พลันที่ได้คลิกกระทู้แนะนำในในเว็บไซต์ราชดำเนินพันทิป มีอยู่กระทู้หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า กำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนังสือพิมพ์และสื่อกระแสหลัก (กระทู้ที่ P4665606) ซึ่งผู้ที่ใช้นามแฝง ป๋าเจ้าเก่า ให้เหตุผลในกลยุทธ์นี้ว่า สื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันกระทำการบิดเบือน และพิพากษาไม่ต่างจากศาลเตี้ย พร้อมทั้งการนำเสนอข่าวที่เต็มไปด้วยอคติ บ่มเพาะความเกลียดชังให้แก่สังคม โดยปราศจากพื้นฐานที่แท้จริงโดยคนกลุ่มนี้จะกระทำการกำหนดให้มีการรณรงค์คว่ำบาตรหยุดซื้อ หยุดลงโฆษณา หยุดอุดหนุนหรือคบค้ากับหนังสือพิมพ์ที่ไร้จรรยาบรรณ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนนี้ โดยพวกเขาแนะนำว่าให้ติดตามจากสื่อทางเลือกของพวกเขา เช่น ข่าวออนไลน์ที่มีให้อ่านฟรีดูฟรี อ้างว่าเป็นการตรวจสอบพวกเขาให้รู้เท่าทัน และทำทุกอย่างให้เป็นบทเรียนแก่สื่อกระแสหลัก ที่พวกเขาอ้างว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติประชาชนไทยและระบอบประชาธิปไตย
มาตรการนี้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณบนโลกออนไลน์ หลังจากที่สื่อหนังสือพิมพ์มองเรื่องการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน และด้วยข้อสังเกตหลายประการ ที่มีเหตุผลทั้งจากคนข่าวสายต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ กับการสัมภาษณ์แหล่งข่าวทั้งจากสายทหาร ทำนองว่าจะต้องเจาะลึกถึงโครงสร้างของระเบิดว่า นี่ของจริงหรือแหกตา พร้อมทั้งยกสภาวะแวดล้อมประกอบกันด้วย จนผู้รับสารเชื่อว่า นี่เป็นการจัดฉาก
แม้พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอ้างว่าเป็นการลอบสังหารนายกฯ ทักษิณจริง จนนำไปสู่กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่า เป็นการชี้นำที่บิดเบื้อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น คำพูดของนายกฯ ทักษิณก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการชี้นำบิดเบือนแนวทางการสืบสวนของฝ่ายปราบปราม
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยสู้ดีสำหรับคนทำสื่อ แต่การไม่รับข่าวสารไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา แถมการอ่านจากอินเตอร์เนทก็ยังไปเพิ่มยอดโฆษณาของหนังสือพิมพ์บางฉบับ อีกอย่างหนึ่งก็คือ คนที่อาศัยเล่นอยู่ในห้องราชดำเนินส่วนมากไม่นิยมบริโภคหนังสือพิมพ์เป็นหลักอยู่แล้ว
หนังสือพิมพ์ที่คาดว่าจะถูกคนกลุ่มนี้คว่ำบาตรก็คือ สื่อในเครือมติชน ข่าวสด เนชั่น กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก ผู้จัดการ บางกอกโพสต์ โพสต์ทูเดย์ รวมไปถึงไทยโพสต์ แนวหน้า ส่วนไทยรัฐ เดลินิวส์ อาจจะถูกหางเลขไปบ้าง เพราะการนำเสนอข่าวของไทยรัฐพักหลังๆ โน้มเอียงไปในแนวทางด้วยกันเอง พวกเขามีความเชื่อว่า สื่อหนังสือพิมพ์เหล่านั้นปั้นน้ำเป็นตัว เพราะการนำเสนอข่าวโจมตีรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งเป็นหน้าที่ของสื่อที่จะต้องแสวงหาความจริงอยู่แล้ว
อันที่จริงการบอยคอตสื่อหนังสือพิมพ์ เริ่มต้นจาก กลุ่มคนผ่านฟ้า เป็นหลัก ที่เคยใช้วิธีรณรงค์ในเรื่องของสื่อมวลชนที่เขาอ้างว่าป่วยขึ้นทุกวัน แต่เพราะวิธีปฏิบัติที่เน้นก็อบปี้ข่าวจากสื่อมวลชนมาโจมตี ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มนี้ออกมาในลักษณะที่ว่า ไม่มีอะไรหวือหวา และโดยเฉพาะการที่มีคนยุยงให้ปิดล้อมหนังสือพิมพ์ และรุมทำร้ายผู้หญิงซึ่งเป็นสื่อมวลชนหน้าที่ทำการ กกต. ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายสนับสนุนดูป่าเถื่อน สวนทางกับคำพูดผู้นำทางความคิดของพวกเขาที่อ้างว่า ต้องยึดกติกา
ในขณะที่เสียงขับไล่ยังไม่หยุดหย่อน ในกลุ่มชาวบ้านผู้สนับสนุน เห็นว่า นายกฯ ทักษิณ ที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ดีเท่า มองว่ากำลังถูกโจมตีหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน กลุ่มพันธมิตร ไปจนกระทั่งสื่อมวลชน ซึ่งบางคนตั้งข้อสังเกตไว้ว่ามีอคติต่อรัฐบาลเป็นทุนเดิม
แต่เมื่อย้อนกลับมาที่ตัวนายกฯ ทักษิณเอง จะเห็นได้ว่า ไม่เห็นพวกเขาจะสื่อสารอะไรออกมาได้ชัดเจน โดยเฉพาะข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริต คอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน การขายหุ้น และการออกมาท้าทายอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงขนาดเอาที่กั้นมาวาง ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าใกล้ แม้สื่อมวลชนจะพยายามหวังดีต่อนายกฯ ว่า ถ้านายกไม่ให้สัมภาษณ์ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายต่อต้านมีพื้นที่ข่าวมากกว่า นายกฯ ทักษิณได้แต่พูดเพียงว่า พูดไปสองไพ่เบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ... คงจะคาดคิดแล้วว่า ถึงพูดไปก็ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดีขึ้น สู้ไม่พูดเสียเลยจะดีกว่า อย่างน้อยเวลาจะตอบโต้อะไรก็เรียกใช้บริการสองโฆษกคู่หู ปุ่น-ตู่ แห่งสำนักเพชรบุรีตัดใหม่ หรือให้คนระดับหมอมาพูดแทนเลยก็ได้
ในสภาวะสังคมที่ไม่ปกติ จะเห็นได้ว่า แม้สื่อที่มีอำนาจรัฐเป็นตัวควบคุมกลไกจะสามารถยึดได้ทั้งโทรทัศน์และวิทยุ แต่สื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นสื่อทางเลือก ที่ผู้อ่านจะต้องเสียเงินเพื่อเป็นเจ้าของ เรื่องราวในบางแง่มุมไม่ได้ถูกนำขึ้นบนเว็บไซต์ บางอย่างมีรายละเอียดมากกว่าที่เว็บไซต์ข่าวของสำนักนั้นๆ ระบุถึง แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวออนไลน์ก็ยังได้รับความนิยมในแง่ของความรวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มคนชั้นกลาง ที่ล้วนแล้วแต่มีความต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ได้ดีกว่าสื่อโทรทัศน์
ส่วนข่าวหนังสือพิมพ์ ในเมื่อประชาชนในหมู่ชนชั้นกลางที่ ไม่เอาทักษิณ เริ่มรู้แกวสื่อโทรทัศน์กันมากขึ้น ข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็กลายเป็นข่าวที่นำมาพูดถึงจากสื่อโทรทัศน์ โดยเริ่มจากช่อง 3 ซึ่งเป็นฟรีทีวีช่องแรก ที่ริเริ่มนำสูตรของการเล่าข่าวจากหนังสือพิมพ์ จนทำให้ช่องอื่นๆ เริ่มนำแหล่งข่าวจากหนังสือพิมพ์มาเสริม ในแง่ของความหลากหลาย จนทำให้หนังสือพิมพ์มีอำนาจเหนือกว่าสื่อโทรทัศน์ และสามารถตีโจทย์ในสื่อรัฐบาลที่เกิดอาการแน่นิ่ง ในภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ
ไม่รู้ว่าสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ขบวนการใต้ดินจากคนกลุ่มนี้ เริ่มขยายวงกว้างจากสังคมออนไลน์ ในกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งการส่ง Forward Mail ทำหนังสือถึงบริษัทที่ซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์ ไปจนกระทั่งมาสู่คนระดับรากหญ้า ที่คนกลุ่มนี้เริ่มจะมีการทำโฆษณาชวนเชื่อ รณรงค์ในกลุ่มคนชั้นล่างไม่ให้สนับสนุนหนังสือพิมพ์ ทั้งที่คนกลุ่มนี้นิยมอ่านไทยรัฐ-เดลินิวส์ฟรีตามร้านขายข้าวผัด หรือร้านเสริมสวย ไม่ใช่วัยทำงานที่ก่อนเข้างานจะต้องซื้อหนังสือพิมพ์ติดไม้ติดมือ
ก็ต้องจับตามองถึงปรากฎการณ์วันที่ 9 เดือน 9 ว่าคนกรุงเทพฯ หรือคนตามจังหวัดต่างๆ จะเดินผ่านแผงหนังสือแล้วยอมควักเงินซื้อหนังสือพิมพ์หรือไม่ เพราะเป็นการเริ่มต้นจากคนไม่กี่ร้อยคนบนอินเตอร์เน็ต แต่หากในวันดังกล่าวมีเรื่องราวข่าวใหญ่ เห็นทีการรณรงค์แบบนี้คงจะไม่ได้ผลเสียกระมัง ...
(พรุ่งนี้จะมาว่ากันต่อถึงเว็บไซต์ The Reporter ครับ)
Related Linksกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนังสือพิมพ์และสื่อกระแสหลัก