เที่ยวบินพิสดาร คดีคาร์บ๊องส์ กำลังถูกกลบโดยคำถามสำคัญต่อชาติบ้านเมืองว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" จะเว้นวรรคหรือไม่ แต่คนวงในเชื่อมั่นแบบเชื่อขนมแป๊ะยิ้มกินก่อนได้ว่า เว้นวรรคแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นยังถามต่อไปอีก
จะกลับมาประกาศสู้ๆ หรือขออยู่เมืองนอกชั่วคราวหรือยาวนาน ?
ข่าวลวงเรื่องปฏิวัติรัฐประหารนั้น ก็ใช่ว่าจะไร้มูลฐาน แบบไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ ไม่มีไฟย่อมไม่มีควันนั่นแล ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ไร้การโดนอุ้มหรือหิ้วตอนขากลับ ควรรอดูสถานการณ์ที่ลอนดอนจะเข้าท่ากว่า
การขนสมบัติไปไว้เมืองนอก ถ้ากรณีต้องลี้ภัยยาวคงใกล้จะหมดแล้ว เที่ยวล่าสุดก็ขนไปเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมานี้เอง เป็นเที่ยวบินพิเศษสุด จัดเฉพาะวีไอพีเท่านั้น
เพื่อป้องกันการกล่าวหาว่าเต้าข่าวหรือมั่วนิ่ม ก็ต้องยืนยันกันด้วยหลักฐาน เที่ยวบินพิเศษนี้มีผู้โดยสารรวม 25 คน แยกเป็นนั่งชั้นหนึ่ง 6 คน ได้แก่ "เสี่ยปานปรีย์ พหิทธานุกร" หนุ่มหล่อล่ำบึ้ก ขวัญใจแม่ยกระดับชาติ มาดเข้มสุดๆ
ตามด้วยบุรุษผู้พิสมัยหูกระต่าย "เสี่ยพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์" ที่ปรึกษาด้านการเมือง จนบ้านเมืองแทบล่มจมอยู่ในขณะนี้
"หมอเลี้ยบ" สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รับบทฆ้องปากแตกของรัฐบาล เสี่ยอภินันท์ ปวฤทธิ์ และ เสี่ยประวิช รัตนเพียร
และบุรุษผู้เป็นอภิมหาวีไอพีในเที่ยวบินนี้คือ เจ้าของฉายา "หงอกมหากาฬ" "เสี่ยผดุง ลิ้ม..." อภิมหาเลขาฯ ของ "ซีอีโอแกงโฮะ" นั่นเอง
เป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ทีจี 8846 ใช้เครื่องบินแอร์บัส เอ 340-600 ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 06.10 น. มุ่งตรงไปสนามบินแก็ทวิค กรุงลอนดอน ก่อนไปคิวบา เพื่อให้คณะนี้ไปร่วมประชุมกลุ่มประเทศผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
เครื่องบินทั้งลำมีผู้โดยสารเพียง 25 คน นอกจากชั้นหนึ่ง 6 คนแล้ว ก็มี 7 คน อยู่ชั้นธุรกิจ และ 12 คน อยู่ในชั้นประหยัด หรือสำหรับชนชาวกระจอกนั่นเอง
เครื่องบินลำนี้สามารถบรรจุได้ 8 ที่นั่งในชั้นหนึ่ง 60 ที่นั่งในชั้นธุรกิจ และ 199 ที่นั่งในชั้นประหยัด ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง เมื่อเป็นเที่ยวบินพิเศษ ก็ลงสนามบินแก็ทวิคได้ แทนที่จะไปสนามบินฮีทโธรว์
มีอะไรพิเศษเรอะ ?
ป่าว ! มีความพิสดารต่างหาก !!! เพราะเครื่องบินลำนี้ไปได้บินโดยให้ผู้โดยสารผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแบบปกติ แต่ทั้งกลุ่มไปขึ้นเครื่องที่ บน.6 ของกองทัพอากาศ ทั้งๆ ที่ไม่มีบุคคลสำคัญระดับรัฐมนตรีตัวเอ้
เพราะอะไร ? อ่า ! บุรุษผู้มีเลือดรักชาติเต็มเปี่ยม ในเครื่องแบบสีเทาแอบกระซิบให้ฟังว่า ผู้โดยสาร 25 คน ทำไมมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มากถึง 56 ใบ มีใครขนอะไรเป็นพิเศษหรือ ถึงไม่ต้องผ่านการตรวจของศุลกากร
ถ้าคิดเฉลี่ยโดยทั่วไป ผู้เดินทาง 25 คน ก็น่าจะมีกระเป๋าเดินทาง 25 ใบ แต่หนุ่มสีเทาแอบสังเกตว่ามี 30 ใบ ได้รับการนับแบบแยกส่วนเป็นพิเศษ โดย "เสี่ยดุง ลิ้ม" เป็นผู้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
ชี้นิ้ว บ๊งเบ๊ง ล้งเล้งสั่งการตามสไตล์ผู้ใกล้ชิดฐานอำนาจ !
อืมม์...มีใครขนสมบัติมหาศาลเพื่อไปอยู่เมืองนอกยาวนานหรือ ? คงไม่ใช่พวกกะปิ น้ำปลา แจ่วบอง ปลาร้ากระป๋อง แกงโฮะ หรือบะหมี่สำเร็จรูป เพราะร้านจีนในย่านโซโห กรุงลอนดอนก็มีขายเยอะแยะ
ต้องเป็นทรัพย์สินอันมีค่าแหงๆ จึงไม่อยากให้ใครรู้เห็น !
มีนักเดินทางบ่อยๆ แอบกระซิบต่ออีกว่า ช่วงที่ผ่านมาหาแลกเงินสกุลปอนด์ ฟรังก์สวิส และยูโร ยากเย็นแสนเข็ญ ต้องให้จองล่วงหน้า 2-3 วัน รอให้นักเดินทางต่างประเทศเอามาแลกซะก่อน
ใครกว้านซื้อเงินตราต่างประเทศมากมายขนาดนั้น จนแทบหมดตลาดแลกเงิน โดยเฉพาะพวกร้านรับแลกเงินตราขาใหญ่ย่านประตูน้ำ ?
กระเป๋า 30 ใบใหญ่ น่าจะเป็นของบุคคลสำคัญอย่างยิ่ง เป็นที่เกรงใจของ "เสี่ยดุง ลิ้ม" จึงต้องให้ดูแลเป็นพิเศษ ห้ามหาย หรือให้ใครเปิดเด็ดขาด จากนั้นเครื่องบินลำนี้ก็จะพาคณะวีไอพีไปคิวบา
ใครจ่ายเงินค่าเช่าเหมาลำ ? ถ้าเป็นการเอื้ออาทร จะทำให้การบินไทยสูญเสียรายได้วันละล้านกว่าบาท และจะต้องรอที่คิวบา พาบินไปร่วมประชุมยูเอ็นในนิวยอร์ก หลังจากนั้นหรือไม่
ประเด็นนี้น่ารับไว้วิเคราะห์อย่างยิ่ง เพียง 25 คน น่าจะใช้เที่ยวบินพาณิชย์ก็ได้ แต่คงเป็นเพราะกระเป๋า 30 ใบนั่นแหละ ทำให้เกิดความยุ่งยาก ไหนๆ ก็จะขนสมบัติมหาศาล จะกังวลอะไรกับค่าเช่าเครื่องบิน
เดี๋ยวจะเกิดปรากฏการณ์ เสียน้อย เสียยาก เสียมาก เสียง่าย ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าของกระเป๋าน่าจะต้องรับผิดชอบด้วยการจ่ายค่าเช่าเหมาลำด้วย แลกกับความสะดวกและปลอดภัยของทรัพย์สิน
คำถามก็คือ กองทัพอากาศได้เป็นช่องทางสำหรับมนุษย์วีไอพีการเมือง เพื่อทำการลำเลียง โยกย้าย ขนถ่ายอะไรออกไปจากประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจสอบหรือ และหน่วยงานอื่นๆ ยอมได้ไง ?
และเอกสิทธิทางการทูตเป็นมาตรการซึ่งใช้ได้ฟุ่มเฟือยเช่นนั้นหรือ ! เอาเหอะ ! ไม่เป็นใร ถ้าต้องแลกกับการเว้นวรรคยาวถึงขั้นถาวรนิ ! อิอิอิ !!!