สภาทนายความ ออกประกาศเรียกร้อง คปค. 7 ข้อ

สภาทนายความ ออกประกาศเรียกร้อง คปค. 7 ข้อ
วันที่ 28 ก.ย. 2549

"สภาทนายความ" ออกประกาศเรียกร้อง คปค. เคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ละเมิดสิทธิส่วนตัวหรือรังแกคนอื่นจนเสื่อมเสียเกียริต์-ศักดิ์ศรี ระบุการคุมตัว "ชิดชัย-เนวิน-ยงยุทธ-หมอมิ้ง" นั้นอาจมีเหตุผลที่ไม่ได้ประกาศออกมาให้ทราบ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้(28 ก.ย.) ที่สภาทนายความ นายสมัคร เชาวภานันท์ อุปนายกฝ่ายบริหาร โฆษกสภาทนายความ ตัวแทนสภาทนายความ แถลงว่า ทางสภาทนายความมีประกาศฉบับพิเศษโดยมีเนื้อหาสาระว่า เพื่อให้สภาวะความเป็นประเทศประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติชั้วคราวที่จะจัดตั้งขึ้นตามประกาศและนโยบายของคณะปฏิรูปการปกครองฯ (คปค.) ได้รับการรับรองและสร้างความเชื่อถือกับรัฐบาลหรือองค์กรระหว่างประเทศ ทางสภาทนายความขอเรียกร้องให้ทาง คปค. และแจ้งให้ประชาชนทราบถึงหลักเกณฑ์ที่ควรนำมาปฏิบัติในการบริหารประเทศ และการวางกรอบโครงสร้างของรัฐธรรมนูญที่จะยกร่างขึ้นมาใหม่ คือ

1. การเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับรัฐบาลชั่วคราว จำเป็นต้องใช้หลักเกณฑ์ของกติกาสากลในเรื่องการบริหารประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายที่จะนำมาใช้ต้องใกล้เคียงกับมาตรฐานกฎบัตรของสหประชาชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกมาตั้งแต่เริ่มต้น

2. คปค. ควรส่งเสริมหลักเกณฑ์ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทั้ง 30 ข้อและควรนำหลักเกณฑ์สิทธิขั้นพื้นฐานของปฏิญญาดังกล่าวมาใช้ให้เป็นจริงเป็นจัง การจำกัดสิทธิเสรีภาพต้องอยู่ภายใต้กรอบและหลักเกณฑ์ของกฎหมายและกติกาสากลระหว่างประเทศ

3. การออกประกาศหรือคำสั่งใดของ คปค. ต้องให้การเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคล และผดุงไว้ซึ่งศีลธรรม ความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชนตามสังคมระบอบประชาธิปไตย บุคคลต้องไม่ถูกละเมิดในสิทธิส่วนตัวหรือถูกรังแกให้เสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรี โดยเฉพาะจะถูกจับกุมหรือกักขังโดยพลการมิได้

4.คปค. ควรส่งเสริมและให้หลักประกันแก่สิทธิในความมีอิสระเสรีในการแสดงออกทางความคิดเห็นและการแสดงออกโดยปราศจากการถูกแทรกแซงในการยอมรับ และแจกจ่ายข่าวสารทางสื่อมวลชนย่อมสามารถปฏิบัติได้โดยปกติ และไม่ควรมีข้อจำกัดการควบคุมแลกเปลี่ยนความคิดในหน่วยงาน

5.การยกร่างและนำธรรมนูญชั่วคราวมาใช้เพื่อการบริหารประเทศในระหว่างที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรในอีก 1 ปี ข้างหน้า ธรรมนูญชั่วคราวจะต้องยอมรับกติการะหว่างประเทศด้วยสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ของยูเอ็น ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันรับรองแล้ว โดยในเรื่องการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นมาตรฐานสำคัญที่ประเทศสมาชิกต้องยึดถือ

6. ให้รัฐบาลหรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดใหม่ดำเนินการให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการคอรัปชั่นของยูเอ็น เพื่อความสะดวกในการขอความร่วมมือและตรวจสอบการโอนย้ายเงินและทรัพย์สินอันมีค่าไปยังประเทศต่างๆซึ่งเป็นสมาชิกของยูเอ็น

7. ให้หน่วยงานในการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราตรวจสอบการโอนย้ายเงินที่ผิดปกติจากธุรกิจโดยทั่วไปอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเงินเข้าออกประเทศตามกฎหมายแหล่งเงินประเภทกองทุนจากต่างประเทศ (Trust Fund) ที่เข้ามาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะผู้รับผลประโยชน์ของ Trust Fund จะต้องแจ้งต่อหน่วยงานดังกล่าวให้ทราบถึงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจน ทำนองเดียวกับการตรวจสอบเงินของกระทรวงความมั่นคงในสหรัฐฯ

นายสมัคร กล่าวว่า หากทาง คปค. สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ ก็จะทำให้ภาพรวมของประเทศในระหว่างที่มีการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยดี มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารัฐบาลประชาธิปไตยในประเทศอื่นๆ และการที่สภาทนายความมีประกาศออกมาครั้งนี้ ก็ต้องการให้การออกประกาศหรือการยกเลิกใดๆ ของ คปค.ต้องอยู่ในกรอบมาตรฐานของกฎบัตร ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ คปค. ดำเนินการควบคุมพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ เข้าข่ายการถูกละเมิดสิทธิส่วนตัวและถูกรังแกให้เสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ทางสภาทนายความไม่ทราบว่า คปค. มีเหตุผลอะไรที่ควบคุมโดยตรง ซึ่งทาง คปค. อาจมีเหตุผลที่ไม่ได้ประกาศออกมาให้ทราบ อย่างกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การจะไปควบคุมหรือแม้แต่การห้ามเข้ามาประเทศไทยก็ไม่ได้ ส่วนเมื่อเข้ามาแล้วจะมีการควบคุมกักขัง ก็เป็นเรื่องที่เป็นตามกฎหมายที่ คปค. ประกาศออกมาว่ามีผลอย่างไร หรือถ้าจะควบคุมก็ต้องดูว่าใช้หลักกฏหมายอะไร แต่โดยปกติการควบคุมโดยพลการนั้นไม่ได้ แต่การควบคุมตัวครั้งนี้ก็เป็นไปตามกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตามส่วนตัว เห็นว่าจากภาวะการขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ควรกลับประเทศไทย ให้สถานการณ์เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยก่อนดีกว่า