หมายเหตุ"มติชน" - เป็นส่วนหนึ่งของรายงานผลการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง (มีนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน) กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และพวก มีหนังสือสำนักเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ลงวันที่ 20 มีนาคม 2549 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบข้อมูลกรณีกล่าวหาว่า มีการปลอมแปลงเอกสารแก้ไขทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งนายนาม ยิ้มแย้ม ได้นำเสนอต่อ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2549 ที่ผ่านมาเรื่องที่ 1 กรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร้องเรียนว่า มีการสมคบระหว่างผู้บริหารพรรคไทยรักไทย เจ้าหน้าที่พรรคการเมืองอื่น และ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.เปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรค โดยจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ได้กำหนดประเด็นการสอบสวน ดังนี้
1.กรณีกล่าวหาว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของ กกต.ปลอมแปลงแก้ไขทะเบียนสมาชิกพรรค การเมืองในฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการ เมืองของ กกต.เพื่อส่งคนซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมายลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งต่างๆ หรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 นาย...บ. (ระบุชื่อ-ตำแหน่ง)...ผู้บริหารระดับสูงพรรคพัฒนาชาติไทย ได้ขอให้นาย...อ. (ระบุชื่อ) เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ผู้รับผิดชอบการบันทึกข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองของฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมือง เปลี่ยนแปลงข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย โดยจะให้เงินจำนวน 30,000 บาท นาย อ. ได้มาปรึกษา นางเลียม พงษ์อุดทา (เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์อีกคนหนึ่ง) และได้รับคำแนะนำจากนางเลียมว่า สามารถแก้ไขข้อมูลได้
ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา นาย อ.ได้ไปรับแผ่นซีดี พร้อมใบ ท.พ.6 พร้อมกับเงินจำนวน 30,000 บาท จากนาย บ. ผู้บริหารพรรคพัฒนาชาติไทย ตามที่นัดกันไว้ที่บริเวณแยกลำสาลี และในวันที่ 7 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 09.00 น. นาย อ.ได้นำข้อมูลจากแผ่นซีดีที่ได้รับมาดังกล่าวเพิ่มเข้าไปในฐานข้อมูลของ กกต.
จากการสอบสวนนาย อ. เจ้าหน้าที่คอมพิว เตอร์รับว่า เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมืองของพรรคพัฒนาชาติไทยแต่เพียงคนเดียว
นายวีระศาสตร์ (นริศ บุญสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง) ให้ถ้อยคำว่า การเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมืองในระบบคอมพิวเตอร์ จะมีนาย อ. เพียงผู้เดียวที่มีรหัสเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าว ในที่สุด นาย อ.ได้มายอมรับว่า เป็นผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลใน ฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมือง
ดังนั้น นาย อ.จึงเป็นผู้กระทำความผิดแต่เพียงผู้เดียว เห็นควรดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือดำเนินการทางวินัยต่อไป
อนึ่ง ภายหลังเมื่ออนุกรรมการสืบสวนสอบ สวนทำการสอบสวน นาย อ.ได้นำเงินจำนวน 30,000 บาท ดังกล่าวมาคืนให้คณะอนุกรรม การสืบสวนสอบสวน
2.กรณีกล่าวหาว่า การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของ กกต.ดังกล่าว เกิดจากการสมคบกันกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทยกับพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคไทยรักไทยกับพรรคแผ่นดินไทย หรือไม่
@ กรณีพรรคพัฒนาชาติไทย
จากการสอบสวน นายชวการ โตสวัสดิ์ ให้ถ้อยคำว่า เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภา พันธ์ 2549 นายชวการได้รับการติดตอจาก นายพงศ์ศรี ศิวาโมกข์ นายทวี สุวรรณพัฒน์ และนายต้อย ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง คนของ พล.อ..... ให้ หาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเล็กมา ลงสมัครในเขต เลือกตั้งที่พรรคไทยรักไทยคาดว่า จะได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 ของจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น
นายชวการฯ จึงติดต่อกับ นายสุขสันต์ ชัยเทศ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และหาผู้สมัคร ส.ส.ได้ 3 พรรค ได้แก่ พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคกฤชไทยมั่นคง และพรรคธัมมาธิปไตย ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2549 นายพงศ์ศรีฯ โทรศัพท์ให้นายชวการฯ ไปพบ พล.อ....... ที่พรรคไทยรักไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
นายชวการฯ นายทวีฯ นายพงศ์ศรีฯ และนายต้อยฯ ได้เดินทางไปที่พรรคไทยรักไทย โดยแวะพักพูดคุยกันที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าทางเข้าพรรคไทยรักไทย โดยมีลูกจ้างของร้านอาหารดังกล่าวให้ถ้อยคำว่า เห็นมีชาย 4 คน ถือกระเป๋าเอกสารเข้ามานั่งในร้านและสั่งเบียร์ไฮเนเก้นดื่มกัน
เมื่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนให้ดูรูปของนายทวีฯ และ นายชวการฯ ปรากฏว่า ลูกจางของรานยืนยันว่า เป็นบุคคลที่เข้ามาที่ร้านอาหารดังกล่าว เมื่อบุคคลทั้งสี่ขึ้นไปที่ตึกสำนักงานของพรรคไทยรักไทยและนั่งรอในห้องประชุมข้างๆ ห้องทำงานของ พล.อ.......
สักครู่ได้พบ พล.อ....... นาย พ. (ระบุชื่อ ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยอีกคน) และนายทหารนอกเครื่องแบบอีก 2 คน โดยได้พูดคุยและตกลงกันว่าจะทำการตัดต่อข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคกรณีที่มีผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน ที่เรียกว่า ตัดต่อพันธุกรรม โดยถอดชื่อสมาชิกพรรคบางคนออกจากบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคแล้วนำชื่อผู้ที่พรรคจะส่งลงสมัครแทนที่โดยให้หมายเลขและวันสมัครสมาชิกพรรคเดิม และพูดคุยเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย แล้วทั้งสี่คนจึงกลับมาที่โรงแรมกานต์มณีและได้พูดคุยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ
ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 14.00 นาฬิกา นายต้อยฯ แจ้งว่า "นาย" ให้ไปรับเงินจึงได้เดินทางไปด้วยกันทั้ง 4 คน และไปที่กระทรวงกลาโหมโดย พล.อ.... เรียกให้นายทวีฯ เข้าไปในห้องทำงานสักครู่จึงออกมาพร้อมกับถือเงินมาในมือและบอกให้นายชวการฯ ไปจัดการเรื่องค่าสมัครระบบบัญชีรายชื่อก่อน
ระหว่างทางนายชวการฯ นับเงินได้จำนวน 50,000 บาท แล้วนำไปให นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ใช้ สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 นายทวีฯ ได้นำเงินมาให้อีกใส่ซองซองละ 20,000 บาท จำนวน 38 ซอง มอบให้ผู้สมัครไปทั้งสิ้น 33 ซอง ที่เหลือแบ่งกันในผู้ร่วมงาน
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ตอนเช้า นายทวีฯนำเงินมาให้นายชวการฯ ที่โรงแรมกานต์มณี อีกจำนวน 140,000 บาท เพื่อให้นายชวการฯ โอนเงินไปเข้าบัญชีนายสุขสันต์ฯ ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขานครพนม โดยโอนจากธนาคารกสิกรไทย สาขาประดิพัทธ์ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 นาฬิกา
ส่วนนายชวการฯ รับเงินมาจากนายทวีฯ จำนวน 5,000 บาท สมทบกับเงินส่วนตัวไปเปิดบัญชีกระแสรายวันของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ธนาคารกรุงไทย สาขาประดิพัทธ์ ไปพร้อมกับนายฉลอง นนทพายัพ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย ส่วน นายสุขสันต์ ชัยเทศ จะดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารของผู้สมัคร ส.ส.
นายสุขสันต์ ชัยเทศ ให้ถ้อยคำว่า ได้รับ การติดต่อจาก นายชวการ โตสวัสดิ์ ให้หาคนของพรรคเล็กมาลงสมัคร ส.ส.และเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2549 นายสุขสันต์ฯ ไปพบหัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรค ที่โรงแรมกานต์มณีและหารือให้ส่งเอกสารของผู้สมัครแบบแบ่งเขตมาที่โรงแรมกานต์มณีทางโทรสาร โดยให้นางมณทิราพร พิมพ์จันทร์ ช่วยดำเนินการด้านเอกสาร
และในคืนวันที่ 6 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ได้นำแผ่นบันทึกข้อมูล (disk) ฐานข้อมูลของผู้สมัครพรรคพัฒนาชาติไทยมาเพื่อแก้ฐานข้อมูลสมาชิกพรรค โดยให นายสายันต์ เจียมสวัสดิ์ ผอ.โรงเรียนบ้านเขาฝ้าย เป็นผู้จัดพิมพ์ข้อมูลสมาชิกพรรคบันทึกลงเครื่องคอมพิวเตอร์โดยได้ข้อมูลดังกล่าวจากนายสุขสันต์ฯ
นางมณทิราพร พิมพ์จันทร์ ให้ถ้อยคำว่า เป็นผู้รับโทรสารจากเคาน์เตอร์โรงแรมกานต์มณี และกรอกแบบฟอร์มใบสมัครสมาชิกพรรคของผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมาก่อนแล้วรวบรวมไว้
นายสายัณต์ เจียมสวัสดิ์ ให้ถ้อยคำว่า เมื่อ วันที่ 6 มีนาคม 2549 ได้มารับใบรับรองการเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยที่โรงแรมกานต์มณี และได้ช่วยนายสุขสันต์ฯ พิมพ์รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพัฒนาชาติไทยตามรายชื่อที่นายสุขสันต์ฯ ส่งให้ และได้รับใบรับรองดังกล่าวในวันนั้น
นายประยูร พูลจันทร์ ให้ถ้อยคำว่า เมื่อประมาณวันที่ 6 หรือ 7 มีนาคม 2549 นายประยูรฯ ได้มารับหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยที่โรงแรมกานต์มณี และ นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ มอบหมายให้ช่วยดูแลผู้สมัคร ส.ส.เขตภาคใต้ร่วมกับ น.อ.อิษฎา น้อยขาว โดยพรรคช่วยค่าสมัครให้คนละ 10,000 บาท และช่วยค่าพิมพ์เอกสารแนะนำตัวด้วยแต่ไม่มาก นายประยูรฯ ได้รับเงินสดจากนายบุญทวีศักดิ์ฯ จำนวน 2,000 บาท และจ่ายให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่จุดรับสมัครเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช คนละ 12,000 บาท จำนวน 6 คน
นายปฏิพัฒน์ เกียรติธีรวิชัย ให้ถ้อยคำว่า เป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2549 นายบุญทวีศักดิ์ฯ นำหนังสือรับรองมาให้พยานเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 8 มีนาคม 2549 และได้ไปสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ที่โรงเรียนสภาราชินี หลังจากสมัครแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ พรรคพัฒนาชาติไทยได้โอนเงินเข้าบัญชีเป็นค่าจัดทำเอกสารจำนวน 30,000 บาท พยานได้รับ 15,000 บาท ส่วนเงินค่าสมัคร จำนวน 13,000 บาท พยานออกค่าใช้จ่ายเอง
สอบสวน นางรัตนา เกษรินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมกานต์มณีให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2549 นายชวการฯ มาเปิดห้อง 2 ห้องเลขที่ 325 และ 426 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2549 นายชวการฯ ขอเปิดห้องประชุมหมายเลข 401 จำนวน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-6 มีนาคม 2549 และในวันที่ 6 มีนาคม 2549 เปิดห้องพักเพิ่มอีก 5 ห้อง เป็นชื่อ นายสายัณต์ เจียมสวัสดิ์ ผู้พักหมายเลข 203 และ นายฉลอง นนทพายัพ ผู้พัก หมายเลข 301 วันที่ 8 มีนาคม 2549 เปิดอีก 1 ห้องระหว่างนั้นมีการส่งโทรสารบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และใบคุณวุฒิการศึกษา จำนวนหลายคน และรับแจ้งจากนายชวการฯ ว่าหากมีเอกสาร ส่งมาให้เก็บรวบรวมไว้จะให้คนของพรรคมารับเอกสารไปบางครั้งนายชวการฯ มารับเอง และได้นำคอมพิวเตอร์และปริ๊นเตอร์ มาใช้ที่ห้อง 203 และที่ห้อง 401 จะมีคนมาติดต่อเข้า - ออก ประมาณ 100 คน ส่วนมากไม่ได้พักค้างแรม พร้อมกับมอบเอกสารรายการชำระเงินและรายละเอียดการใช้บริการของโรงแรมกานต์มณีให้เป็นหลักฐาน
นายอานนท์ หิรัญศิริ ให้ถ้อยคำว่า เป็น ผู้ดูแลเครื่องเสียงของโรงแรมกานต์มณี โดย ผู้เช่าห้องหมายเลข 203 ได้ขอให้พยานช่วยแก้ไขเครื่องปริ๊นเตอร์และเห็นผู้ที่อยู่ในห้อง 203 ช่วยกันจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการสมัคร รับเลือกตั้ง ส.ส. และเมื่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนให้ดูรูปถ่ายของนายบุญทวีศักดิ์ฯ นายอำนาจฯ นายสุขสันต์ฯ และนางสาวมณฑิรา พรฯ แล้วนายอานนท์ฯ ยืนยันว่า บุคคลทั้งสี่ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงจัดทำเอกสารการรับสมัคร ส.ส.และเห็นนางสาวมณฑิราพรฯ นำโทรสารที่มีผู้ส่งมาที่โรงแรมนำเข้ามาจัดทำในห้อง 203 โดยมีนายบุญทวีศักดิ์ฯ และนายสุขสันต์ฯ เป็น ผู้ควบคุมการดำเนินการและสั่งการให้ชายอีก 2 คน เป็นผู้ทำการดึงข้อมูลจากแผ่นซีดี
พิเคราะห์แล้วน่าเชื่อว่า พรรคพัฒนาชาติไทย โดย นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ นายชวการ โตสวัสดิ์ และ นายสุขสันต์ ชัยเทศ ได้รับเงินสนับสนุนจาก ผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทย เพื่อให้นำมาจัดส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549
@ กรณีพรรคแผ่นดินไทย
จากการสอบสวน นางฐัติมา ภาวะลี ให้ ถ้อยคำว่า เป็นผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทย มี นายบุญอิทธิพล ชินราช เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นผู้จัดทำรายชื่อผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด และดูแลเรื่องการเงินของผู้ที่จะลง สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 นายบุญอิทธิพล ชินราช ไปร่วมประชุมและเล่าให้พยานฟังว่านายกฯทักษิณ จะช่วยค่าใช้จ่ายในการลงสมัครทุกพรรคพรรคละประมาณ 10 ล้านบาท โดยดูจากยอดจำนวนการส่งผู้สมัครมากน้อยเป็นสำคัญ วันที่ 2 มีนาคม 2549 พรรคแผ่นดินไทย ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 5 คน ได้แก่ นายพันธมิตร ดวงทิพย์ นาย ฐิติมา ภาวะลี พ.ต.ต.สุขุม พันธุ์เพ็ง นายเรืองชัย เรืองวิศิษฐ์ นายประพันธ์ พรหมรัตน์ โดย พยานเป็น ผู้ออกเงินสำรองการสมัครไปจำนวน 50,000 บาท
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2549 ผู้พัน ป. (อดีต ส.ส.ไทยรักไทย) นำเงินค่าสมัคร ส.ส.กรุงเทพ มหานคร มามอบให้คุณวริศวิยาฯ และคุณพันธมิตร เป็นค่าใช้จ่ายคนละ 30,000 บาท จ่ายเป็น 2 งวด งวดแรกจ่ายในวันสมัครคนละ 15,000 บาท และเมื่อสมัครเสร็จจะช่วยเพิ่มให้อีกคนละ 15,000 บาท จำนวนที่มอบในวันนั้น 700,000 บาท นายไพฑูรย์ วงศ์วานิช นำผู้จะสมัคร ส.ส.ภาคใต้มาหารือที่ศูนย์ฯ หลายสิบคนได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ พล.อ......ตลอดเวลา
พยานได้ยินว่า สรุปยอดค่าใช้จ่ายส่วน ของผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ คนละ 100,000 บาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด งวดแรกวันสมัคร คนละ 40,000 บาท หักให้ค่านายหน้าคนละ 10,000 บาท โดยพยานจ่ายให้แกนนำสายภาคใต้และลงชื่อรับเงินไว้เป็นหลักฐานซึ่งได้มอบให้ไว้แล้ว และได้มอบสำเนาเอกสารการรับเงินไว้เป็นหลักฐาน วันนี้มี เสธ.อ. ร่วมประชุมแทน พล.อ...... ที่ศูนย์ฯ ตลอดมา จนเวลา 21.00 นาฬิกา เสธ.อ. ก็ออกไปพร้อมบอกว่าสักครู่จะให้คนนำเงินมาให้
ต่อมาเวลา 22.00 นาฬิกา พล.ท. ผ. มาหาพยานที่ศูนย์ฯ และนำค่าใช้จ่ายของภาคใต้ประมาณ 14 คน เป็นเงิน 1,450,000 บาท มอบให้พยาน พยานเบิกเป็นค่านายหน้า 400,000 บาท และได้มอบให้นายหน้าไป ส่วนที่เหลือประมาณ 1,050,000 บาท พยานเก็บไว้จ่ายให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่จะลงในภาคใต้ ซึ่งแกนนำของพรรคแผ่นดินไทยที่อยู่ที่ศูนย์ฯ ในวันดังกล่าวที่จำได้ ได้แก่ นายไพฑูรย์ วงศ์วานิช นายแฟนดี้ ปะสู นายวรพล (นิยม) ไม่ทราบนามสกุล นายจารึก เชาวฤทธิ์ นายบุญชู ซุ้นสุวรรณ นายประพันธ์ พรหมรัตน์ นายธีระพงษ์ ลาเลิศ นายปราโมทย์ ไม่ทราบนามสกุล นายพงษ์นรินทร์ ไม่ทราบนามสกุล นายประภากร ไม่ทราบนามสกุล และ นายสิระภาพ เหล่าลาภะ
วันที่ 5 มีนาคม 2549 ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้นำหลักฐานมากรอกใบสมัครและลงลายมื่อชื่อในใบสมัครสมาชิกพรรคพร้อมทำใบสมัคร ส.ส.ที่แนบหนังสือรับรองของหัวหน้าพรรคที่รับรองการเป็นสมาชิกพรรคฯ มอบให้ผู้สมัครแต่ละท่านนำไปใช้สมัครในแต่ละเขตจังหวัด พยานจ่ายเงินให้คนละ 40,000 บาท ส่วนเงินค่าใช้จ่ายผู้สมัคร ส.ส.ที่เหลือสำรองไว้ของภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คนละ 15,000 บาท ในวันสมัคร ส่วนที่เหลืออีกคนละ 15,000 บาท จะจ่ายให้เมื่อสมัครเสร็จสิ้นแล้ว
และในวันเดียวกัน พล.ท.ผ. นำเงินมาให้อีก 1,700,000 บาท ของผู้สมัครภาคใต้อีก 17 คนที่เพิ่มเติม วันที่ 9 มีนาคม 2549 พล.ท.ผ.นำเงินมามอบให้พยานครั้งที่ 3 อีก 525,000 บาท ที่ปั๊มน้ำมันบางจากลานจอดรถสถานีรถไฟสามเสนพยานไปคนเดียวโดยเป็นของผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้เพิ่มเติมอีก 10 คน พล.ท.ผ. ขอเก็บส่วนที่เหลืออีก 500,000 บาท ไว้ก่อนจะนำมามอบให้พยานภายหลัง จนบัดนี้พยานยังไม่ได้รับ รวมทั้งสิ้นพยานรับเงินมา 3 ครั้ง จาก พล.ท.ผ. เป็นเงิน 3,675,000 บาท ปรากฏว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคแทบทุกคนมีปัญหาขาดคุณสมบัติ เป็นสมาชิกไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด
วันที่ 20 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 13.40 นาฬิกา พยานได้รับโทรศัพท์จาก เสธ.ชาติ หมายเลข 0-9432-7666 เข้ามาที่เครื่องของพยานหมายเลข 0-4137-6688 ถามว่าได้รับเงินมาจาก พล.ท.ผ. ทั้งหมดเท่าไร พยานตอบ 3 ครั้ง รวม 3,675,000 บาท และต้องใช้เงินอีกเท่าไร พยานตอบประมาณ 2 ล้านบาท
ขณะคุยอยู่นั้นมีนายถาวร เสนเนียม นายสุวโรช พะลัง และนายวินัย เสนเนียม อยู่กับพยานด้วย พยานมอบนามบัตรของ พล.ท.ผ. ให้ไว้ต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนซึ่งพยานรับมาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2549 ที่ศูนย์ฯ อินทมระ 43 พร้อมนำเงินมาให้พยาน 1,450,000 บาท
และเมื่อสอบสวน พ.ต.ต.สุขุม พันธ์เพ็ง ให้ถ้อยคำว่า ได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคแผ่นดินไทย โดยได้รับการสนับสนุนเงินค่าสมัครจากนายบุญอิทธิพลฯ และนางฐัติมาฯ จำนวน 10,000 บาท และ ศ.ดร.อุทัย นามวงศ์ ให้ถ้อยคำว่าได้รับเงินค่าสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จากพรรคแผ่นดินไทย จำนวน 15,000 บาท แม้นางฐัติมาฯ จะมาให้ถ้อยคำกลับคำให้การเดิมว่าไม่เคยไปรับเงินจากผู้ใดในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ บังคับขู่เข็ญให้ไปให้ถ้อยคำที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 จังหวัดสุราษฎรธานี ก็ตาม
แต่ขณะนั้นนางฐัติมาฯ ย่อมจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ ที่นั้นทราบเพื่อช่วยเหลือตนได้ แต่นางฐัติมาฯ ก็หาได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือแต่อย่างใด จึงยังฟังไม่ได้ว่านางฐัติมาฯ ถูกบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ไปให้การต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวน
พิเคราะห์แล้วน่าเชื่อว่า พรรคแผ่นดินไทย โดยนายบุญอิทธิพล ชิณราช และนางฐัติมา ภาวะลี ได้รับเงินสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทย เพื่อให้นำมาจัดส่งผู้สมัครับเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549
จากการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าทั้งสองพรรคการเมืองดังกล่าว ได้กระทำการตามข้อร้องเรียน จึงเห็นควรแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องและทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป
หน้า 2<
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0107210449&day=2006/04/21*******************************
กกต.ชุดใหญ่ว่าไงครับท่าน