จะขอกล่าวถึงเฉพาะฝรั่งผู้ชายเฉพาะในย่านประเทศสแกนดิเนเวีย เพียงแค่4ประเทศ
คือ สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ และประเทศฟินแลนด์ เท่านั้น
คนสวีเดนเรียกประเทศของตัวเองว่า Sverigeออกเสียงเป็น สแวรีเย่ หรือ สแวเรีย
Denmark เรียกกันว่าประเทศดันมาร์ค(ดันมาก)
ส่วนNorway เรียกเป็น นอร์เย่ หรือ นอเรีย
อย่างที่เคยเกริ่นไว้ในตอนแรกเรื่อง Freesex
การที่ผู้หญิงและผู้ชายในประเทศย่านสแกนดิเนเวีย มีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกันนี่เอง
ที่ได้สร้างปัญหาให้กับบรรดาผู้ชายในประเทศสแกนฯทั้ง4ประเทศนี้ เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
ธรรมชาติของผู้ชายส่วนมาก ยังมีความรู้สึกในส่วนลึกๆอยู่ว่า
การที่ผู้หญิงได้ก้าวขึ้นมามีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกับตนนั้น
เป็นการสูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำ หรือความเป็นลูกผู้ชายไปโดยสิ้นเชิง
ผู้คนในย่านสแกนฯ เมื่อมีแฟนหรือคนรัก ส่วนมาก
มักจะไม่นิยมการจดทะเบียนสมรสกันในทันที
จะมีการทดลองอยู่ด้วยกันไปก่อน
ในช่วงนี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จะย้ายไปอยู่ในบ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้
การซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าบ้าน ต่างคนต่างก็ต้องเก็บใบเสร็จเอาไว้เป็นหลักฐาน
เผื่อว่าในอนาคตหากต้องมีอันเลิกลากันไป จะได้ขนสมบัติของตนเองออกจากบ้านไปได้
โดยไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันให้เสียเวลา
การอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในบ้านด้วยความยุติธรรม
ช่วยกันทำงานบ้านทุกอย่าง แล้วแต่จะตกลงกัน
เรื่องการกลับบ้านไม่ตรงต่อเวลาหลังจากเลิกงานประจำแล้ว ต่างคนต่างก็มีอิสระเป็นของตัวเอง
อาจจะมีการส่งข่าวให้รู้กันบ้างว่าจะกลับบ้านตอนไหน อาหารการกินของฝรั่งในย่านสแกนฯไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าไหร่นัก
แซนด์วิชเปิด ที่เรียกว่า สเมอระโกส เป็นที่รู้จักกันดี
มันก็คือขนมปังทาเนยแปะหน้าด้วยชีสกับหมูแฮม ซารามี่ หรือ ครีมรสต่างๆ นั่นเอง
ส่วนอาหารหลักมื้อกลางวันและมื้อเย็นก็หนีไม่พ้นมันฝรั่ง
เนื้อทอด ปลาทอด ไก่ย่าง หมูอบ ลูกชิ้นเนื้อที่เรียกกันว่า เชิ๊ตบุลล่า
ในสายตาของคนไทยหรือคนต่างชาติ มักจะมองไปว่า ฝรั่งในย่านสแกนฯนั้นกินอาหารแบบจระเข้
ประเภทว่ามีอะไร ก็ยัดๆใส่ท้องเอาอิ่มเข้าไว้ก่อนนั่นแหละ
ผู้ชายฝรั่งในย่านสแกนฯเริ่มนิยมออกไปหาผู้หญิงต่างชาติมาเป็นแม่บ้าน
โดยเฉพาะผู้หญิงจากประเทศไทยตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2515 เป็นต้นมา
หลังจากได้มีสารคดีเกี่ยวกับโสเภณีในประเทศไทย
ทั้งจากที่พัฒน์พงศ์และพัทยา เมื่อประมาณปี พ.ศ.2530
ที่ได้ออกแพร่ภาพผู้หญิงไทยเปลือยอก เกาะเสาสแตนเลส เต้นโยกเต็นคลึงอยู่ไปมา
โดยสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ประเทศสวีเดน
จุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงในสังคมไทยยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ
เหมือนอย่างผู้หญิงในย่านสแกนฯ
สภาสตรีแห่งชาติของสวีเดนพากันประณามสังคมไทย
ทั้งยังประกาศว่าจะส่งตัวแทนสตรีไปเจรจาในเรื่องการยกระดับของสตรีในประเทศไทย
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการจัดเซ็กส์ทัวร์จากประเทศย่านสแกนดิเนเวียกันอย่างครึกโครม
จุดมุ่งหมายอยู่ที่พัฒน์พงศ์ และพัทยาตามที่พวกฝรั่งเคยเห็นมาจากโทรทัศน์นั่นเอง
จากนั้นเป็นต้นมา ฝรั่งย่านสะแกนฯได้เริ่มเดินทางไปรับผู้หญิงไทย
จากพัทยา และ พัฒน์พงศ์ มากขึ้นๆทุกที
ที่น่าแปลกใจตรงที่ผู้หญิงที่ฝรั่งไปรับมานั้น
ส่วนมากจะมีลูกติดกันมาคนละ1หรือ2คนกันแทบทั้งนั้น
ผู้หญิงไทยส่วนมาก มักจะไม่ค่อยมีการศึกษา บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ
บางคนก็เรียนจบแค่เพียง ป.4 เคยมีสามีเป็นคนไทยด้วยกัน
พอมีลูกมีเต้าด้วยกันก็ถูกสามีทอดทิ้ง
เลยต้องตัดสินใจไปเป็นผู้หญิงขายบริการที่พัฒน์พงศ์ หรือ ที่พัทยา
ฝรั่งส่วนมากที่ไปรับผู้หญิงไทยไปอยู่ด้วย มักจะพอใจ
ที่ได้ผู้หญิงไทยที่รู้จักทำงานบ้านทุกชนิดโดยไม่เกี่ยงงอน
ผู้หญิงไทยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เป็นคนรับใช้และยังเป็นคู่นอนที่แสนจะวิเศษอีกด้วย
ผู้หญิงไทยที่ว่าขี้เกียจแล้ว ยังขยันทำงานบ้านดีกว่าผู้หญิงผมทองซะด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องลูกที่ติดแม่มาก็ไม่มีปัญหามากนัก
ฝรั่งสวีดิชส่วนมากจะมีนิสัยที่รักและเอ็นดูเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
อีกทั้งทางรัฐบาลก็ยังมีเงินช่วยเหลือให้เป็นประจำทุกๆเดือน จนถึงอายุ 18 ปี
มีผู้ชายไทยหลายคน ที่ชอบทำตัวเป็นคนเจ้าชู้
เปลี่ยนคู่ควงที่เป็นฝรั่งผมทองเป็นว่าเล่น
ตอนหลังเจอทีเด็ดของผู้หญิง คือผู้หญิงจะปล่อยให้ท้องจนมีลูกด้วยกัน
พอถึงเวลาคลอดก็เรียกผู้ชายไทยมาเซ็นชื่อให้ยอมรับเป็นว่าพ่อของเด็ก
พอสิ้นเดือนเงินเดือนของผู้ชายก็โดนหักเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร จนกว่าเด็กจะบรรลุนิติภาวะ
ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่า
ยังมีผู้หญิงฝรั่งหลายๆคนที่หากินด้วยวิธีนี้
บางคนมีลูกหลายคน แต่ไม่ใช่พ่อคนเดียวกันสักคน
ผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่ดูแลลูกเพียงลำพังมีสิทธิอยู่บ้านเลี้ยงลูกคนละเกือบปีครึ่ง
จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งจากประกันสังคม
เงินช่วยเหลือดูแลบุตรทั้งจากทางรัฐบาลและพ่อของเด็กแต่ละคน
ทางคอมมูนก็จะจัดส่งผู้ช่วยไปดูแลเด็กให้อีก
เพื่อจะเปิดโอกาสให้ยอดคุณแม่ออกไปเที่ยวตระเวณหาผู้ชาย
ที่จะมาทำให้เจ้าหล่อนท้องได้อีกแล้ว ผมโชคดีที่ไม่เคยมีครูสอนภาษาคนไหนหิ้วไปฟัน
แต่เกือบมาเสียท่าสาวผมทองคนหนึ่งที่เข้ามาพัวพันในชีวิตช่วงหนึ่งของผม
ทุกๆวันหยุด เธอจะหิ้วถุงเหล้าถุงไวน์ไปหาผมที่บ้าน และจะค้างที่บ้านผม
จนวันอาทิตย์เย็นถึงจะกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำงานตอนเช้าวันจันทร์
เธอบอกผมว่าเธอกินยาคุมไม่ต้องห่วงเรื่องท้อง
พอคบกันได้ประมาณ5-6เดือน จู่ๆวันหนึ่งเธอก็มาบอกผมว่า เธอโกหกผมเรื่องยาคุม
เพราะแม่ของเธออยากอุ้มหลานสักคน เธอจึงอยากจะทำเพื่อแม่สักครั้ง
ที่มาครั้งนี้ก็จะมาบอกผมว่าตัวเธอเป็นหมัน ไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว
เธอขอโทษขอโพย ก่อนที่จะเดินออกไปจากชีวิตของผม
นี่ถ้าเธอเกิดท้องกับผมขึ้นมาจริงๆ
เงินเดือนผมจะต้องถูกหักทุกๆเดือน เป็นเวลาถึง18ปี
สงสัยคงจะต้องมานั่งครวญเพลงของสุรพลไปอีกนาน