ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-11-2024, 20:24
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ชายคาพักใจ  |  มี เรื่อง ดีดี ให้อ่านครับ ได้มาจาก Fw mail ของคนอื่นอะครับ ลอง อ่านดู 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
มี เรื่อง ดีดี ให้อ่านครับ ได้มาจาก Fw mail ของคนอื่นอะครับ ลอง อ่านดู  (อ่าน 1748 ครั้ง)
Trech2499
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4



เว็บไซต์
« เมื่อ: 11-04-2007, 20:10 »

เรื่องเล่าจากในวัง - อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ                มีเรื่อง
 
ที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดที่จังหวัด
ตาก  เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆและได้ทรงเสด็จไปเยี่ยม
ประชาชนในตลาดสดและถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาดแต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า
          "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"แม่ค้าตอบว่า
         "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ  40บาทและที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80บาทจ๊ะ"
 
เหตุการณ์นี้  ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
   


เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7โมงเช้านางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์เล็กได้รับ
 
โทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย  ขอพูดสายกับฟ้าหญิงทางนางสนองพระโอษฐ์  ก็สอบถามว่า
ใครจะพูดสายด้วยก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์นางสนองพระโอฐก็ งง...งงว่าคน
ที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่าแต่ พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์
แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะก็ที่แบงค์จริงๆนะ  ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
   


อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่
 
คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์
ได้อย่างน่าฉงนเมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้จึงมีคำ
กราบทูลว่า
               "ข้าพระพุทธเจ้าโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน
 
พระพุทธเจ้า.."มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือนก็ทรงตรัส
ถามว่า
               "เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.."พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า           "
 
มีทั้งหมดสามตัว  พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยัง
           เล็ก  ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
   
เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้
 
ในหลวง
    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ  72พรรษา  มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
 
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายา
    ลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับ
 
เจ้าหน้าที่ว่า
                 "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"

เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้ง
 
แผ่นดินและไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระ
บาทถวายรายงานครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคม
ทูลรายงานว่า
                 "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม              ข้า
 
พระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช
                  ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"เมื่อสิ้น
 
คำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
            "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเพราะผู้
 
รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญา
บัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย  ทรง
โปรดสูบมวนพระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้
พร้อมทูลว่า             "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"ในหลวงทรงชะงักก่อนจะแย้มสรวล
น้อยๆ  กับอธิการบดีว่า             "เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"เคยมี
เรื่องเล่าให้ฟังว่าในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรอยู่
ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้วแต่ราษฎรผู้หนึ่ง
กราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า              "ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า
                  "ขอเดชะ  พระหมดแล้ว "


วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัดก็มี
 
ชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมายพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาทที่แถว
หน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาทแล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์
ของในหลวง  แล้วก็พูดว่า              "ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง"แล้วก็
พูดว่า ยายอย่างโน้น  ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัส
รับสั่งตอบว่ากระไรแต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่
    กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบ
 
ว่ากับหญิงชราคนนั้นทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว  เพราะพระองค์ทรงตรัส
ว่า             "เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะต้องเรียก
น้าซิถึงจะถูก"
   


ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระ
 
อาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษาคุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญ
 
ทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า
                "เอ้อ - ทรง...  อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
 
            อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล
ตรัสว่า
                "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคง
 
จะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า
               "เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะเป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการ
 
กันเป็นภาษาอังกฤษไป
   

มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรอธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิต
 
แล้วบังเอิญว่า  มีเหตุขัดข้องบางประการทำให้อ่านขาดตอนก็ต้องรีบหาว่าอ่านราย
ชื่อไปถึงไหนแล้วปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้  ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
           "เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....)เค้ารับไปแล้ว"และมีอีกปีนึงขณะที่พระราช
ทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ  ไฟดับไปชั่วขณะ...ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญ
ในการถ่ายรูปพอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะให้พระบรม
ราโชวาทท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้งเพื่อจะได้
มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
    ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม

                                                    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานถ้ารักท่านก็ส่งไปเรื่อยๆนะ
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #1 เมื่อ: 11-04-2007, 20:23 »


ขอบพระคุณที่นำมาไว้ที่นี่ค่ะ
เคยอ่านแล้วหลายรอบ แต่ไม่ว่าจะอ่านอีกกี่รอบ ก็ยังซาบซึ้งอยู่เสมอ
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
หน้า: [1]
    กระโดดไป: