จะมีใครสักกี่คนที่เชื่อว่าคุณทักษิณ ชินวัตร 'พอแล้ว'
เพราะความเคลื่อนไหวและสัญญาณทุกอย่างที่ออกมาจากท่านและลิ่วล้อของท่านในช่วงที่ผ่านมา มันบ่งบอกชัดเจนว่านอกจาก 'ยังไม่พอแล้ว' ยัง 'จะเอาอีก' ด้วยซ้ำ
คำว่า 'พอแล้ว' หลุดออกมาจากปากคุณทักษิณเมื่อถูกนักข่าวถามถึงความขัดแย้งในสังคมไทยที่มีท่าว่าจะบานปลาย
นอกจากอ้างว่าตัวเอง 'พอแล้ว' คุณทักษิณก็ยังเรียกร้องทุกฝ่ายให้ทำถูกต้องตามกติกาและทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่เพื่อลดความขัดแย้ง และเพื่อทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสบายพระทัย
ถ้าฟังแล้วไม่คิดอะไรมาก มันก็ฟังดูดี แต่ถ้าเอาคำพูดของคุณทักษิณมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของท่านและลูกน้อง มันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง
เพราะทุกวันนี้ บรรดากองเชียร์และสมุนของท่านในไทยรักไทย ก็ยังตีฆ้องร้องป่าวเสมือนหนึ่งท่านยังพร้อมจะกลับมาเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งอีกสมัย
ไม่มีคนไหนที่พูดสักคำว่า ท่านพอแล้ว
และก็ไม่ใช่เหล่าโฆษกและลิ่วล้อในไทยรักไทยหรือ ที่พยายามออกมาแก้ต่างไม่เว้นแต่ละวันว่า ที่ท่านนายกฯ เคยประกาศว่าจะเว้นวรรคทางการเมืองนั้น มันมีผลก็เฉพาะกับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ถูกศาลตัดสินให้เป็นโมฆะไปแล้ว
และก็คนของท่านเองนั่นแหละที่ออกมายืนยันและนอนยันแบบไม่ฟังเสียงชาวบ้านว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งของ 'พี่หนา' นั้น ดีเลิศประเสริฐศรี ทั้งๆ ที่ถูกบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการตุลาการประกาศให้หมดความชอบธรรมไปตั้งนานแล้ว แถมยังกำลังตกเป็นผู้ต้องหาในอีกหลายคดี
พูดง่ายๆ ก็คือ ชาวบ้านจะก่นด่า กกต. อย่างไรก็ช่าง ขอให้ 'พี่หนา' และพรรคพวกอยู่รอดปลอดภัยจนเสร็จภารกิจเลือกตั้งเที่ยวหน้าก็เป็นพอ
แล้วใครกันแน่ที่ออกมาทำให้อุณหภูมิการเมืองมันเดือดปุดๆ และทำให้สังคมมันแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ก็ลูกน้องของคุณทักษิณนั่นแหละที่ออกมาขู่ว่าเดี๋ยวบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ เดี๋ยวก็จะเกิดสงครามกลางเมือง ถ้าพรรคไทยรักไทยถูกยุบ
แทนที่เอาพลังของสมาชิกที่อ้างว่ามีถึง 16 ล้านคนมาเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ กลับเอามาใช้เป็นเครื่องมือ 'แบล็คเมล์' ทางการเมือง
ถ้าจะบอกว่าหัวหน้าพรรคไม่รู้ว่าลูกน้องตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็คงเป็นเรื่องแปลก เพราะท่านบริหารงานในสไตล์ 'ซีอีโอ' แบบล้วงลูกทุกเรื่อง มีหรือที่ท่านจะไม่รู้ว่าใครกำลังทำอะไร พูดอะไร
ที่ผ่านมา คุณทักษิณก็ไม่เคยแสดงทีท่าห้ามปรามหรือพูดจาให้ชาวบ้านเกิดความสบายใจขึ้นมาได้บ้างว่า ไม่ว่าการเมืองจะตึงเครียดแค่ไหน ในฐานะผู้นำประเทศจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ หรือเกิดสงครามกลางเมือง
ในทางตรงกันข้ามกลับทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้สมุนมือซ้ายมือขวาที่ถนัดในเรื่องการปลุกม็อบระดมม็อบ เตรียมซ่องสุมผู้คนในสังกัดในภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อรอวันเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
ถ้าคุณทักษิณ 'พอแล้ว' จริงๆ ก็คงต้องถามว่า ทำไมต้องกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ทั้งๆ ที่ก็ประกาศวางไม้วางมือจนเรียกน้ำหูน้ำตาจากบรรดากองเชียร์ทั้งหลายมาแล้ว
หรือถ้าอยากจะเห็นคนอื่นเขาทำตามหน้าที่ หรือกติกา ตัวท่านเองก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างด้วย
ลืมไปแล้วหรือว่า ที่ท่านต้องตกระกำลำบากทางการเมืองทุกวันเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะถูกกล่าวหาว่าไม่ทำตามกฎกติกาหรือ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องของการเล่นพรรคเล่นพรรค เรื่องคอร์รัปชัน และการขายสมบัติของชาติ
และสาเหตุของปัญหาทั้งหมดที่ว่านี้ ก็เพราะท่าน 'ไม่รู้จักพอ'
ถ้าคุณทักษิณบอกตัวเองว่า 'พอแล้ว' เมื่อสักสี่หรือห้าปีที่แล้วอย่างที่บอกกับนักข่าวเมื่อวันก่อน รับรองได้เลยว่าคงไม่มีชาวบ้านที่ไหนมาเดินขบวนขับไล่อย่างทุกวันนี้แน่นอน
แต่ก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ ถ้าคุณทักษิณรู้สึกว่าตัวเอง 'พอแล้ว' จริงๆ ท่านก็น่าจะรู้ว่าควรทำ และไม่ควรทำอะไรบ้างในยามที่บ้านเมืองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงจากผลพวงของความไม่รู้จักพอของท่านและพรรคพวก
จากเนชั่นสุดสัปดาห์
http://www.nationweekend.com/2006/06/16/NW14_451.php