เบรกทำคดี คาร์บอมบ์ จ่ายักษ์ฮ่าๆ หัวร่อร่วน!
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 21 ก.ย. พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดสอบสวนในคดีนี้เดินทางมาที่กองปราบปราม ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า การสอบสวนต้องดำเนินการต่อไป แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการเรียกประชุมสอบถามความคืบหน้า ส่วนในวันนี้ได้เดินทางมาดูว่ามีพนักงานสอบสวนเข้ามาทำงานหรือไม่ แต่เมื่อไม่มีใครมาทำงานจึงเดินทางกลับ
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่มีการปฏิรูปการเมือง บรรยากาศกลับเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แทบจะไม่เห็นพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวมาทำงานแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองปราบปราม ที่เข้ามาทำงานในหน้าที่รับผิดชอบตามปกติเท่านั้น
ขณะที่นายนิธิกร นนทสวัสดิ์ ทนายความ ร.ท. ธวัชชัย กลิ่นชะนะ 1 ในผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์กล่าวว่า ทราบข่าวพนักงานสอบสวนระงับการยื่นคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากต้องรอคำสั่งจาก ผบ.ตร.อีกครั้ง หากพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้าเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะยื่นคัดค้าน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะข้อเท็จจริง ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำทหาร ไม่สามารถไปก่อเหตุดังกล่าวได้อยู่แล้ว ส่วนคดีดังกล่าวจะเป็นไปในทิศทางใดหลังจากนี้ ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะแสดงความคิดเห็นได้
ด้าน จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ผู้ต้องหาที่ให้การซัดทอดกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ และเป็นผู้ต้องหาคนเดียวที่ถูกควบคุมอยู่ที่กองปราบปราม ยังคงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามปกติ โดยมีคอมมานโด 4 นาย ทำหน้าที่ดูแลจ่ายักษ์ อยู่ที่หน้าห้องควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ มีรายงานว่าหลังจากจ่ายักษ์ทราบข่าวการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงกับหัวเราะร่วนกับตำรวจที่อยู่หน้าห้อง โดยพูดเป็นเชิงทีเล่นทีจริงเพียงว่า เห็นมั้ยละ มาหาว่าจ่ายักษ์ติงต๊อง
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เดินทางออกจากกองปราบปราม เข้าพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที ซึ่ง พล.ต.ต.วินัยปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด แต่กล่าวเพียงว่าเป็นการเข้าพบ ผบ.ตร.ตามปกติ ไม่ได้มีการสั่งการใดๆเป็นพิเศษ
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=20501และแล้วเรื่องคาร์บอม ส่อเค้าว่าจะไม่ใช่ คาร์บ๊องซะแล้ว
คนไทยต้องส่วนนึงควรต้องทบทวนตัวเอง เรื่อง กาลามสูตร ,อคติ ,ความเชื่อ
ระบอบขบวนการใส่ร้าย เต้าข่าวอยู่คู่กับ ประเทศด้อยพัฒนาอย่างเรามานาน
ตัดแข้งตัดขานายกร่วงมาหลายคนแล้ว
แค่สร้างข่าวเปิดโปงว่าจัดฉาก หรือกล่าวหาเรื่องอื่นๆ ผู้คนฟังก็พากันเชื่อทันที พากันโกรธแค้นกันเสียแล้ว
ที่น่าเกลียดคือบางทีก็สร้างหลักฐานเท็จ เพื่อมัดตัวฝ่ายรัฐได้หลายเรื่อง
คิดแล้วอิจฉาสิงค์โป -มาเลย์ เขากินดีอยู่ดีทำท่าจะทิ้งห่างประเทศไทยมากขึ้นๆ