาปัญญาชน)
ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการต่อสู้อย่างสันติในเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแบบเปิดช่วง
3 ปี ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ พ.ศ. 2516 แล้วคลี่คลายไปสู่การต่อสู้ด้วยอาวุธใน
ชนบทภายหลังรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 และเผด็จการคืนชีพต่อมา

ผมอยากเสนอว่า อุดมการณ์ 14 ตุลาคมและ 6 ตุลาคม หรือนัยหนึ่ง อุดมการณ์เดือน
ตุลาฯ อันได้แก่ (สิทธิเสรีภาพ+ความเป็นธรรมทางสังคม
) ดังกล่าวมานี้ได้ "แตกสลาย
ลงแล้ว"
ในปัจจุบัน และเหตุการณ์ที่เป็นหลักหมายแห่งความแตกสลายที่ว่าก็คือการ
แบ่งแยกแตกข้างของพลังประชาชนในสังคมไทยท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง
อันเกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลทักษิณในรอบปีที่ผ่านมานั่นเอง

มันใช้เวลาถึง 30 ปีกว่าที่อุดมการณ์เดือนตุลาฯ จะอ่อนล้าลง ทว่าในที่สุดก็ดูเหมือน
ว่ามันจะโรยราแล้ว

ความข้อนี้สะท้อนออกให้เห็นได้ง่ายผ่านความขัดแย้งในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่ "คนเดือน
ตุลาฯ" ด้วยกันเอง ซึ่งต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกข้างแยกค่าย ด่าทอประณามกันเอง
ชุลมุนวุ่นวายจนเละเป็นวุ้นไปหมดในระยะที่ผ่านมา

ข้างหนึ่งก็มีหมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, หมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, ภูมิธรรม เวชยชัย,
จาตุรนต์ ฉายแสง, สุธรรม แสงประทุม, พินิจ จารุสมบัติ, อดิศร เพียงเกษ, เกรียงกมล
เลาหไพโรจน์, พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ฯลฯ

ส่วนอีกข้างได้แก่ ธีรยุทธ บุญมี, พิภพ ธงไชย, ประสาร มฤคพิทักษ์, หมอเหวง
โตจิราการ, เจิ่มศักดิ์ ปิ่นทอง, แก้วสรร อติโพธิ, ชัยวัฒน์ สุรวิชัย, คำนูณ สิทธิสมาน,
ชัชริทนทร์ ไชยวัฒน์, ยุค ศรีอาริยะ, สุวินัย ภรณวลัย ฯลฯ

ในประเด็นแหลมคมร้อนแรงต่างๆ ที่สืบเนื่องจากการต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ไม่ว่ากรณี
ขอให้ทรงใช้พระราชอำนาจตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อพระราชทาน
นายกรัฐมนตรี, กรณีตุลาการภิวัตน์, และกรณีรัฐประหาร 19 กันยายน, หรือในหมู่อดีต
นักเคลื่อนไหวปัญญาชนรุ่นถัดๆ มา เช่น รุ่นพฤษภาประชาธรรม 2535, รุ่นปฏิรูป
การเมืองและการเมืองภาคประชาชน 2540 ก็ตาม ความขัดแย้งแบ่งฝ่ายก็ดุเดือด
ไม่แพ้กัน

ความรุนแรงของความขัดแย้งเหล่านี้ถึงขั้นเว็บไซต์บางแห่งของเพื่อนพ้องน้องพี่ "คน
เดือนตุลาฯ" และอดีตสหายจากป่า "เซ็นเซอร์" ข้อเขียนของธงชัย วินิจจะกูล ที่โพสต์
มาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการสโมสร19 ของอดีต
สหายภาคอีสานใต้ก็ถูกเพื่อนสมาชิกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแสดงท่าทีทางการเมือง
ที่ค่อนข้างใกล้ชิดรัฐบาลทักษิณอย่างหนักจนต้องประกาศลาออกทั้งชุดกลางคันเพื่อ
เปิดทางให้เลือกตั้งกันใหม่

อย่างไรก็ตาม หลักฐานแห่งความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ ที่แท้จริงคือ
การที่พลังประชาสังคมคนชั้นกลางที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพทางการเมือง-เศรษฐกิจ
แตกหักแยกทางกับพลังเครือข่ายมวลชนรากหญ้าในเมืองและชนบทที่เรียกร้องความ
เป็นธรรมทางเศรษฐกิจสังคม อย่างเด็ดขาดชัดเจนตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา โดยฝ่ายแรก
ต่อต้านรัฐบาลทักษิณที่เป็นตัวแทนอำนาจการเมืองของชนชั้นนายทุนใหญ่ในประเทศ
แล้วหันไปร่วมกับชนชั้นนำตามประเพณีขับโค่นรัฐบาลทักษิณ ในขณะที่ฝ่ายหลังสนับ-
สนุนปกป้องรัฐบาลทักษิณ

นับเป็นตลกร้ายทางประวัติศาสตร์ ที่คนชั้นกลางพากันไปหวังพึ่งชนชั้นนำ ทหาร
ข้าราชการ-เทคโนแครต หรือหากจะเรียกในภาษาคนเดือนตุลาฯ แต่เดิมก็คือชนชั้นนำ
"ขุนศึกขุนนางศักดินา" ว่าจะนำมาซึ่งสิทธิเสรีภาพแก่ตน

ในทางกลับกัน มวลชนรากหญ้าชั้นล่างก็กลับหวังพึ่งชนชั้นนายทุนใหญ่ผูกขาดว่าจะ
อำนวยความเป็นธรรมแก่ตนเช่นกัน


น้อยนักที่เราจะได้เห็นจิตสำนึกหลงผิดที่กลับหัวกลับหางทับซ้อนกันสองชั้น (double
false consciousness)
อย่างนี้ในสังคมการเมืองเดียว!

และถ้าหากนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ (neo-liberalism) อย่างการแปรรูปรัฐ-
วิสาหกิจเป็นของเอกชน, การเปิดเสรีกิจการสาธารณูปโภค, การทำข้อตกลง FTAs,
รวมทั้งกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนและคอร์รัปชั่นทางนโยบายต่างๆ อาทิ การขายหุ้น
ชินคอร์ปให้เทมาเส็กสิงคโปร์ ฯลฯ ของรัฐบาลทักษิณ เป็นหลักฐานความหลงผิดของ
ฝ่ายหลังแล้ว...

บรรดาประกาศคำสั่งของ คปค. โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) ฉบับ พ.ศ. 2549
ก็คือ หลักฐานความหลงผิดที่ชัดแจ้งที่สุดของฝ่ายแรกนั่นเอง!

แต่สิ่งเหล่านี้ต่างก็มีที่มาของมัน การที่คนชั้นกลางฝากความหวังเรื่องสิทธิเสรีภาพ
ของตนไว้กับชนชั้นนำขุนศึกขุนนางศักดินาแทนที่จะเป็นชนชั้นนายทุนใหญ่ ก็มิใช่
เพราะลักษณะอำนาจนิยม-อาญาสิทธิ์-อัตตาธิปไตยของรัฐบาลนายทุนใหญ่ที่ละเมิด
ลิดรอนหลักนิติธรรม รัฐธรรมนูญและสิทธิเสรีภาพในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของ
ผู้คนพลเมืองใต้การปกครองอย่างกว้างขวางโจ่งแจ้งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาดอกหรือ?
จนในที่สุด รัฐบาลนายทุนใหญ่ก็ผลักไสคนชั้นกลางกลุ่มต่างๆ ที่ควรเป็นฐานการเมือง
ของตนได้ให้ไปเป็นพันธมิตรของชนชั้นนำขุนศึกขุนนางศักดินาเสีย

พูดให้ถึงที่สุด การนำที่ผิดพลาดของทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค
ไทยรักไทยนี่แหละที่ผลักการปฏิวัติกระฎุมพีของไทยให้ถอยหลังไปนับสิบปี!


ในทางกลับกัน การที่มวลชนรากหญ้าฝากความหวังเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
สังคมของตนไว้กับชนชั้นนายทุนใหญ่ผูกขาด ก็เพราะทางเลือกเศรษฐกิจชุมชน-
พอเพียงนั้นลำบากยากเข็ญเนิ่นช้ายาวนาน เรียกร้องความปักใจมั่นเสียสละอดทน
อดกลั้นอดเปรี้ยวไว้กินหวานมองการณ์ไกลสูง,ไม่ใกล้มือและไม่จูงใจเท่าทางเลือก
ประชานิยมเพื่อทุนนิยม + บริโภคนิยม (capitalist&consumerist populism) ของ
รัฐบาลนายทุนใหญ่ มิใช่หรือ? จนในที่สุด มวลชนรากหญ้าที่เคยเป็นฐานให้ชนชั้นนำ
ขุนศึกขุนนางศักดินาเอาชนะการท้าทายที่ใหญ่โตที่สุดที่รัฐของพวกเขาเคยเผชิญมา
ในสงครามประชาชนกับคอมมิวนิสต์เมื่อ 20 ปีก่อน ก็กลับกลายเป็นฐานคะแนนเสียง
เลือกตั้งและฐานมวลชนในการเคลื่อนไหวชุมนุมที่กว้างใหญ่และเหนียวแน่นยิ่งของ
พรรคชนชั้นนายทุนใหญ่แทน

พูดให้ถึงที่สุด การที่มวลชนรากหญ้าส่วนมากหันไปนิยมนโยบายประชานิยมเพื่อ
ทุนนิยม+บริโภคนิยมที่รัฐบาลนายทุนใหญ่หว่านโปรยมาก็สะท้อนขีดจำกัดแห่งพลัง
ฝืนขืนทวนกระแสหลักของแนวทางเศรษฐกิจชุมชน-พอเพียงนั่นเอง

การแสวงหาสิทธิเสรีภาพจากขุนศึกขุนนางศักดินา และการแสวงหาความเป็นธรรมจาก
นายทุนใหญ่ผูกขาด รังแต่จะนำไปสู่ทางตันเหมือนกัน

การหลงทางและป่าวประณามซึ่งกันและกันระหว่างอดีตสหายร่วมขบวนการหรือร่วม
อุดมการณ์สามารถผลิตซ้ำตัวมันเองไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดบนพื้นฐานซีกส่วนต่างๆ ของ
อุดมการณ์เดือนตุลาฯ เดียวกันนั้นเอง

ไม่มีคำค่าประณามของฝ่ายไหนผิดหมด แต่ก็ไม่มีฝ่ายที่ร้องด่าประณามผู้อื่นคนใดจะ
ถูกถ้วนเช่นกัน (แน่นอน คงรวมทั้งผู้เขียนด้วย) เพราะขีดจำกัดที่ยิ่งใหญ่เบื้องหน้าเรา
เป็นขีดจำกัดแห่งความเป็นจริงของพลังการเมืองและทางเลือกในประวัติศาสตร์ของ
สังคมไทยเองโดยรวม, เป็นขีดจำกัดของทั้งชนชั้นนำตามประเพณีและของชนชั้น
นายทุนใหญ่ผูกขาดที่ขึ้นมาใหม่, และเป็นขีดจำกัดของทั้งพลังประชาสังคมของคน
ชั้นกลางและของพลังเครือข่ายมวลชนรากหญ้าชั้นล่างด้วย

ที่สำคัญ มันเป็นขีดจำกัดที่แยกสลายอุดมการณ์เดือนตุลาฯ ให้แตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
อย่างถึงรากถึงโคนจนยากจะมองเห็นว่ามันจะกลับมาฟื้นฟูเชื่อมประสานเป็นปึกแผ่น
เดียวกันอย่างไรต่อไปในอนาคต

ที่มา มติชน วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10450

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act01201049&day=2006/10/20

ขอไว้อาลัยให้กับความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ
ความแตกแยกระหว่างประชาชนกลุ่มต่างๆ

ขอความปรองดองสมานฉันท์และสันติสุขจงคืนกลับมาสู่ประเทศไทย
อันเป้นที่รักยิ่งของเราทุกคน ... โดยเร็ว
ขอให้ความเกลียดชังอคติจงหายไปจากใจ ... ด้วยเทอญ

 

หมายเหตุ เพลงประกอบ อย่าโกรธกันเลย ของ สาวสาวสาว ท่อนแรก (เก่ามาก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2006, 07:57 โดย snowflake » บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #1 เมื่อ: 20-10-2006, 07:46 »

จนบัดนี้ทักสินและพวก ยังไม่สำนึกตัวเองว่าทำอะไรผิดไว้กับประเทศ
ยังคิดว่าคนอื่นเค้าทำ เค้าค้าน เพราะเค้าอยากทำ
ยังโทษคนชั้นกลาง โทษทหาร โทษฟ้าอยู่

ทักสินอาจจะสำนึก แต่คนที่รองมือรองเท้าทักสินยังโหยหา เงินทอง ผลประโยชน์ ไม่เลิกรา
หวังว่าการออกมายกยอ เอาอกเอาใจแบบเก่าๆ จะทำให้ตนเองได่ดิบได้ดี ได้สิ่งตอบแทน
ปล่อยให้โวยวายไปสักพัก ถ้าหัวเรือใหญ่ไม่ขยับมาเติมน้ำมันขับเคลื่อนก็คงจะแผ่วไปกันเอง
แต่ถ้าหัวไม่มีสมองสำนึกในความผิดของตัวเอง ออกมาอัดฉีด ใช้เงินปลุกกระแสอีก
คงได้ตัดหัว ด้วยเครื่องประหารสุนัข ประจานกลางเมือง

ที่ผ่านมา ทักษิณและสมุน ประเมินคนชั้นกลางต่ำไป



บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #2 เมื่อ: 20-10-2006, 07:53 »

เงินเหลี่ยมๆ ตัวเดียวเท่านั้น

เปลี่ยนคนให้เป็นนักอุดมกิน ขี้ข้าเหลี่ยมไปแล้ว...

ปล. เยี่ยมครับ คุณ นู๋เจ๋ง
บันทึกการเข้า
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #3 เมื่อ: 20-10-2006, 08:02 »

ผมว่าถ้าจับคนเดือนตุลา มานั่งคุยกันคงได้ตีกันตายแน่เพราะอุดมการณ์มันแตกต่างกันไปแล้วตามสถาณการณ์

คนตุลาชนบท ก็ต้องคิดและเอาใจคนชนบท

คนตุลาในเมือง ก็ต้องคิดและเอาใจคนในเมือง

เป็นไปได้อยากมากในขณะนี้ที่จะเอาความต้องการของคนชนบทและคนในเมืองมาหล่อหลอมรวมกัน
บันทึกการเข้า
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #4 เมื่อ: 20-10-2006, 08:13 »

... ที่ผ่านมาทักษิณและสมุนประเมินคนชั้นกลางต่ำไป

นู๋เจ๋ง ครับ
นอกจากนั้นทักษิณและสมุนยังเกลียดคนชั้นกลางมากอีกด้วย
ทักษิณและสมุนไม่สามารถหลอกคนชั้นกลางได้เพราะเขารู้ทันทักษิณทุกอย่าง
ในเมื่อหลอกพวกคนชั้นกลางไม่ได้ จึงมุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านที่ได้รับฉายาว่า "รากหญ้า"
พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ
พวก "รากหญ้า"ที่ว่านี้เป็นพวกมีระดับการศึกษาไม่สูงเท่าไร
พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของระบอบทักษฺณในที่สุด
เศร้าจริงๆครับ


 
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #5 เมื่อ: 20-10-2006, 15:34 »

 ที่ผ่านมาทักษิณและสมุนประเมินคนชั้นกลางต่ำไป นู๋เจ๋ง ครับ
นอกจากนั้นทักษิณและสมุนยังเกลียดคนชั้นกลางมากอีกด้วย (มันเอาที่ไหนมาคิดวะเนี่ย)

ทักษิณและสมุนไม่สามารถหลอกคนชั้นกลางได้เพราะเขารู้ทันทักษิณทุกอย่าง
(มันแอบไปทำโพลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าชนชั้นกลางเกลียดทักษิณกันหมด)

ในเมื่อหลอกพวกคนชั้นกลางไม่ได้ จึงมุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านที่ได้รับฉายาว่า "รากหญ้า"
พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ
พวก "รากหญ้า"ที่ว่านี้เป็นพวกมีระดับการศึกษาไม่สูงเท่าไร
พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของระบอบทักษฺณในที่สุด
เศร้าจริงๆครับ

  (นับว่าอยู่ในกะลาคงไม่ผิดนัก)
บันทึกการเข้า
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #6 เมื่อ: 20-10-2006, 15:40 »

อ่าน เษียร... ตั้งแต่ต้นจนจบ มีความรู้สึกเหมือนพวกจิตใจโลเล ขาดความมั่นใจ

คงพิมพ์ๆลบๆ กลับไปกลับมาหลายครั้ง กว่าจะคลอดบทความนี้มาได้

ช่วงก่อนรัฐหารอันน่าชื่นชมโสมนัส เษียร ได้แสดงจุดยืนเอาไว้อย่างไรบ้างหรือ

จุดยืนต้องมีเพียงจุดเดียว แล้วจะเป็นหลัก เป็นธงทางความคิดให้กับผู้คนในสังคมได้อย่างไร

โลกทางวิชาการ นี้มีแต่แทง เต็ง ไม่มีแทงกั๊ก แทงโต๊ด....


บทความนี้ เษียร ได้กลายเป็น เซียนข้างกระดานไปเสียแล้ว ...
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 20-10-2006, 15:56 »

ทักษิณและทีมงาน  พยายามจะแก้ทาง

ทฤษฏี "สองนครา" (ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์)

กล่าวได้เคยระบุถึงการเมืองไทยที่เกิดขึ้นและถูกล้มล้างด้วยความ "แตกต่าง"ของวิถีของมวลชนสองกลุ่มในสังคมไทย ซึ่ง เอนก ได้วิเคราะห์ว่าคนจนระดับรากหญ้า ถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ เป็นฝ่าย "ตั้งรัฐบาล" เข้ามาบริหารประเทศ แต่เมื่อเกิดปัญหาจากการทำงานของฝ่ายบริหารขึ้น คนกรุงเทพฯ คนชั้นกลาง จะทำหน้าที่ "ล้มล้าง"รัฐบาล"

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9490000046486

ทำสำเร็จไประดับหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด 

**    "นายกฯทักษิณเข้าใจสองนคราเป็นอย่างดี จึงได้เข้ามาทำสัญญาประชาคม โดยบอกกับชาวบ้านว่า ต่อไปนี้คนชนบทสามารถเอื้อมถึงสมบัติของคนเมือง อยากมีวิทยุ อยากมีมอเตอร์ไซด์ ผมจะผันไปให้ ผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล เดินตามแนวของประชานิยมเพื่อทุนนิยม ดึงคนชนบทเป็นฐาน การเมืองที่สำคัญ วันนี้จึงเกิดการต่อสู้ระหว่างสองนคราขึ้น
       
       นายเกษียร กล่าวว่า การเมืองประชานิยม คือ ทำให้ความแตกต่างเรื่องคนชั้นให้เป็นเรื่องหลวมๆ อาเจนติน่าก็เป็นแบบนี้ เป็นความพยายามของนายกฯทักษิณ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบกับสองนคราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่ ยากที่ นายกฯทักษิณ จะผลักการเมืองไปถึงจุดสุดยอดของประชาธิปไตย
ผู้จัดการรายวัน 24 มีนาคม 2549
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2006, 16:11 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #8 เมื่อ: 20-10-2006, 18:12 »

ไอ้ทฤษฎี "สองนครา" นั่นมันตกยุคไปแล้วครับ ตกกระป๋องไปพร้อมๆกับเจ้าของแนวคิดนั่นแหละ

อีกอย่าง มันไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่มันเป็นแค่ การสรุปวิเคราะห์สภาพสังคมไทยมากกว่า

ไม่ใช่ทฤษฎีอะไรแปลกใหม่
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-10-2006, 18:36 »

14 ตุลา 6 ตุลามันเด็ก ๆ ทั้งนั้น ไม่ไ้ด้ฝังแน่นอะไรหรอก พอสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน คนมันก็เปลี่ยนกันได้

สุดท้ายก็มาตายตรงที่ "การประสานผลประโยชน์"

ฝ่ายนายทุนสามานย์ ผสมซ้ายทมิฬ ไปเกณฑ์ชาวบ้านมาเป็นฐาน โดยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน มันก็แค่นั้น

พวกยืนหยัดเรื่องความเป็นธรรมในสังคม หรือ เรื่องสิทธิ์เสรีภาพอยู่ได้ ก็อาจจะเป็นพวกอยู่กับตำรา ไม่ได้ออกมาเพ่นพ่านมากนัก

หากบอกว่า ชนชั้นกลางผสมนักวิชาการ อาจหมายถึงเสียงส่วนใหญ่ คือพวก"โนโหวต" นั่นแหละ...ที่หันไปยอมรับ "อำนาจจากปากกระบอกปืน"

เพราะมันต้องอาศัย "นักเลงโต" มาไล่ให้กุ๊ยลงจากอำนาจ...ไม่มีอะไรมากกว่านั้น


เครื่องคอมพ์ที่มีโปรแกรมบิดเบี้ยว ๆ ก็ต้องล้างเครื่อง ลงโปรแกรมใหม่ ก็เท่านั้น

ถึงเวลาเลือกตั้ง พวกซื้อเสียงก็เดินกันเกลื่อนเมืองเหมือนเดิม
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 20-10-2006, 19:19 »

ผมว่าถ้าจับคนเดือนตุลา มานั่งคุยกันคงได้ตีกันตายแน่เพราะอุดมการณ์มันแตกต่างกันไปแล้วตามสถาณการณ์

คนตุลาชนบท ก็ต้องคิดและเอาใจคนชนบท

คนตุลาในเมือง ก็ต้องคิดและเอาใจคนในเมือง


เป็นไปได้อยากมากในขณะนี้ที่จะเอาความต้องการของคนชนบทและคนในเมืองมาหล่อหลอมรวมกัน



... ที่ผ่านมาทักษิณและสมุนประเมินคนชั้นกลางต่ำไป

นู๋เจ๋ง ครับ
นอกจากนั้นทักษิณและสมุนยังเกลียดคนชั้นกลางมากอีกด้วย
ทักษิณและสมุนไม่สามารถหลอกคนชั้นกลางได้เพราะเขารู้ทันทักษิณทุกอย่าง
ในเมื่อหลอกพวกคนชั้นกลางไม่ได้ จึงมุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านที่ได้รับฉายาว่า "รากหญ้า"

พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ
พวก "รากหญ้า"ที่ว่านี้เป็นพวกมีระดับการศึกษาไม่สูงเท่าไร
พวก "รากหญ้า" ที่ว่านี้จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของระบอบทักษฺณในที่สุด
เศร้าจริงๆครับ


 




1.  คนตุลาชนบท ก็ต้องคิดและเอาใจคนชนบท
     คนตุลาในเมือง ก็ต้องคิดและเอาใจคนในเมือง

     ผมอยากให้พิจารณาอีกมุมมองหนึ่ง ว่าคนตุลาถูกแบ่งเป็น คนต่อต้านทักษิณและสนับ
     สนุนทักษิณ
   

2. เผด็จการที่คอร์รั่ปชั่นในอดีต ไม่ว่า ทักษิณ มาร์กอส  ฟูจิ(เปรู)  อดีตพระเอกหนัง
    (ฟิลิปปินส์) เปรอง(อาร์เจนติน่า) เป็นต้น เป็นเผด็จการ ผู้นำฯที่ชอบใช้นโยบาย"ประชาชานิยม"
    เหมือนกันหมด เพราะง่ายดีที่จะโยน"เศษเงิน"จากการโกงเงินหลวงไปให้รากหญ้า


3.  พวกเผด็จการฯ จะใช้รากหญ้าเป็นตัวคานพลังอำนาจหรือการ
     เรียกร้องของคนชั้นกลาง ฝ่ายตรงข้าม และคู่แข่ง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2006, 19:24 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 20-10-2006, 20:08 »

เมื่อเงินเดินเข้ามาทางประตู อุดมการณ์ก็เผ่นออกไปทางหน้าต่าง
บันทึกการเข้า

นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #12 เมื่อ: 20-10-2006, 22:29 »

ความจริงไม่ถึงขั้นที่เรียกว่า เป็น ความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาฯ เพียงแต่มีอยู่ห้วงเวลาหนึ่งที่มิตรสหายมีความคิด "แปลกแยกเป็นสองทาง" ดังปรากฎในรายงานเรื่องจากปก ตื่นเถิดสหาย!เพื่อภารกิจ 'ลูกลุงคำตัน' เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่   15   ฉบับที่  751  วันที่  วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ท่อนกลาง ๆ ที่ว่า

"เมื่อช่วงที่มีการเคลื่อนไหวคัดค้านระบอบทักษิณ ปรากฏว่า สหายปัญญาชนอีสานใต้ เสียงแตกออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้กำลัง 'หมอมิ้ง' น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อีกกลุ่มหนึ่งได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณ แต่กลุ่มใหญ่กลับอยู่ในที่ตั้ง

เช่นเดียวกับสหายชนบท ที่มีการต่อสายจากแกนนำไทยรักไทยให้เข้ามาร่วมขบวนการ 'คาราวานคนจน' แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ พร้อมคำพูดเชิงสัพยอกกลับว่า "ทุนศักดินาที่ล้าหลัง ยังดีกว่าทุนใหม่ที่สามานย์"

ถ้าจะมีสหายชนบทเข้าร่วมก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่าง สหายเสก หรือเขื่อนเพชร โพนรัมย์ ที่มีความจำเป็นเรื่องปากท้องของครอบครัว"
ดูรายละเอียดที่นี่ http://www.nationweekend.com/2006/10/20/NW11_117.php?SecId=NW11&news_id=21877782
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
หน้า: [1]
    กระโดดไป: