เหมือนไม่เคยได้ยินชื่อท่านมาก่อนเลย ตามประสาคนไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง การปกครอง แต่พอได้อ่านสัมภาษณ์ท่านครั้งแรกใน "มติชน" เช้าวันก่อนเกิดปฏิวัติ แล้ว จำชื่อท่านได้ทันที ขออนุญาตเอามาแปะเสริมค่ะ
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102190949&day=2006/09/19อดีตแม่ทัพภาค4สุดทน รัฐบาลแก้ไฟใต้เหลว เสนอ19ข้อคลี่ปัญหาหมายเหตุ-พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 แถลง 19 ข้อเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเหตุการณ์ระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่โรมแรมดุสิตธานี
"... ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะอยากดัง ไม่ใช่เพราะเสียผลประโยชน์ แต่ไม่อาจทนดูการแก้ปัญหาภาคใต้อย่างผิดวิธีต่อไปได้อีก โดยเฉพาะการเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ผ่านมาผมพยายามทำความเข้าใจกับผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแม่ทัพภาคที่ 4 หลายคน ดูเหมือนคนเหล่านั้นไม่เข้าใจ
คนที่เหมือนจะเข้าใจอยู่คนเดียว คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.แต่บังเอิญเวลานี้ ท่านไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แรงบันดาลใจสูงสุดที่ให้มาพูดในวันนี้ คือ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ที่ท่านมีพระราชดำรัสว่าวิกฤตที่สุดในโลก ผมมาพิจารณาดูวิกฤตที่สุดมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ คือ การแตกความสามัคคีของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงขั้นจับอาวุธมาห้ำหั่นกัน และวิกฤตการแตกแยกกันทางความคิดทางการเมืองจนถึงเลือดตกยางออก ไม่เว้นแม้กระทั่งคนแก่และผู้หญิง ไม่ว่าเป็นทหาร ตำรวจ ถือเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น ขอเรียกร้องไปยังเพื่อนข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการทหารทุกฝ่ายที่น้อมรับแก้วิกฤตของชาติ ควรคิดและทำในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมขอเรียกร้องให้ถวายยศและถวายเครื่องราชฯคืน
การแก้ปัญหาภาคใต้เวลานี้รัฐบาลแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ แก้ปัญหาด้วยความเข้าใจและเอาความจริงมาพูด แต่รัฐบาลทำเวลานี้ คือ ความไม่เข้าใจ ยืนยันว่าปัญหาภาคใต้ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมที่ผิดวิธี ถ้าเราให้ความเป็นธรรมแก่เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ความเป็นธรรมที่ว่านั่นก็อยู่ที่ว่าความรู้สึก เราต้องแก้ที่จิตสำนึก แก้ด้วยความจริง เขาไม่ผิดก็อย่าพยายามทำให้ผิด เราต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหาไม่ใช่การสร้างภาพ
อย่าเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือจุดยืนไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญต้องเข้าใจ เข้าใจ และพัฒนา ต้องเข้าใจคนใต้ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดเขามีความคิดตรงกันคือมีเหตุผล มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าเงินทอง คนใต้นิยมแสวงหาความเป็นธรรมด้วยตนเอง
ปัญหาภาคใต้เสมือนไฟสุ่มขอน ไม่มีวันดับ หากเปรียบเป็นผู้ป่วยก็เป็นผู้ป่วยเรื้อรังไม่มีวันหาย แค่สามารถที่จะควบคุมโรคได้ โรคที่ว่านี้อยู่ในความดูแลของหมอใหญ่คือแม่ทัพภาคที่ 4 และหมอคนอื่นๆ ที่มีทั้งพลเรือน ตำรวจ และราษฎรอาสาสมัคร แต่ปัญหาภาคใต้มีจุดเปลี่ยนเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งที่ 123/2545 ให้ยุบเลิก พลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) 43 และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาใต้ (ศอบต.) การยุบทั้งสองหน่วยงานไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มีสิ่งที่ขาดหายไปเมื่อยุบ ศอบต.แล้ว ยังไม่มีการนำมาแทนที่ คือ การอบรมข้าราชการที่ไปอยู่ภาคใต้กับการรับเรื่องราวร้องทุกข์
ผมไม่ได้โกรธ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี
แต่บอกเลยว่าตราบใดที่ พล.ต.อ.ชิดชัยรับผิดชอบไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ดูอย่างสมัยที่ดูแลการแก้ปัญหายาเสพติดก็เกิดการฆ่าตัดตอน ยุทธการฆ่าคนบริสุทธิ์ได้เริ่มต้นขึ้น และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม มีคำสั่งเงียบๆ ออกมาให้เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.กอ.รมน.) แล้วอย่างนี้ ผบ.ทบ. จะทำอะไรได้ ผมเห็นว่าควรที่จะให้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาเป็น ผอ.กอ.รมน. จากนั้นในวันที่ 24 สิงหาคม มีการปลด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.กอ.รมน.ว่ามีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ผมไม่สามารถพูดได้ว่าจริงหรือไม่ แต่ถ้าจริงถือโอกาสล้าง กอ.รมน.โดยผู้ที่ทำงานอยู่ใน กอ.รมน.ติดข้อหาทั้งหมด จึงได้โอกาสเปลี่ยนแปลงให้ พล.ต.อ.ชิดชัย มาเป็น ผอ.กอ.รมน.และ พล.อ.ชิดชัยคงจะเอาทหารที่ทำงานออกแล้วเอาตำรวจมาแทน
ขณะนี้มีการสร้างข่าวชี้นำในทางที่ผิด เห็นว่าหน่วยงานด้านการข่าว ประกอบด้วย 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1.หน่วยสันติบาล ผู้รับผิดชอบคือ ตำรวจ 2.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) คือทหาร และ 3.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีพลเรือนรับผิดชอบ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับนำ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มารับผิดชอบ จึงทำให้หน่วยงานด้านการข่าวของรัฐเหลือเพียง 2 หน่วยงาน คือตำรวจและทหาร ผมเคยบอก พ.ต.ท.ทักษิณแล้วว่า ถ้าทำอย่างนี้ข่าวที่ได้จะไม่ถูกต้องจะเป็นเพียงข่าวที่ถูกใจเท่านั้น
ผมมีข้อเสนอรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหน้าเหลี่ยมหรือรัฐบาลหน้าหล่อ ไม่ว่าจะผมดกหรือผมบาง ตัวสูงมากตัวสูงน้อยดังนี้
1.การใช้วาจาต้องไม่ดูถูก ดูแคลน 2.รัฐบาลใหม่ต้องไปขอโทษประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ เหมือนอย่างที่สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยทำมาแล้ว 3.ต้องให้คำตอบกรณีการปราบปรามยาเสพติดที่ พล.ต.อ.ชิดชัย สั่งมีการฆ่าตัดตอน ซึ่งเวลานี้ พล.ต.อ.ชิดชัยสามารถที่จะตอบได้ เพราะมีตำแหน่งเป็นถึง ผอ.กอ.รมน.และรักษาการนายกรัฐมนตรี4.ต้องให้คำตอบเรื่องของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความชาวมุสลิมที่ถูกอุ้มหายตัวไป 5.ต้องให้คำตอบกรณีเหตุการณ์ 28 เมษายน ที่ชาวบ้านยังติดใจเรื่องที่เกิดที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ว่าทำไมนักฟุตบอลถึงถูกฆ่าทั้งทีม 6.ให้คำตอบเรื่องกรณีตากใบ จ.นราธิวาส 7.ขอให้ข้าราชการประจำรับผิดชอบเหมือนเดิม รัฐบาลต้องไม่แทรกแซง 8.ยกเลิก พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉิน 9.ใช้วิธีการแก้ปัญหาทางทหาร โดยการเอาชนะทางความคิด 10.ยกเลิกผู้ว่าฯซีอีโอ 11.ให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.กอ.รมน.) 12.ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย 13.ส่งเสริมให้มีการเรียนภาษาไทย สร้างสำนึกความเป็นไทย 14.แก้ความเข้าใจในหมู่ประชาชน 15.ส่งเสริมโรงเรียนเอกชนที่สอนศาสนาด้วยภาษาไทย 16.ให้พลเรือนเป็น ผอ.สำนักข่าวกรอง 17.ไม่จำเป็นต้องตั้ง พตท.43 และ ศอ.บต. เพียงแต่ให้อำนาจแม่ทัพภาคที่ 4 เต็มที่ 18.ให้เลิกใช้วิธีการของตำรวจ โดยใช้วิธีของทหาร และ 19.พึ่งบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้านางฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะหากไม่มีพระองค์ เหตุการณ์ภาคใต้ก็จะลุกเป็นไฟ ส่วนที่ถามว่าการเกิดเหตุการณ์ที่ จ.ยะลา เป็นเพราะความแตกแยกของกองทัพหรือไม่นั้น ผมลงไปในพื้นที่เมื่อวันที่ 8-10 กันยายน จึงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ การจะทำอะไรต้องบอก ผบ.ทบ. ต้องบอกแม่ทัพภาคที่ 4 แต่เขาไปจัดการกันเอง การเอาคนออกมาผมก็เคยทำมาแล้ว มีคนมาติดต่อมอบตัว ปรากฏว่ามาฟอกตัวมากกว่าคงแก้อะไรไม่ได้ สิ่งที่จะแก้ไม่ใช่ให้คนออกมา ต้องให้ความเป็นธรรม วิธีนี้แก้ไม่ได้ ถ้าจะเสนอ พ.ต.ท.ทักษิณ ผมขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณไปอ่านเอกสารที่ผมเสนอด้วยมือเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2548
ขณะนี้ผมเห็นว่าประชาชนในพื้นที่ยังไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาเพื่อไปสู่การก่อการร้ายสากล ถ้าเป็นการก่อการร้ายสากลเขาต้องประกาศแล้วว่าเป็นผลงานของใคร แต่ตอนนี้ไม่ได้ประกาศ ผมจึงเชื่อประชาชนภาคใต้ไม่ยอมอย่างนั้นที่จะก่อเหตุ
ผมเรียนว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นแผนที่มีมานานแล้วตั้งแต่ปี 2535 เป็นเป้าหมายของกลุ่มอุดมการณ์ที่พยายามไปให้ถึง เขาพยายามที่จะทำ คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายกลุ่ม ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีเอกภาพ สำหรับเหตุการณ์ที่หาดใหญ่ผู้ก่อเหตุทำได้ง่ายซึ่งสมัยก่อนเคยทำมาแล้วตั้งแต่ปี 44 ที่ผู้ก่อการร้ายนั่งรถไฟมาและก็นั่งรถไฟกลับ ผมจึงบอกว่าหากไม่ใช่วิธีทหาร หรือ แก้ทางความคิดก็ไม่สามารถทำได้ ส่วนที่ ผบ.ทบ.จะพยายามหาหัวให้เจอนั้น การได้หัวมา เราก็จะทำลายแค่หัว เราลองย้อนกลับไปดูที่ประเทศอิรัก เมื่อจับซัดดัมได้ เรื่องก็ยังไม่จบดังเรื่องเราจะต้องแก้ทางความคิดทั้งกระบวนการ ส่วนการเสนอให้มีการปิดวงจรปิดรอบเมือง อ.หาดใหญ่ ผมเห็นด้วยเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็เป็นการปราบ ทำแล้วคุ้ม แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากก็ตาม
หน้า 2