วิธีการ "ขายชาติ" ด้วยการเป็น "นอมินี"

[RiDKuN]

ตามกฎหมายแล้ว มีข้อจำกัดมากมายสำหรับบริษัทที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย
เช่นการจำกัดกลุ่มธุรกิจที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ก็เพื่อปกป้องสิทธิของคนไทยในการทำธุรกิจบนแผ่นดินแม่
ไม่ใช่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาย่ำยีผลประโยชน์ทางธุรกิจได้ตามใจชอบในขณะที่เรายังไม่แข็งแรงพอ

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่ามีคนไทยบางส่วน ไม่นำพาต่อความเสียหายของชาติที่จะเกิดขึ้นจากการนั้น
ยังคงช่วยเหลือเกื้อกูลต่างชาติให้ทำธุรกิจต้องห้ามสำหรับต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ
บุคคลเหล่านี้เรารู้จักกันดีในชื่อเรียกว่า "นอมินี" หรือ "ผู้ถือหุ้นแทน"

วิธีการถือหุ้นแทนต่างชาตินี้ ส่วนใหญ่จะใช้การถือหุ้นกันเป็นทอดๆ
โดยใช้ช่องว่างในกฎหมายไทยที่ว่า "บริษัทสัญชาติไทย" สามารถเป็น "ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย" ได้

วิธีการดังกล่าว สามารถสร้าง "บริษัทนอมินี" ที่ต่างชาติถือหุ้นจำนวนมากในทางพฤตินัย
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน

ตามรูปที่แนบมา (อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า) บริษัท C ถือหุ้น 51% ในบริษัท B
และบริษัท B ถือหุ้น 51% ในบริษัท A และทุกบริษัท มีผู้ถือหุ้นต่างชาติ 49%

ถ้าพิจารณาตามหลักกฎหมาย ก็น่าจะบอกว่าบริษัท A คือบริษัทสัญชาติไทย
เพราะ C มีสัญชาติไทย ไปถือ 51% ใน B ก็ทำให้ B มีสัญชาติไทย
B สัญชาติไทย ไปถือ 51% ใน A ก็ทำให้ A มีสัญชาติไทย

แต่ในความเป็นจริง ถ้าพิจารณาจากมูลค่ารวมของหุ้นในทุกบริษัท ต่างชาติจะถือหุ้นรวมทั้งหมด 86.74%
ซึ่งพิจารณาตามหลักสามัญสำนึก ก็เป็นบริษัทต่างชาติชัดๆ
แต่ตามหลักกฎหมายบอกว่าเป็นสัญชาติไทย ก็ถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย

อย่างไรก็ดี การถือหุ้นแบบนี้ จะสำเร็จไม่ได้ หากปราศจาก "คนขายชาติ" ที่ทำตัวเป็น "นอมินี"
ที่กระทำการช่วยต่างชาติควบคุมบริษัท A จากการถือหุ้นในบริษัท C 51%

คนที่เป็น "นอมินี" คือคนที่ได้รับการไว้วางใจจาก "ต่างชาติ" ว่าเขาจะไม่ "ทรยศ"
ไม่ "ยึดครอง" บริษัทที่ตัวเองมีอำนาจสูงสุดทางนิตินัย ให้กลายเป็นของตนเอง

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องจัดการกับพวก "นอมินี" ที่ทำตัวเป็น "ทาสต่างชาติ"
เพราะการเป็นนอมินีนั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการเจตนาถือหุ้นให้ต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย

ที่ผ่านมาเราคงปล่อยปละละเลยมามากพอแล้ว ได้เวลาจริงจังกับคนพวกนี้เสียที
หรืออยากให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองเมืองไทย ผ่านทางพวก "คนขายชาติ"???

[Sweet Chin Music]

นอมินี แปลเป็นไทย หมายถึง คนหนักแผ่นดิน

[ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว]

จริงๆแล้วกฎหมายลักษณะนี้มีช่องโหว่ชัดเจนครับ ridkun

ถ้าจะอ้างว่า ต่างชาติจะต้องมาลงทุน เพราะไทยยังต้องใช้จมูกคนอื่นหายใจ มันก็ใช่

แต่ผมอยากเห็นการลงทุนในแบบที่ สัดส่วนจริงๆของผู้ถือหุ้นต่างชาติ เป็นไปตามกฏหมาย
ไม่ใช่เปิดบริษัทมดปลวกกันขึ้นมามากมายเพื่อเลี่ยงกฏหมายแบบนี้

เฮ้ออออ   

[AsianNeocon]

ผมคิดว่า ถ้าจัดการจริงๆ ควรทำรอบเดียวเบ็ดเสร็จไปเลย โดยนอกจากจะจัดการกับพวกถือหุ้นแทนเพื่อตบตาทางการแล้ว ก็ให้ครอบคลุมพวก "ต่างชาติหัวดำ" ที่เอาเงินร้อนเข้ามาเก็งค่าเงินบาทและปั่นหุ้นในตลาดลักทรัพย์ด้วย

ที่ผ่านมาเราคงปล่อยปละละเลยมามากพอแล้ว ได้เวลาจริงจังกับคนพวกนี้เสียที
หรืออยากให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองเมืองไทย ผ่านทางพวก "คนขายชาติ"???

ถ้าไม่จัดการแบบรุนแรง ด้วยการติดคุกโดยไม่มีการอภัยโทษหรือประกันตัวหรือแค่ปรับ คนพวกนี้ไม่เข็ด ก็จะมี "อาชีพรับจ้างขายชาติ" ต่อไปเรื่อยๆ เกิดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอาชีพนี้มีคนทำเต็มไปหมด มีผู้นำชั่วขายชาติโผล่มาเมื่อไร ก็พร้อมถูกเรียกรวมพลได้ทันที

อย่างกรณีเร็วๆนี้ ไม่น่าเชื่อว่า คนในตระกูลดังฐานะร่ำรวยบางตระกูลซึ่งมีชื่อเสียงแต่ต้นตระกูล กลับยอมทำงานอัปยศแบบนี้

[Neoconservative]

ต้องแก้ กฏหมาย หลายจุด เพราะตอนนี้ ต่างชาติ และ ต่างชาติหัวดำ ใช้ความเป็น นิติบุคคล สัญชาติไทยในการถือ ครอง หุ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงห้ามไม่ได้ นโยบายจึงต้อง ออกมาจากรัฐบาล กลางเท่านั้น

[ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว]

นั่นสินะครับ  เฮ่ออ ผมเริ่มยัวะอีกแล้ว  นึกไปถึงไส้ศึกสมัยอยุธยาน่ะคุณ  
เมืองไทยนี่ เราถูกสาปหรือครับ ทำไมต้องมีคนแบบนี้ชั่วนาตาปี
แล้วอย่างงี้ ไทยจะไปสู้เกาหลีญี่ปุ่นได้ไงว้า  ฝันเพ้อเจ้อ

ไอ้คนไทยพวกนี้ มันทำราวกับว่า ถ้าไอ้ต่างชาติมันไม่มีเปอร์เซนต์มากกว่า 50% มันจะไม่ยอมเอาเงินมาลงทุนเลยว่างั้นเถอะ

ผมกลับมองว่า ถ้าปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเป็นไทยเทียมแบบนี้  ถึงแม้เงินหมุนในประเทศจะสูงก็จริง
แต่แท้จริงแล้ว มันคือ The Matrix  ภาพที่เห็นล้วนเป็นภาพลวง  เราใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ถ้าถอดก็ตาย

หนำซ้ำ ประชาชนยังไม่ตระหนัก คิดค้นวิธีหายใจด้วยตัวเองบ้างเลย  
ลืมตาขึ้นมาก็คิดแต่ว่า ทำยังไงจะดึงเงินนอกมาเข้าระบบ แล้วฉันจะกอบโกยได้ยังไงบ้าง น่าเป็นห่วง

[เก็ดถวา]

"ถ้าเราไม่พัฒนาก็จะอยู่อย่างนี้ ผมจึงตัดสินใจว่า ต้องเข้าใจโลกาภิวัฒน์

ต้องเข้าใจว่าทุนนิยมสมัยใหม่ ต้องทำอย่างไร"

ทักษิณ ชินวัตร
กล่าวไว้ในการประชุมหารือในส่วนราชการพลเรือน
เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติราชการหลังยุบสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2549
---------------------------------------------------------


อ่ะคะ.. หรือนี่คือการเข้าใจทุนนิยมสมัยใหม่ ในระบอบทักษิณ 

[RiDKuN]

นั่นสินะครับ  เฮ่ออ ผมเริ่มยัวะอีกแล้ว  นึกไปถึงไส้ศึกสมัยอยุธยาน่ะคุณ 
เมืองไทยนี่ เราถูกสาปหรือครับ ทำไมต้องมีคนแบบนี้ชั่วนาตาปี
แล้วอย่างงี้ ไทยจะไปสู้เกาหลีญี่ปุ่นได้ไงว้า  ฝันเพ้อเจ้อ

ไอ้คนไทยพวกนี้ มันทำราวกับว่า ถ้าไอ้ต่างชาติมันไม่มีเปอร์เซนต์มากกว่า 50% มันจะไม่ยอมเอาเงินมาลงทุนเลยว่างั้นเถอะ

ผมกลับมองว่า ถ้าปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเป็นไทยเทียมแบบนี้  ถึงแม้เงินหมุนในประเทศจะสูงก็จริง
แต่แท้จริงแล้ว มันคือ The Matrix  ภาพที่เห็นล้วนเป็นภาพลวง  เราใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ถ้าถอดก็ตาย

หนำซ้ำ ประชาชนยังไม่ตระหนัก คิดค้นวิธีหายใจด้วยตัวเองบ้างเลย 
ลืมตาขึ้นมาก็คิดแต่ว่า ทำยังไงจะดึงเงินนอกมาเข้าระบบ แล้วฉันจะกอบโกยได้ยังไงบ้าง น่าเป็นห่วง

คุณเข้าใจผิดไปแล้ว คนไทยพวกนี้ ไม่สนใจหรอกว่าต่างชาติจะมีเกิน 50% หรือน้อยกว่า 50%
เขาสนใจแต่ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ จากการเป็น "หุ่นกระบอก" ให้ต่างชาติ "ชักใย" ต่างหาก 

[เพนกวินน้อยนักอ่าน]

ก็พวกนี้มันพวกสันดานเล่นหุ้น รวยเพราะหุ้น
จะให้มันไปปั้นธุรกิจ มันก็ขี้เกียจกันแล้ว

เลยใช้วิธี ให้ช่องทางเงินต่างชาติไหลเข้า แล้วเอากำไร
ถ้าไม่มีเงินต่างชาติ ธุรกิจก็ไม่โต

ซึ่งวิธีการที่ถูกต้องคือพยายามสนับสนุน การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในธุรกิจต่างๆ
ให้มากเข้าไว้เพื่อให้ ตลาดมันโตขึ้นเรื่อยๆ

แต่นี่ไม่โต เพราะมันปั่นหุ้น รอเงินฝรั่งอย่างเดียว
ไม่ได้คิดพัฒนาโครงสร้างเลย
ถ้าทำจริงจังมันน่าจะถึงพันจุดได้ตั้งนานแล้ว โดยไม่ต้องรอแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ประเทศไทย มีคนสันดานผักชีโรยหน้า คิดอะไรตื้นๆ อยู่เยอะมาก ทำให้ใครมาบริหารกลต. ก็ลำบาก

ถ้าทักษิณมันเจตนาดีจริง
มันต้องฟันโชะเลย ให้เบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์
หาบริษัทมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ มากที่สุด

สงสัยมันกลัว เงินไหลเข้าเบียร์ช้าง
แล้วการครอบงำตลาดหุ้น จะเปลี่ยนแกนไป
 

[INC.BKK]

กฏหมายสำหรับเศรษฐี ตราบใดที่เมืองไทยปกครองโดยระบบนายทุน เศรษฐี กฏหมายนี้ก็ยังใช้ได้ตลอดไปแหล่ะครับ