คตส.สอบ'บ้านเอื้ออาทร' ส่อทุจริตจัดซื้อที่ดิน
16 ตุลาคม 2549 20:10 น.
คตส.รับสอบโครงการฉาวอันดับ 9 ประชานิยม บ้านเอื้ออาทร หลังได้กลิ่นทุจริต
ซื้อที่ดินแพงกว่าปกติ 10 เท่าตัว แก้วสรร ชงเอง ลั่นเตรียมใช้ไฟฟ้าช็อตทั้งพญานาคยันลูกน้ำ
บอก1 ปีจับทุจริตได้กว่า 22 โครงการ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
ได้ประชุมโดยมีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม มีกรรมการคตส.
เข้าประชุมอย่างพร้อมเพียง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าที่ประชุมใช้เวลายาวนานกว่าปกติ โดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง
จากนั้นนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. แถลงว่า ที่ประชุมมีมติรับร่างระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่า
ด้วยการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และได้ส่งเรื่องให้กองประกาศิต
สำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในเร็ว ๆ นี้
..........................................................................................................................................
การประชุมวันนี้นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคตส. ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเพิ่มอีก 1 เรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนผ่านทางคตส.มา รวมเป็นเรื่องที่ 9 ที่คตส.รับไว้พิจารณา
ซึ่งที่ประชุมได้มอบให้เลขานุการไปรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้น จากนั้นนายแก้วสรร
จะเสนอให้ที่ประชุมตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัดคตส.
ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ใครเกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าในไตรมาสแรกน่าจะมีความคืบหน้า
ของคดี ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทั้ง 8 เรื่อง โฆษกคตส. กล่าว
เมื่อถามว่าการตั้งข้อกล่าวหาจะตั้งเฉพาะรัฐมนตรีหรือจะรวมถึงข้าราชการด้วย นายสัก กล่าวว่า
ต้องพิจารณาความผิดและผู้รับผิดทั้งหมด ไม่เน้นว่าเป็นใคร หรือเน้นเฉพาะกรอบของฝ่ายบริหารเท่านั้น
ใครก็ตามถ้าเข้าข่ายความผิดก็ต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคตส. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคตส.เป็นองค์กรอิสระ
เพราะจะเป็นการให้ความสำคัญกับตัวบุคคลมากไป หากบุคคลที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการไม่ดีไม่ซื่อสัตย์จริง
ก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอีก จะกลับไปวังวนเดิมเข้าลักษณะรีดไถได้ ส่วนการทำงานของคตส.นั้น
เบื้องต้นกรรมการคตส. 1 คนจะไปดูสำนวนทุจริตได้ 2 โครงการ ดังนั้นเฉลี่ยแล้วคณะกรรมการมี 11 คน
ก็จะรับดูเรื่องได้ 22 เรื่องหรืออาจจะมากกว่านั้น และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
จะตั้ง 1 เรื่องต่อ 1 กอง ซึ่งต้องมีความรู้ความสามารถ ไม่ซ้ำซ้อนกับกองอื่น และงานจะไม่จม
ประกอบกับหากมีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ และสามารถทำสำนวนเสนอว่ามีมูลพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา
และชี้มูลความผิด คณะอนุกรรมการตรวจสอบนั้นก็จะเป็นคณะอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งการทำงานในระบบนี้
จะทำให้มีความยุติธรรมและช่วยบังคับตัวกรรมการคตส.ด้วยที่ว่า ไม่แน่อย่าไปกล่าวหาเขา
ผมจะไม่จับเฉพาะพญานาคอย่างเดียว จะจับทั้งงูเห่า ลูกน้ำ จับหมดถ้ารู้ว่าพัวพันเกี่ยวข้อง หากจะบินหนี
เดี๋ยวนี้เขาใช้ระบบไฟฟ้าช็อตกันแล้ว ไม่จับทีละตัว อย่างไรก็ตามในระบบการทำงานของคตส.
เมื่อกรรมการคตส.ไปนั่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการในโครงการทุจริตเรื่องใด และมีการตั้งคณะทำงาน
ขึ้นมาตรวจสอบ 1 กอง คตส.ที่เป็นประธานกองนั้นสามารถระบุเป้าหมายว่าต้องการให้ไปสอบเรื่องใด
เอาข้อมูลจากที่ใด และเมื่อคณะอนุกรรมการทำสรุปสำนวนพบว่ายังไม่ชัดเจน เราก็สามารถให้หาข้อมูลเพิ่มเติมได้
แต่หากพบว่ามีมูลชัดเจนเราก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และจะเข้าสู่ระบบการไต่สวน ให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงได้
ถ้าฟังขึ้นก็ยกคดีนั้น แต่ถ้าฟังไม่ขึ้นก็จะนำสำนวนเสนอให้ที่ประชุมมีมติส่งอัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกา
แผนกคดีอาญานักการเมือง นายแก้วสรร กล่าว
แหล่งข่าวจากคตส. แจ้งว่า สำหรับโครงการที่ 9 ที่คตส. รับไว้พิจารรณา คือ โครงการบ้านเอื้ออาทร
ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การควบคุมของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เข้าไปตรวจสอบการดำเนิน
ในเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีการจัดซื้อที่ดินมีราคาสูงผิดปกติ
รายละเอียดที่สตง.พบนั้น คือ การเคหะฯได้ทำสัญญาซื้อที่ดินจากบริษัท กลอรีคอนสตรัคชั่น จำกัด จำนวน 73 ไร่ ในราคาไร่ละ 850,000 บาท รวมเป็นเงิน 62 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดปราจีนบุรี (ดงพระราม) เมื่อปี 2548 และเอกชนรายนี้ยังได้รับการว่าจ้างรับเหมาก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร
ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 949 หน่วย ในพื้นที่เดียวกัน วงเงิน 334,343,000 บาท อีกด้วย
สำหรับบริษัท กลอรีคอนสตรัคชั่น จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 15 สิงหาคม 2533 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ในช่วงแรกผู้บริหารระดับสูงพรรคไทยรักไทยคนหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และต่อมาวันที่ 30 ตุลาคม 2543
เขาก็ได้โอนหุ้นไปให้น้องสาวของตัวเอง จากนั้นจนถึงปัจจุบันก็ได้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นหลายครั้งแต่ยังคงเป็น
บุคคลในครอบครัวนักการเมืองดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากการตรวจของสตง.สอบพบอีกว่าการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวมีราคาสูงกว่าปกติ
เพราะจากการตรวจสอบราคาประเมินของกรมที่ดินในปี 2548 ปรากฏว่ามีราคาเพียงไร่ละ 61,000 บาท
ซึ่งเท่ากับการจัดซื้อที่ดินในราคาสูงกว่าราคาประเมิน และการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรทั้งหมดการเคหะฯ
ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้เอกชนที่ร่วมดำเนินโครงการ หน่วยละ 80,000 บาท ส่งผลให้การเคหะฯได้รับความเสียหาย นอกจากนี้สตง.ยังได้ตั้งข้อสังเกตต่อว่า ในบางจังหวัดมีการเปิดโครงการนี้เพิ่มขึ้นมากจนผิดปกติ โดยในช่วงเดือนมกราคม 2549 ที่ผ่านมา การเคหะฯได้เซ็นสัญญาซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรจากบริษัท กลอรีคอนสตรัคชั่น จำกัด
และบริษัท กลอรีแมเนจเม้นท์ จำกัด รวม 23,000 ยูนิตมูลค่าประมาณหมื่นล้านบาท ในเรื่องนี้สตง.ตั้งใจไว้ว่าจะส่งรายงานฉบับนี้ให้กับคตส.ตั้งแต่ที่มีนายสวัสดิ์ โชติพานิช เป็นประธาน แล้วในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
อนึ่ง ใน จ.ปราจีนบุรีซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของอดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทยคนหนึ่ง โดยมีโครงการบ้านเอื้ออาทร
ถึง 9 โครงการ โดยมีเอกชนได้รับการว่าจ้างอีก 4 ราย นอกเหนือไปจากบริษัท กลอรีคอนสตรัคชั่น จำกัด
คือ บริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด , บริษัท บางกอก วี.เอ.แมชชีนเนอร์รี่ , บริษัท ศุภผลบ้านและที่ดิน จำกัด
และบริษัท ไพศาล อินเตอร์เนชั่นแนล สวิทช์เกียร์ จำกัด
1.โครงการบ้านเอื้ออาทร โดยบริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทร ตำบลเมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี การเคหะฯซื้อที่ดินจากบริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 22,814,262.50 บาท และจ้างก่อสร้างอาคารบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รวม 498 หน่วย พร้อมทั้งการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และอื่นๆ วงเงิน 181,112,737.50 บาท, ก่อสร้างอาคารศูนย์ชุมชนแบบ A-1 พร้อมสนามเด็กเล่นและอื่นๆ โดยบริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอร์ตี้ 3,795,000 บาท โครงการร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทร จ.สระแก้ว (อรัญประเทศ) และปราจีนบุรี (กบินทร์บุรี) 930 หน่วย (อาคารบ้านเดี่ยว 2 ชั้น) วงเงิน 390,600,000 บาท
บริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งวันที่ 11 สิงหาคม 2546 ทุนเริ่มแรก 10 ล้านบาท ต่อมา
วันที่ 24 มกราคม 2549 เพิ่มทุนเป็น 20 ล้านบาท ประกอบธุรกิจจัดสรรอาคารพาณิชย์ ก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ที่ตั้งเลขที่ 160/4 หมู่ที่ 9 ตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีนายธวัช ทุวิรัต ถือหุ้นใหญ่
2.โครงการที่ดำเนินการโดยบริษัท บางกอก วี.เอ.แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทร
จังหวัดปราจีนบุรี โครงการ 3/2 วงเงิน 112,900,000 บาท บริษัท บางกอก วี.เอ.แมชชีนเนอร์รี่ แอนด์ พาร์ทส์ จำกัด
มีนางพิมไพร ยิ้มศิริ นายสมชาย ยิ้มศิริ และ นายสมชาย โฆษินทร์เดชา เป็นกรรมการ
3.โครงการที่ดำเนินการโดยบริษัท ศุภผลบ้านและที่ดิน จำกัด ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทร อำเภอกบินทร์บุรี
มีวงเงิน 164,567,800 บาท และก่อสร้างอาคารศูนย์ชุมชนแบบ A-1 พร้อมสนามเด็กเล่นและอื่นๆ
อีก 3,795,000 บาท บริษัท ศุภผลบ้านและที่ดิน จดทะเบียนก่อตั้ง 9 เมษายน 2546 มีนายผล โรจนสกุล
ถือหุ้นใหญ่
4.โครงการที่ดำเนินการโดยบริษัท ไพศาล อินเตอร์เนชั่นแนลสวิทช์เกียร์ จำกัด ได้แก่ การเคหะฯซื้อที่ดิน
ตามสัญญาร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดปราจีนบุรี (ท่าตูม) วงเงิน 66,000,000 บาท
และจ้างก่อสร้างอาคารบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 1,100 หน่วย วงเงิน 390,500,000 บาท บริษัท ไพศาล อินเตอร์เนชั่นแนลฯ มีนางปิยนาถ ยมทัต นายสมชาย ศิริโรจน์วิสุทธิ์ นางอมรา ศิริโรจน์วิสุทธิ์ ว่าที่ร้อยตรีนพพร แพงศุข
และนายอานุภาพ ทิพพะพาทย์ เป็นกรรมการ
ทั้งนี้ตลอดเวลาที่มีปัญหาความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะฯ
ยืนยันมาตลอดว่าโครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นไปอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน โดยตอนนี้นางชวนพิศ
เป็นหนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยในสัดส่วนผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับอดีตรมว.กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการบ้านเอื้ออาทร
ประกอบด้วยนายอนุรักษ์ จุรีมาศ จากพรรคชาติไทย ,นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนาย วัฒนา เมืองสุข
จากพรรคไทยรักไทย ส่วนนาง ชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ เป็นผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ สำหรับนางชวนพิศพบว่าปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งจากคมช.ให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย โดยนางชวนพิศเป็นหนึ่งในนักศึกษาวปอ.รุ่น 41 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับพล.อ.วินัย ภัทริยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.และรองประธานคมช.
http://www.bangkokbiznews.com/2006/10/17/w001_145900.php?news_id=145900 ถ้าข้อมูลที่ปรากฏนี้เป็นจริง มีการซื้อ-ขายที่ดินแพงกว่าความจริง
รากหญ้า/รากแก้ว ก็เป็นเบี้ยที่ทักษิณและบริษัทไทยรักไทยจำกัด
ใช้บังหน้า เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ ผลกำไรมหาศาลจากการซื้อ-ขายที่ดินแพง
ไปทำโครงการบ้านเอื้ออาทรให้รากหญ้า/รากแก้ว ซื้อบ้านเอื้ออาทร
แพงกว่าที่ควรจะแพง แพงกว่าที่จะเรียกว่าบ้านเอื้ออาทรจากใจทักษิณและบริษัทไทยรักไทยจำกัด คนยากจน รายได้น้อย่ที่หลงปลื้มจะได้
บ้านเอื้ออาทรราคาถูก ราคาเยา คงตาสว่างทีว่าตัวเอง เป็น
เบี้ยให้ทักษิณและบริษัทไทยรักไทยซื้อที่ดินถูกขายแพงอย่างไร
คนยากจน รากหญ้า/รากแก้ว จะได้สำนึกทีว่าทักษิณและบริษัทไทยรักไทย จึง
ขยันขันแข็งทำโครงการ
เอื้ออาทรต่าง ๆ ขาย........
นี่ตรงกับความในใจของคนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูมว่า
โกงแต่ทำงานโว้ยยยยย....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า