คดีสะท้านยุทธจักรแห่งปี ประหารชีวิต ผู้พันตึ๋ง
2546 jan 01
คดีฆ่าผู้ว่าราชการจังหวัด นายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าฯยโสธร นับเป็นคดีอาญาอุกฉกรรจ์ลือลั่น ยุทธจักรระดับประเทศที่มีการต่อสู้คดี ที่ดุเดือด เลือดพล่าน แต่คดีก็เสร็จ ไปจากศาลอย่างรวดเร็ว และนำไป เป็นกรณีศึกษา ของนักกฎหมายระดับ สูงได้เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นทนายแผ่นดิน มุ่งเอาคนผิดมาลงอาญาบ้านเมือง ขณะที่อีกฝ่ายก็เป็นผู้กว้าง ขวางกับ เป็นนายทหารที่ใครๆต้องรู้จัก มุ่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ย้อนรอยไปสักนิด เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2544 อัยการได้ยื่นฟ้อง น.ส.อัญคนางค์ หรือน้อย สุนทรวิภาค อายุ 30 ปี สาวใหญ่ ผิวขาว หน้าตาคม คู่นอนของผู้ว่าฯ ปรีณะ เป็นจำเลยที่ 1 พันตรีเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง เป็นจำเลยที่ 2 สิบเอกมานิตย์ ศรีสะอาด เป็นจำเลยที่3กับ สิบเอกสุวัฒน์ คำเหง้า เป็นจำเลยที่ 4 ทั้งสองคนนี้นอกจากเป็นทหาร ประจำการแล้ว ยังมีหน้าที่เป็นคนขับรถและเด็กถือกระเป๋าของผู้พันตึ๋งตามลำดับ เป็น จำเลยฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพ ลักทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน
อัยการระดมสมองเขียนคำฟ้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 4 ถึง 16 มีนาคม 2544 จำเลยร่วมกัน ทำร้ายร่างกายนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ กับล็อกลำตัว ไว้ก่อนจ้วงแทงด้วยของมีคมหลายสิบครั้ง แล้วจึงจ่อยิงที่ศีรษะด้านหลัง ก่อนนำเอาทรัพย์สินเครื่องเพชรทองหลายรายการหลบหนีไป ต่อมาตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ไว้ได้ ส่วนจำเลยอื่นๆ จับได้ภายหลังพร้อมของกลางพยานหลักฐาน มัดแน่น
จากนั้นอัยการยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานเอกสาร เช่น ผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ รวมแล้วเกือบ 200 รายการ
พยานบุคคลปากแรกๆ เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ตาย เบิกความเปิดคดีว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ผู้ว่าฯได้มา ประชุมที่กรุงเทพฯ เรื่องรับนโยบายนายก-รัฐมนตรี แล้วแวบเข้าโรงแรมรอยัลแปซิฟิก ถนนพระราม 9 เพื่อนัดจำเลยที่ 1 มาร่วมประเวณีอย่างเคย โดยเปิดห้อง 4006 จนอีก วันมาพบเป็นศพ สภาพศพ ตายมาหลายชั่วโมง นอนคว่ำหน้าตะแคงซ้าย ภายในห้อง สภาพเละเทะ มีของหายหลายรายการ คาดว่าคนร้ายลงมือระหว่างเวลา 17.00-21.00 น. ตำรวจใช้วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ บวกข้อสันนิษ ฐานด้านอาชญวิทยาแทงความเห็นว่า คนร้ายน่าจะเป็นชาย ฉกรรจ์หลายคนที่ดักทำร้าย โดยมี การเตรียมการมาอย่างดี ซ้ำยังทำลายหลักฐานกับสร้างหลักฐานเท็จ ให้ฝ่ายสืบสวนต้องสับสน
พยานที่เป็นพนักงานโรงแรมเบิกความว่า น.ส.อัญคนางค์ได้มาพบผู้ตายและ ได้มีการร่วม ประเวณีกัน เพราะได้ยินเสียงร้อง ครวญครางแล้วก็ออกจากห้องไป ผู้ต้องสงสัยรายอื่นไม่มี นอกจากแขก 4 คน ที่มาเปิดห้อง 4015 กับ 4017 ที่อยู่ตรงข้ามและเยื้องกับห้องผู้ตายตามลำดับ
ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่เปิดห้องคือ พ.ต.เฉลิม ชัยกับพวกอีก 2 คน และเมียน้อยของผู้พันอีก คน
โดยใช้ชื่อนำแฝงว่า กาย อันเป็นชื่อเล่น ของเด็กเปิดห้องนั่นเอง พยานเบิกความยัน ว่า ผู้พันมาเปิดห้องไว้แล้ว เข้าๆ ออกๆ จาก โรงแรม แต่ช่วงเกิดเหตุพวกเขาอยู่ใน โรงแรม แน่นอน
พยานที่เป็นฝ่ายสืบสวนและกองพิสูจน์ หลักฐานอีก 2-3 ปาก มาเบิกความว่า พบคราบเลือด มนุษย์ ที่ท่อพัก อ่างล้าง หน้าของห้องผู้พันกับรอยหยดเลือด อีก หลายแห่ง เมื่อนำไปประกอบกับรอยเลือด ที่กุญแจห้องพักกับ ที่แป้นเบรกของรถอีซูซุทรู เปอร์ของผู้พัน ขณะที่ตำรวจหน่วยจู่โจมเข้าค้น ค่ายมวย ของผู้พันตึ๋งที่ซอย รามคำแหง 39 ได้พบโน้ตเล็กๆ มีข้อความเกี่ยวกับการนัดหมายและจำนวนพนักงานที่เข้ากะของ โรงแรมในชั้น ที่เกิดเหตุของช่วงเวลาเกิดเหตุ
กับยังมีคำพยานเป็นตำรวจเบิกความว่า น.ส.อัญคนางค์ให้การครั้งแรกว่า เป็นผู้ไปเปิด ประตู ห้องเมื่อมีเสียงเคาะประตู พบชายฉกรรจ์สองคนยืนอยู่แล้วรีบลาผู้ตาย ก่อนฉวยเอาทรัพย์สิน บางอย่างไป ต่อมาก็กลับคำให้การใหม่ว่า เธอเป็นคนลงมือฆ่าผู้ว่าฯเอง เพราะโกรธที่ผู้ตาย ไม่ยอมให้แยกทาง สุดท้าย น.ส.อัญคนางค์ก็ให้การใหม่อีกว่า มีคนร้ายบุกเข้าไปในห้องบังคับให้ ก้มหน้าลงกับพื้นแล้วเข้าทำร้ายผู้ว่าฯ น.ส.อัญคนางค์จำได้ แม่นยำว่าคนร้ายคือ พ.ต.เฉลิมชัย นั่นเอง ตำรวจจึงบันทึกไว้ต่อทนายความและจิตแพทย์ คดีนี้การสอบสวน พบว่ามูลเหตุการฆ่า ก็เนื่องมา จากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตายที่ไปขัด ผลประโยชน์กับผู้มีอิทธิพลมูลค่านับร้อยล้าน บาท ส่วนทีมฆ่า ชุดนี้ไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับผู้ตายโดยตรง
เมื่ออัยการนำพยานบุคคลและพยานเอกสารเสนอต่อศาลจนครบถ้วน ฝ่ายจำเลยจึงขอตรวจสอบ ความถูกต้อง กับนำเอามาเป็นประเด็นในการซักค้านพยานโจทก์ เพื่อทำลายน้ำหนักคำ พยานทุก ปากก่อนนำพยานฝ่ายจำเลยเองเข้าเบิกความ เรียงตามบัญชีพยาน จำเลยที่ได้ยื่น ไว้ก่อนนั้นแล้ว
พยานจำเลยปากแรกก็คือตัว น.ส.อัญคนางค์ สุนทรวิภาค สาวคู่นอนของผู้ว่าฯปรีณะนั่นเอง วันนั้น เธอมาศาลในชุดนักโทษ ของทัณฑสถานหญิง รูปร่างแม้จะผอมไปบ้างแล้ว รูปหน้าทรงไข่ ทาปากสี แดง ปัดแก้มบางๆ
เธอเบิกความว่า ชายที่จู่โจมเข้ามาในห้องมี 3 คน เข้ามาในเวลา 18.00 น. ในกลุ่ม คนร้าย เรียกจำเลยที่ 2 ว่านาย และได้ค้นกระเป๋าของ น.ส.อัญคนางค์พบ ปืนกับมีด จึงนำมา ใช้ใน การประทุษร้าย เมื่อคนร้ายฆ่าผู้ตาย แล้วได้ยัด แหวนผู้ตาย ให้กับเธอ และพูด ว่าจะฆ่าล้างโคตร ถ้านำเรื่องนี้ไปบอกใคร จากนั้นก็หนีออกจากห้องมา และได้ขาย แหวนไปในราคา13,000 บาท
ผู้พันตึ๋งอ้างตนเองเป็นพยานหลังจากพนมมือสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าพูดแต่ความ จริงขอให้ชีวิต เจริญรุ่งเรือง ถ้าพูดความเท็จขอให้เกิดผลร้าย แล้ว พ.ต.เฉลิมชัยก็เบิกความว่า พวกตน ได้รับคำสั่ง ให้สืบสวนหาข่าวของนายสุรชัย เงิน-ทองฟู หรือบังรอน นักค้ายาเสพติด ช่วงนั้นได้มีโอกาส ได้พบ ภรรยาน้อย จึงพามาพักผ่อนด้วย กันที่โรงแรมรอยัลแปซิฟิก ในวันที่เกิดเหตุได้ออก จากโรงแรม ไปตั้งแต่เวลา 14.00 น. เพื่อไปดูการแข่งม้าที่สนามม้า ได้พบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หลายคน อาทิ พล.ร.ท.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พล.ร.ต. อนันต์ ต่อประดิษฐ์ จากนั้นได้ไปซื้อเสื้อผ้าที่
สยามสแควร์ และไปทานอาหารจนถึงเวลา 21.00 น. จึงกลับมาที่โรงแรม จนมาทราบข่าว ว่าผู้ว่าฯ ถูกฆ่าและกล่าวหา ว่าเกี่ยวข้อง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาเข้าใจ ต่อมาตำรวจมาค้น ค่ายมวยพบ กระดาษโน้ตข้อความ ที่เตรียมไว้รายงานผู้บังคับบัญชา สาเหตุที่ตำรวจมาจับ ตนกับพวก น่าจะ เป็นเรื่องที่ไปขัดแย้งกับนายตำรวจคนหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องหาข่าว นักค้า ยาเสพติด ส่วนจำเลย อีกสองคนที่เป็นลูกน้องก็ให้การคล้ายๆกัน
คดีนี้ศาลรวบรวมพยานหลักฐานทั้งข้อ เท็จจริงและข้อกฎหมาย กับคำให้การพยานทุกฝ่ายมาชั่ง น้ำหนักหักล้างกันแล้ว จึงมีคำพิพากษารวม 47 หน้า โดยพิเคราะห์ว่า เมื่อพิจารณาจาก สภาพ ศพและหลักฐานพยานแวดล้อม เชื่อว่าคนร้ายต้องมีมากกว่า 1 คน ร่วมกันจับตัวผู้ตายไว้ แล้วใช้มีดแทงก่อนใช้ปืนยิง คนร้ายมีจำนวนมากพอ ไม่ต้องอาศัยความร่วมมือของจำเลยที่ 1 และฆ่าขณะที่จำเลยที่ 1 ออกจากโรงแรมไปแล้ว ต่อมาได้เอาแหวนไปขาย จำเลยจึงมีความผิด ฐานยักยอกทรัพย์เท่านั้น
ส่วนจำเลยที่ 2 ถึง 4 มีความผิดหรือไม่ พยานเป็นพนักงานโรงแรมเบิกความว่า เมื่อมา เปิดห้องใน เวลา 14.00 น. แล้วก็ออกจากโรงแรมไปในเวลา 17.00 น. จากนั้น ไม่นาน ก็กลับเข้ามาใหม่ และไม่พบว่าจำเลยออกจากโรงแรมไปอีก ส่วนพยานบุคคล ที่จำเลยอ้าง ว่าพบที่สนามม้า ก็รู้จักคุ้นเคยกับจำเลยมาก่อนทั้งสิ้น หลังจากมีกลุ่มคนร้ายลงมือฆ่า ผู้ตายแล้วยังมีเวลาหลายชั่วโมง ในการเตรียมการเคลื่อนย้ายศพ เพื่อปิดบัง ข้อพิรุธกับ สร้างพยานหลักฐานใหม่ ดังเช่นพยาน ได้ยินเสียงปืนในเวลา 20.30 น. ซ้ำผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายต้อนรับให้การว่า เวลาเกิดเหตุมีแขก อยู่ในชั้นดังกล่าวเพียงสองห้อง คือห้อง 4015 กับ 4017ของจำเลย ส่วนแขกอื่นไม่อยู่ในห้องพัก
ในการตรวจค้นค่ายมวยยังพบแผนผังโรงแรมและข้อความอ่านได้ว่า บ่าย 3 บ๋อยแคชเชียร์ ออก 2 ถูกขยำทิ้งในถังขยะ และเรื่องอื่นๆ ล้วนเป็นข้อพิรุธว่า จำเลยเป็นผู้วางแผน ประทุษ กรรมครั้งนี้ นอกจากนี้ ร.ต.อ.หญิงโศรดา ปิติเลิศปัญญา ผู้ชำนาญด้านการตรวจคราบ โลหิตและพันธุกรรม พบว่าที่ท่อน้ำของอ่างล้างหน้าห้อง 4015 ที่จำเลยที่ 2 พักอยู่มีคราบ โลหิตที่มีดีเอ็นเอของผู้ตาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนร้าย เข้าไปฆ่า ผู้ตายและเข้าไปในห้องของจำเลยที่ 2 ได้ หากจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าถูกปรักปรำเพราะขัดแย้งกับ นายตำรวจ เห็นว่าเรื่องดังกล่าวได้ยุติไปเมื่อปี 2542 แล้ว
แม้ว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนฆ่า แต่เมื่อนำคำซัดทอด มารับฟัง ประกอบ พยานแวดล้อมและข้อพิรุธของจำเลยที่ 2 จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิด ฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 และ 4 พยานโจทก์ ยังเป็นที่สงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลย จึงยกฟ้อง
เมื่อ พ.ต.เฉลิมชัยตกอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำ เช่นนี้ คงไม่มีวิธีใดดีไปกว่าการยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษา และแต่งทนายความ ขึ้นมา ใหม่อีก 1 คน คือนาย พิศาล วิบูลย์ศิลป์ เพื่อเขียนคำอุทธรณ์ยาวถึง 121 หน้า โดย มีบุตรสาวเล็กๆ ของผู้พันเป็นผู้ออกแรง พิมพ์คำอุทธรณ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เอง เนื้อ หาคำอุทธรณ์อาศัยเหตุ จากการสืบ พยาน ในข้อ เท็จจริงและกฎหมาย ว่า คำให้การ ซัดทอดของ น.ส.อัญคนางค์ รับฟังไม่ได้ ศาลชั้นต้นฟังคำพยาน ที่เกิด จากเครื่อง จับเท็จ คำให้การของพยานที่ เป็นพนักงาน โรงแรม ไม่สอดคล้องกัน อีกทั้ง ตัวเขา เองก็เข้าพักโรงแรมดังกล่าวนับสิบ ครั้ง ผิดวิสัยคนร้ายทั่วไป ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยกฟ้อง
คดีนี้ได้ให้ข้อคิดหลายประการ หนึ่ง คดีจ้างวานฆ่า ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์ พยานเสมอไป แม้มีเพียงคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติเวชวิทยา กับการพิสูจน์หลัก ฐานโดยผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถฟังได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือฆ่า
สอง เดิมทฤษฎีกฎหมายมักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคำซัดทอดและพยานบอกเล่า เพียงแต่บอกว่า ให้รับฟังได้ แต่ต้องฟังด้วยความระมัดระวัง ปัจจุบันศาลเปิดกว้างมากขึ้น คำซัดทอดจึงเป็นพยาน ที่มีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน
ประหนึ่งว่า หากเคร่งครัดต่อทฤษฎีกฎหมายจนเกินไปแล้ว คนร้ายก็จะเหิมเกริม
สาม ศาลใช้ความรวดเร็วในการรับฟังพยานหลักฐาน และตัดสินใจให้ความเป็น ธรรมตามกฎหมาย เพราะความรวดเร็วก็เป็นการให้ความยุติธรรมอย่างหนึ่ง และเป็นสถาบันที่สถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม
ขณะที่จำเลยเอง โดยเฉพาะ พ.ต.เฉลิมชัย ก็เป็นนายทหาร เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ และมีข้อ สันนิษฐานตามรัฐธรรมนูญเป็นที่ตั้ง คือถ้าศาลยังไม่มีคำพิพากษา เป็นที่สุดว่าบุคคลนั้น เป็นผู้กระทำ ความผิด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์
แต่ที่แน่ๆ คดีฆ่าผู้ว่าฯปรีณะ เป็นภาระอันหนักอึ้งของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ที่ต้องค้นหา ความจริงให้ปรากฏต่อไป.
http://www.thairath.co.th/thairath1/2546/column/newyear/jan/s_page10.asp ข้อมูลในเกี่ยวกับคดีนี้มาให้ดูกัน